ลีดเดอร์ชิพโพลล์ ชี้ ปชช.ไม่เชื่อมั่น ‘แพทองธาร’ แก้ปมเขมร เชื่อมือกองทัพมากกว่า

ผลสำรวจจากลีดเดอร์ชิพโพลล์ ม.รังสิต สะท้อนความกังวลของประชาชนต่อสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา ส่วนใหญ่ “ไม่เชื่อมั่นเลย” ในภาวะผู้นำของนายกฯ แพทองธาร ขณะที่กองทัพไทยกลับได้รับความไว้วางใจสูงกว่าหลายเท่า แนะรัฐบาลเร่งฟื้นความชอบธรรมท่ามกลางวิกฤตการเมือง–ความมั่นคง

19 มิถุนายน 2568 - ลีดเดอร์ชิพโพลล์ วิทยาลัยผู้นำและนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ จำนวน 1,500 คน ผ่านช่องทางออนไลน์ ระหว่างวันที่ 12-18 มิถุนายน 2568 ในหัวข้อ “มุมมองต่อสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา” ซึ่งผลสำรวจชี้ชัดว่า ประชาชนส่วนใหญ่ไม่เชื่อมั่นในศักยภาพของรัฐบาล โดยเฉพาะตัวนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ในการบริหารจัดการข้อพิพาทชายแดนที่กำลังตึงเครียด

จากข้อมูล พบว่า ร้อยละ 60.13 ของผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่า “ไม่มีความเชื่อมั่นเลย” ในตัวนายกรัฐมนตรี ขณะที่อีกร้อยละ 23.47 ระบุว่า “ไม่ค่อยเชื่อมั่น” ส่งผลให้ภาพรวมของ “ความไม่เชื่อมั่น” สูงถึง กว่า 83% ขณะที่มีเพียงร้อยละ 7.93 ที่ “ค่อนข้างเชื่อมั่น” และร้อยละ 1.07 เท่านั้นที่ “เชื่อมั่นสูง”

ตรงกันข้ามกับกองทัพไทยที่ได้รับความไว้วางใจในระดับสูง โดยร้อยละ 59.73 ระบุว่า “เชื่อมั่นสูง” และร้อยละ 30.27 “ค่อนข้างเชื่อมั่น” สะท้อนภาพความเปรียบต่างระหว่างฝ่ายบริหารและฝ่ายความมั่นคงในสายตาประชาชนอย่างชัดเจน

ในด้านแนวทางการแก้ปัญหา ร้อยละ 55.80 ของประชาชนระบุว่าไทยควรใช้ การเจรจาทวิภาคีกับกัมพูชา ขณะที่ร้อยละ 27.93 สนับสนุนให้ใช้กลไกอาเซียน และมีเพียงร้อยละ 6.87 ที่เห็นว่าควรยื่นเรื่องต่อศาลโลก (ICJ)

ผลสำรวจยังพบว่า ร้อยละ 68.73 รับรู้ถึง “กระแสชาตินิยม” ที่ถูกปลุกขึ้นจากทั้งสองฝ่าย ซึ่งสร้างแรงกดดันให้รัฐบาลต้องรับมือทั้งในระดับภายในและต่างประเทศ โดยประชาชนร้อยละ 39.87 มองว่าความขัดแย้งส่งผลกระทบ “มาก” ต่อการค้าชายแดนและการท่องเที่ยว

นอกจากนี้ ร้อยละ 60.00 ของผู้ตอบแบบสอบถามยังมองว่า ประชาชนสองฝั่งชายแดนมี “ความสัมพันธ์แน่นแฟ้นพอสมควร” และร้อยละ 41.33 เห็นว่าอาเซียนควรเข้ามาเป็นตัวกลางไกล่เกลี่ยทันที ในขณะที่ร้อยละ 38.20 เห็นว่าอาเซียนควรมีบทบาทเฉพาะเมื่อสถานการณ์รุนแรงเท่านั้น

สุดท้าย เมื่อถามถึงความเชื่อมั่นว่าไทยจะสามารถรักษาผลประโยชน์ของชาติในข้อพิพาทครั้งนี้ได้หรือไม่ ร้อยละ 36.27 ระบุว่า “ค่อนข้างมั่นใจ” และร้อยละ 16.20 “มั่นใจสูง” แต่ร้อยละ 29.53 “ไม่ค่อยมั่นใจ” และร้อยละ 11.00 “ไม่มีความมั่นใจเลย” ซึ่งชี้ถึง ความเปราะบางของรัฐบาล ในสายตาประชาชน

ผลสำรวจชุดนี้สะท้อนวิกฤตศรัทธา ที่รัฐบาลต้องเผชิญ โดยเฉพาะในประเด็นความมั่นใจของประชาชนต่อการรักษาผลประโยชน์ชาติในเวทีระหว่างประเทศ ภายใต้สถานการณ์ที่ซับซ้อนทั้งด้านประวัติศาสตร์ การเมือง และความมั่นคง ซึ่งยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นหลังจากคลิปเสียงนายกรัฐมนตรีแพทองธารกับสมเด็จฮุนเซน หลุดออกมาในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อทางการทูต

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'จีน-ไทย-เขมร' เปิดฉากไตรภาคี นานาชาติร่วมยินดีหยุดยิง

'จีน-ไทย- กัมพูชา' หารือไตรภาคี หลังหยุดยิง นานาชาติร่วมยินดีไทย กต. ยืนยันยังคงรวบรวมหลักฐานทุ่นระเบิด เสนอตามกรอบออตตาวา ในฐานะรัฐภาคีที่รับผิดชอบต่ออนุสัญญา

กองทัพยังไม่พบเหตุละเมิดหยุดยิง ยันห้ามเขมรกลับเข้า 'บ้านหนองจาน'

กองทัพยันยังไม่พบเหตุการณ์ละเมิดข้อตกลงหยุดยิง 72 ชม. ไทยยึดเคร่งครัด แจงชาวกัมพูชากลับเข้า 'บ้านหนองจาน' ในเขตฝ่ายไทยไม่ได้

'ทอ.' เช็กแล้ว! เที่ยวบิน 'เบลาลุส-พนมเปญ' อย่ากังวลพร้อม 24 ชม.

'ทอ.' เช็กเที่ยวบิน 'เบลาลุส-พนมเปญ' ยันถ้าเติมของและใช้กระทำฝ่ายไทย มีมาตรการตอบโต้-รับมือ ย้ำอย่าวิตกกังวล ชี้ช่วงนี้มีการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการสู้รบ

ชาวบ้านกรวดเริ่มเปิดร้าน หาเงินเลี้ยงชีพ แม้ไม่มั่นใจเขมรหยุดยิงจริง

ชาวบ้าน พ่อค้าแม่ค้าตามแนวชายแดน ในพื้นที่อำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ เริ่มกลับไปทำมาหากิน และเปิดร้านขายของชำในหมู่บ้าน เพื่อหาเงินเลี้ยงครอบครัวและชำระหนี้สินกันแล้ว

เฝ้าระวัง72ชม. จับตา‘กัมพูชา’ เบี้่ยวเจอสวน!

ผอ.ศูนย์แถลงข่าวร่วมฯ แจงเฝ้าระวังหยุดยิง 72 ชั่วโมง ชี้ตัวเลขที่เหมาะสม-ระดับมาตรฐานสากลใช้กันทั่วโลก ชี้บทเรียนฉีกข้อตกลงไทยพร้อมตอบโต้ป้องกันตนเองตามกฎบัตรสหประชาชาติข้อ