อดทนอีกนิด!ข้อพิพาทชายแดน ปชช.หมดศรัทธารบ.จนเกินต้าน ถึงขั้นเปลี่ยนนายกฯ - ยุบสภา

'จตุพร' ฟันธงข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชาปชช.หมดศรัทธารัฐบาลจนเกินต้าน ทำให้เกิดอาการหัวคะมำถึงขั้นเปลี่ยนนายกฯใหม่ หรือ ยุบสภา บวกกับความบาดหมางพรรคร่วมความอยากคุมมท.ของพท. รัฐบาลมีสภาพเละเทะ จึงไม่มีคุณสมบัติพร้อมจะปกป้องประเทศได้ 

18มิ.ย.2568 - นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์รายการประเทศไทยต้องมาก่อน ว่า ขณะนี้สถานการณ์ทั้งภายในประเทศและการพิพาทดินแดนกับกัมพูชา เริ่มรุมเร้ารัฐบาลที่ประชาชนหมดศรัทธา จึงหมดกำลังต้านปัญหาได้ไว้ ดังนั้น ความอยากที่เคยตัวกับการครอบครองอำนาจเบ็ดเสร็จของพรรคเพื่อไทยจะทำให้เกิดอาการหัวคะมำถึงขั้นเปลี่ยนนายกฯ ใหม่ หรือ ยุบสภา ซึ่งคงเกิดขึ้นอีกไม่นาน

"สิ่งสำคัญ เหตุนำไปสู่อาการหัวคะมำนั้น มาจากการตั้งรัฐบาลที่มีจุดเริ่มต้นจากการโกหก หักหลังประชาชน และพรรคร่วมทางการเมือง แล้วข้ามขั้วจับมือกับพรรคฝ่ายรัฐประหาร ตั้งรัฐบาลเพียงเพื่อพาทักษิณ ชินวัตร กลับบ้าน เมื่อ 22 ส.ค. 66 ดังนั้น คำมั่นสัญญาจากการหาเสียงจึงว่างเปล่า"

นายจตุพร กล่าวว่า แม้นายเศรษฐา ทวีสิน จากพรรคเพื่อไทยได้เสียง สว.ของฝ่ายรัฐประหาร 152 คน โหวตให้เป็นนายกฯ แต่คำประกาศเทหมดหน้าตักเพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจก็ไม่เป็นจริง เพราะเมื่อเสียการเมือง โดยทรยศเสียงประชาชน ความเชื่อมั่นศรัทธาจึงหดหาย ดังนั้น เศรษฐกิจก็แก้ไม่ได้ ไม่เพียงเท่านั้น นโยบายหาเสียงแทบทุกข้อล้วนล้มเหลวสิ้นเชิง รวมทั้งคำคุยโวเป็นมืออาชีพ คิดใหญ่ ทำเป็น จึงหมดสภาพไปด้วยความอับอาย

ส่วนสิ่งที่รัฐบาลเพื่อไทยจะทำ ทั้งที่ไม่ได้เป็นนโยบายหาเสียงอย่างบ่อนกาสิโน การพนันออนไลน์ รวมถึงขยายเวลาให้ต่างชาติเช่าที่ดิน 99 ปีก็งอกมาจากจุดเริ่มต้นตามคำพูดวิสัยทัศน์ของทักษิณ แล้วนายกฯ นำไปแถลงเป็นนโยบายเร่งด่วน ตั้งหน้าตั้งตาผลักดันให้เป็นจริงให้ได้ในขณะนี้

กระทั่งการแก้ปัญหาเศรษฐกิจไม่สำเร็จ ได้ลุกลามไปสู่ปัญหาอื่นๆ ด้วยความต้องการจะทำบ่อนกาสิโนและพนันออนไลน์ให้ได้จึงสวนทางกับความรู้สึกของประชาชน อีกทั้งพรรคร่วมรัฐบาลไม่พอใจและยืนขวาง จนนำไปสู่ความระหองระแหงระหว่างเพื่อไทยกับภูมิใจไทยในโควต้า มท. ที่เกี่ยวพันกับบ่อนกาสิโนและพนันออนไลน์

อาการบาดหมางทางใจนั้น ส่อแนวโน้มให้ภูมิใจไทยจะถูกจัดการแยกสลายทางการเมือง ซึ่งไม่แตกต่างจากการกระทำกับพลังประชารัฐ และรวมไทยสร้างชาติ ซึ่งถูกแบ่งแยกพรรคออกเป็นหลายก๊กกลุ่มอยู่ในปัจจุบัน

อย่างไรก็ตาม ถ้าภูมิใจไทยยกตำแหน่งรัฐมนตรี มท.ให้เพื่อไทย แม้จะแลกแบบ 2 ต่อ 1 ตำแหน่ง โดยยกพาณิชย์และสาธารณสุขมาต่อรอง ภูมิใจไทยย่อมไม่เหลือสภาพใดๆ ที่สำคัญยังไร้เกียรติภูมิในสนามเลือกตั้งอีกด้วย

"ดังนั้น การขอ มท.คืนของเพื่อไทยเท่ากับกำลังไล่ภูมิใจไทยออกจากการร่วมรัฐบาล ไปเป็นฝ่ายค้านเสียงข้างมากเมื่อได้เสียงอีกครึ่งของรวมไทยสร้างชาติมาเติม ไม่เพียงเท่านั้น ความอดทนที่มีอยู่ คงอีกไม่ช้านานจะเห็นผลว่า ความบาดหมางในพรรคร่วมรัฐบาลกับความอยากได้อำนาจและโควต้าคุมกระทรวงสำคัญของเพื่อไทย คงนำทางไปสู่การเปลี่ยนนายกฯ ใหม่ หรือยุบสภา ซึ่งหลีกเลี่ยงสถานการณ์บังคับได้ยากเสียแล้ว"

นายจตุพร กล่าวถึงกรณีพิพาทดินแดนกับกัมพูชาว่า กลยุทธ์ต่อสู้ทุกอย่างมีความล่าช้า และเดินตามหลังเกมของกัมพูชาหมด และที่ประหลาดคือ หลังประชุมเจบีซี กัมพูชาแถลงผลประชุมฝ่ายเดียว ส่วนฝ่ายไทยรู้ว่ากัมพูชาแถลงไม่ตรง แต่เงียบจนค่ำคืน ดึกดื่นถูกคนก่นด่าทั้งบ้านทั้งเมืองในเรื่องกัมพูชาอ้างไทยยอมรับอัตราส่วนแผนที่ 1 ต่อ 200,000 ตามแผนที่ของกัมพูชา โดยไม่ยึดมั่นแผนที่ 1 ต่อ 50,000 ของไทย

"ฝ่ายไทยนั่งทำหน้าที่ประชุมเจบีซีกันประสาอะไร เมื่อเห็นว่า ไม่ถูกยังเงียบ ทั้งที่เรี่องการเมืองเป็นการชิงไหวชิงพริบ และเรื่องดินแดนเป็นการใช้ปฏิภาณ มันไม่ใช่ว่าคุุณลึกสุดลึก ฉลาดสุดฉลาด แต่ตีโง่ตลอดเวลา"

อีกทั้งกล่าวว่า รัฐบาลที่มีเสถียรภาพง่อนแง่นล้วนมีสาเหตุมาจากการทรยศและตระบัตสัตย์ต่อประชาชน เมื่อเกิดปัญหาระส่ำระสายในภายในประเทศ และมีปัญหาพิพาทดินแดนกับกัมพูชามาซ้ำเติมอีก จึงทำให้การเดินกลยุทธ์ระหว่างประเทศล่าช้า เสียท่ากัมพูชาตลอดเวลา จนต้องตั้งทีมไทยแลนด์ขึ้นมาแก้เกมกัมพูชา

สิ่งที่น่าขำกับสถานการณ์ความมั่นคงนั้น ทีมไทยแลนด์กำหนดแถลงข่าวตอบโต้กัมพูชา และโน้มน้าวมิตรประเทศทั่วโลกแค่วันจันทร์ถึงศุกร์ หยุดพักตามเวลาราชการในวันเสาร์-อาทิตย์ จึงเป็นเรื่องแบบบ้าๆ ที่สุด

นายจตุพร กล่าวอีกว่า การทำงานการเมือง รับผิดชอบด้านความมั่นคงป้องกันประเทศไม่น่ามีวันหยุดตามเวลาราชการ เมื่อมาหยุดเสาร์-อาทิตย์ ก็ตามหลังปฏิบัติการข่าวสารของกัมพูชาแล้ว 2 วัน ทั้งที่ทหารชายแดนแบ่งเวลาดูแลความมั่นคงได้ แต่พวกอยู่ในรั้วในเมืองกับทำงานหยุดเสาร์-อาทิตย์ แบบนี้เป็นบ้านเมืองที่บริหารด้วยรัฐบาลที่ประหลาดมาก

นอกจากนี้ในสถานการณ์ของประเทศถูกปัญหารุมเร้ามากมายนั้น เป็นเครื่องสะท้อนว่า รัฐบาลไร้ฝีมือแก้ไข ดังนั้น จึงต้องอดทนทำใจถึงปัญหาใหม่ที่จะก่อไปข้างหน้าทับถมเข้ามาอีก ยิ่งเดือนกรกฎาคม มีคดีที่เกี่ยวพันกับการเมืองของรัฐบาลทั้งเดือน คือ ทักษิณ ต้องขึ้นศาลอาญาคดี ม. 112 และศาลฎีกาฯ นักการเมืองนัดไต่สวนการบังคับตามหมายจำคุกแล้วหรือไม่ ซึ่งเกี่ยวพันกับอนาคตของทักษิณ อย่างยิ่ง

ในส่วนคดีรัฐบาลฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ ม.144 นั้น หวังว่า ปปช.จะทำหน้าที่โดยพลัน แล้วรีบส่งให้ศาล รธน.วินิจฉัยให้เสร็จใน 15 วัน ซึ่งจะทำให้การเองในประเทศได้มีทิศทางเดินหน้าได้ ดังนั้น ปปช. ดึงเรื่องให้ล่าช้าไว้ จึงไม่ใช่หน้าที่ตาม รธน.บัญยัติไว้ใน รธน. ม.144 เช่นกัน

อีกทั้งกล่าวถึงการยุบพรรคการเมืองว่า กรณีพรรคเพื่อไทยคงเดินไปล่วงหน้าก่อนพรรคอื่นแล้ว แม้มีเสียงฮือฮาว่าพรรคภูมิใจไทยจะถูกยุบปมฮั้ว สว.ก็ตาม แต่ขั้นตอนนี้ยังอีกยาวไกล

"ทุกเรื่องที่รัฐบาลทำให้เกิดขึ้นในทุกสถานการณ์ขณะนี้ ล้วนเป็นสิ่งอ่อนแอและเละตุ้มเปะแล้ว คงเป็นปัจจัยเปิดประตูให้กับการถูกรัฐประหารเสียเอง แม้ความรักชาติของประชาชนเป็นสิ่งงดงาม การทำหน้าที่ของทหารในการปกป้องประเทศก็เป็นความงดงาม แต่พวกติ่งรัฐบาลหน้าโง่กลับกล่าวหายัดให้เป็นการเรียกร้องรัฐประหาร แล้วยังไม่ห่วงเรื่องดินแดนและความมั่นคงของประเทศ ดังนั้น การเสียดินแดนในประวัติศาสตร์ก็มาจากคนประเภทแบบนี้ทั้งนั้น"

นายจตุพร ย้ำว่า เมื่อรัฐบาลมีสภาพเละเทะแบบนี้ จึงไม่มีคุณสมบัติพร้อมจะปกป้องประเทศได้ ดังนั้น คนมาเป็นนายกฯ แม้ไม่เกี่ยวกับเพศและอายุ แต่ต้องมีความพร้อม มีความรู้รอบตัว เอาใจใส่ปัญหาของประชาชน ยึดมั่นผลประโยชน์ของชาติมากกว่าส่วนตัว และต้องเข้าใจสถานการณ์ที่มีปัญหารุมเร้ารอบด้าน

"เชื่อว่า บ้านเมืองคงจะเปลี่ยนแปลงอีกไม่นานนี้ เพราะสถานการณ์ต่อไปนี้คงไปยาก ในแต่ละมิติรัฐบาลกลวงใน หนักเหมือนสมัยก่อนที่ทักษิณ จะโดนยึดอำนาจ เพราะ ครม.ก็ตีจากไปเป็นค่อนทีมแล้ว แต่วันนี้กำลังวิวัฒนาการ เพราะความอยากอำนาจจะนำไปสู่รัฐบาลหัวคะมำอย่างคาดไม่ถึง ดังนั้น เวลานี้จึงเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ และประชาชนยังตื่นตัวกันมากมายค่อยติดตามอาการอยากของรัฐบาลที่มีมากกว่าความมั่นคงของประเทศ"นายจตุพร กล่าว

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'จตุพร' แนะ 'อนุทิน' อย่ามัวแต่พูดอธิบายภาพ 'เบน สมิธ' ต้องรุกกลับปราบสแกมเมอร์ให้สิ้นซาก

'จตุพร' แนะ 'อนุทิน' อย่าพะวงกับรูปถ่ายร่วมเฟรม 'เบน สมิธ' อย่ามัวแต่พูดอธิบายภาพ อ้างไม่สนิท จี้ปฏิบัติให้จริง รุกกลับปราบ'แก๊งสแกมเมอร์' ให้ราบคาบจากไทย ลั่นรู้นะ คนปล่อยรูปหวังทำลายการเมือง

แม่ทัพฟ้าย้ำ ทอ.พร้อมปกป้องน่านฟ้าไทยเต็มที่

ผู้บัญชาการทหารอากาศ ยืนยันกองทัพอากาศดำรงขีดความสามารถในการปกป้องประเทศอย่างเต็มที่ พร้อมกับการช่วยเหลือสถานการณ์อุทกภัยภาคใต้ ที่ลำเลียงสิ่งของไปส่งกว่า 100 เที่ยวบินแล้ว

เอาแล้ว 'จตุพร' เตือน นายกฯหนู แบ่งแยกเยียวยาศพน้ำท่วม 2 ล้าน ระวังทำรัฐบาลพัง

'จตุพร' เตือน นายกฯหนู แบ่งแยกเยียวยาศพน้ำท่วม 2 ล้านระวังทำรัฐบาลพัง แนะน้ำท่วมใต้จากพายุชื่อเหมือนกันต้องเป็นธรรม ชดเชยเท่ากัน อย่าคิดแบบเขลาๆ แถเอาแต่สถานการณ์ฉุกเฉินมาอ้าง จะเกิดเหตุไม่พอใจ ลุกลามไปกันใหญ่

'จตุพร' แนะ แก้รธน.ต้องกินทีละคำอย่าเหลี่ยมคูกินทีละกะละมัง สุ่มเสี่ยงถูกคว่ำล้มครืนลง

'จตุพร' แนะการเมืองยึดมติ กมธ. ปมผ่านแก้ รธน.วาระสอง เตือนอย่าชิงเหลี่ยมคู ขอให้กินทีละคำอย่าโลภอยากกินทีละกะละมัง หวั่นถูกคว่ำจบเห่ ย้ำฝ่ายค้านยื่นอภิปรายไม่ลงมติ ม.152 ดีกว่าซักฟอก 151 ชี้เวลาเหมาะอภิปรายช่วงสัปดาห์สุดท้าย มกรา 69 พูดเสร็จได้ยุบสภาเลย

หัวหน้า พท.โวยื่นซักฟอกต้องตามใจคนชื่อ 'จุลพันธ์' ย้ำแค่เสนอญัตติก็ยุบสภาไม่ได้แล้ว!

'หน.เพื่อไทย' ลั่นยื่นซักฟอก ม.151 ต้องตามใจ 'จุลพันธ์' ไม่ใช่ 'อนุทิน' เหตุเป็นฝ่ายค้านมีอำนาจตรวจสอบรัฐบาล ยันแค่ยื่นญัตติก็ยุบสภาหนีไม่ได้ ชี้ไม่มีอะไรใหญ่กว่ารัฐธรรมนูญ บอกกรอบเวลาไม่ใช่ปัญหา

อดีตแกนนำคนเสื้อแดง ย้อนชะตากรรม 'ทักษิณ' ทวนย้ำชัดๆ ถูกกลั่นแกล้ง หรือ สารภาพผิดเอง

นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์รายการประเทศไทยต้องมาก่อน ตอน"ชัด ชัด!" โดยกล่าวถึงชะตากรรมทักษิณ ชินวัตร เกือบ 20 ปีตั้งแต่ถูกยึดอำนาจเมื่อปี 2549 กระทั่งได้กลับไทย 22 ส.ค. 2566