4 มิถุนายน 2568 - ดร.สุริยะใส กตะศิลา คณบดีวิทยาลัยผู้นำและนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊กวิเคราะห์ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา หัวข้อ "จุดยืนที่อ่อนแอจะพ่ายแพ้บนโต๊ะเจรจา" มีเนื้อหาดังนี้
จากกรณีที่เกิดเหตุปะทะบริเวณชายแดนช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี ระหว่างทหารไทยและกัมพูชา ซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตและนำไปสู่การออกแถลงการณ์จากรัฐบาลไทยนั้น แม้รัฐบาลจะแสดงท่าทีประคับประคองสถานการณ์ผ่านกลไกทางการทูต เช่น JBC และ GBC แต่ก็ยังมีจุดอ่อนสำคัญในแง่ยุทธศาสตร์การทูต การสื่อสารต่อประชาชน และการยืนหยัดเชิงหลักการอธิปไตยที่หนักแน่น ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อผลประโยชน์ระยะยาวของประเทศได้ ดังนี้
1. ความไม่ชัดเจนเรื่องแผนที่ รัฐบาลไทยไม่ได้แสดงจุดยืนที่ชัดเจนต่อแผนที่ 1:200,000 ซึ่งเคยเป็นประเด็นสำคัญในกรณีพิพาทเขาพระวิหาร การไม่ปฏิเสธแผนที่ดังกล่าวอย่างชัดแจ้งอาจถูกตีความว่าไทยยอมรับโดยปริยาย เป็นจุดอ่อนที่กัมพูชาอาจใช้ในการต่อรองในเวทีระหว่างประเทศได้
2. ท่าทีคลุมเครือต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) แม้จะมีท่าทีไม่ต้องการให้ความขัดแย้งลุกลาม แต่รัฐบาลไทยก็ไม่ได้ประกาศชัดเจนว่าจะไม่ยอมรับอำนาจของ ICJ ในกรณีที่กัมพูชาจะยื่นเรื่องฝ่ายเดียว การไม่แสดงท่าทีแข็งกร้าวในจุดนี้อาจเปิดช่องให้ไทยเสียเปรียบทางกฎหมาย
3. การสื่อสารกับประชาชนที่ไม่ตรงประเด็น แถลงการณ์เน้นย้ำความสงบเรียบร้อย แต่ไม่ชี้แจงข้อเท็จจริงว่าพื้นที่ดังกล่าวมีสถานะทางกฎหมายเช่นไร รวมถึงไม่ได้อธิบายให้ประชาชนเข้าใจถึงที่มาของข้อพิพาทและจุดยืนที่แท้จริงของรัฐไทย
4. ขาดยุทธศาสตร์เชิงรุก แถลงการณ์ไม่มีการนำเสนอแผนการเจรจาเชิงรุก เช่น การเร่งรัดการประชุม JBC การวางกรอบเวลา การเสนอแนวกันชนหรือความร่วมมือชายแดนร่วมกัน ทำให้ภาพลักษณ์รัฐบาลไทยดูเหมือนตั้งรับ ไม่สร้างน้ำหนักในเวทีระหว่างประเทศ
5. ไม่ตอบโต้การเคลื่อนไหวเชิงสื่อสารของกัมพูชา ในขณะที่ฝ่ายกัมพูชานำประเด็นนี้ไปสู่เวทีระหว่างประเทศและประกาศชัดว่าจะยื่นเรื่องต่อ ICJ รัฐบาลไทยกลับยังใช้ภาษาทางการแบบหลีกเลี่ยง ไม่ตอบโต้อย่างทันเกม
6. การกล่าวอ้างสิทธิปฏิบัติต่อเนื่อง (Effective Control) ที่ไม่เสริมด้วยหลักฐาน แม้จะย้ำว่าไทยปฏิบัติต่อพื้นที่มาโดยต่อเนื่อง แต่ไม่มีการอ้างหลักฐาน เช่น ภาพถ่ายดาวเทียม เอกสารแสดงการดูแลพื้นที่หรือกิจกรรมของรัฐที่ผ่านมา ซึ่งจำเป็นต่อการอธิบายต่อสาธารณชนและใช้ในเวทีระหว่างประเทศ
รัฐบาลไทยจึงต้องใช้โอกาสนี้ทบทวนยุทธศาสตร์การต่างประเทศ และสื่อสารกับประชาชนด้วยข้อมูลที่ชัดเจน ตรงไปตรงมา และจุดยืนที่เข้มแข็ง เพราะจุดยืนที่อ่อนแอจะทำให้เราพ่ายแพ้บนโต๊ะเจรจาในที่สุด.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ปักหมุดอ้างอิงชั่วคราวชายแดนไทย–กัม พูชา 8.3 กม.แล้ว!
ทร.เผยปักหมุดอ้างอิงชั่วคราว ชายแดนไทย–กัมพูชา (บริเวณหลักเขตที่ 52–59) อำเภอโป่งน้ำร้อน จังหวัดจันทบุรีเสร็จเรียบร้อยแล้ว ระยะทาง 8.3 กิโลเมตร รวม 166 หมุด
ม.รังสิต มอบทุนการศึกษา 2 หมื่นบาท ช่วยนักศึกษาเดือดร้อนจากภัยน้ำท่วมภาคใต้
มหาวิทยาลัยรังสิต ประกาศมาตรการให้ความช่วยเหลือแก่นักศึกษาที่ครอบครัวได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยพื้นที่ภาคใต้ในอำเภอและจังหวัดที่ประกาศเป็นเขตภัยพิบัติ ซึ่งได้รับความ
เปิดรายงาน AOT ชี้ชัดเขมรซุกทุ่นระเบิดใหม่ ทำทหารไทยขาขาดรายที่ 7
กองทัพไทยเปิดรายงาน ผลตรวจสอบของ AOT ยันทุ่นระเบิด PMN-2 ห้วยตามาเรีย- ภูมะเขือ ทำทหารขาขาดรายที่ 7 ถูกฝังใหม่ ไม่ใช่ทุ่นระเบิดเก่าตามที่กองทัพกัมพูชาอ้าง
ชายแดนระอุ! ทภ. 2 ส่องทหารกัมพูชา 4 พื้นที่เสี่ยง สร้างกระเช้าขึ้นเนิน ส่งรถถังประชิด วางทุ่นระเบิดล้อมรอบ
กองทัพภาคที่ 2 อัปเดตสถานการณ์ 4 พื้นที่เสี่ยง ทหารกัมพูชาตรึงกำลัง-วางทุ่นระเบิดรอบพื้นที่ ใช้ปราสาทตาควาย เป็นบังเกอร์ สร้างกระเช้าขึ้นเนิน 350 ด้านทิศตะวันตก ภูมะเขือ มีรถถัง10คัน ส่วนช่องอานม้าเนิน 677ถูกยึด ช่องบก มีกำลัง 800 นาย
'กองทัพบก' ซัดเขมรใช้ไอโอสร้างข่าวปลอมใส่ร้ายไทย! ต่อนานาชาติ
ทบ.ชี้แจงข้อเท็จจริง โต้กระบวนการสร้างข่าวปลอมของกัมพูชา ที่มุ่งทำลายชื่อเสียงประเทศไทย
ม.รังสิต มอบทุนทรัพย์ช่วยเหลือทหารหาญและครอบครัว 27 ราย เชิดชูผู้เสียสละเพื่อชาติ
มหาวิทยาลัยรังสิต จัดพิธีมอบทุนทรัพย์เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจแก่ทหารหาญและครอบครัวรวมจำนวน 27 ราย โดยมีครอบครัวทหาร 7 ครอบครัว


