'นักวิชาการ' ลงชื่อถวายฏีกา เพื่อพระราชทานพระบรมราชวินิจฉัยแก้ไขปัญหาวิกฤติชาติบ้านเมือง

25มิ.ย.2568- ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อาจารย์ประจำคณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า

ขอเชิญ นักวิชาการ นักวิจัย อาจารย์มหาวิทยาลัย ครู ทุกท่าน ร่วมกันลงนามนะครับ เกษียณอายุราชการแล้ว หรือไม่ได้สอนหนังสือแล้ว ก็ร่วมลงนามได้นะครับ ใส่ affiliation ด้วยนะครับ สำหรับคนที่เกษียณแล้วจะใส่ affiliation หรือที่ทำงานในอดีตก็ได้นะครับ

กราบเรียนเชิญครับ
วันที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๖๘

ขอเดชะใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทปกเกล้าปกกระหม่อม ปวงข้าพระพุทธเจ้าขอพระราชทานพระบรมราช วโรกาส กราบบังคมทูลพระกรุณาทราบฝ่าละอองธุลีพระบาท

ปวงข้าพระพุทธเจ้า นักวิชาการ นักวิจัย และอาจารย์มหาวิทยาลัย ผู้มีหน้าที่ของปวงชนชาวไทยในการปกป้องชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ตามรัฐธรรมนูญได้บัญญัติไว้ว่าเป็นหน้าที่ของปวงชนชาวไทย ดังรายนาม แนบท้ายหนังสือนี้ ได้พบการกระทำอันเป็นการทรยศต่อชาติของนางสาว แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี อัน เป็นการฝ่าฝืนต่อ บทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และกฎหมายอีกหลายฉบับ ไม่สมควรที่จะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยอีกต่อไป

ด้วยปรากฏข้อเท็จจริงที่แพร่หลายในสื่อมวลชนเมื่อวันที่ ๑๘ มิถุนายน ๒๕๖๘ โดยนายฮุน เซน ประธาน วุฒิสภาและผู้นำประเทศกัมพูชา ได้เผยแพร่คลิปเสียงการสนทนา ระหว่างนาย ฮุน เซน กับ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีของประเทศไทย ความยาว ประมาณ ๑๗ นาที ซึ่งเป็นคลิปเสียงการสนทนาเมื่อวันที่ ๑๕ มิถุนายน ๒๕๖๘ โดยมี ล่ามชาวกัมพูชา เป็นผู้แปล พบว่าข้อความในการสนทนา ตอนหนึ่งกล่าวว่า

"ไม่อยากให้ UNCLE (อา) ไปฟังคนที่เป็นฝั่งตรงข้ามกับเรา เพราะว่าพอไปฟังฝั่งตรงข้าม อย่างพวกแม่ทัพ ภาคสองเป็นคนของฝั่งตรงข้ามหมดเลย ซึ่งพอเป็นฝั่งนั้นก็ไม่อยากให้ท่านรู้สึกไม่ชอบใจหรือโกรธ เพราะจริง ๆ แล้วไม่ใช่ความตั้งใจของเราเลยค่ะ"

การกล่าวถึงแม่ทัพภาคที่ ๒ ซึ่งเป็นทหารของชาติผู้ทำหน้าที่พิทักษ์ปกป้องดินแดนและอธิปไตยของชาติ ว่าเป็นคนของฝั่งตรงข้ามกับเรา ซึ่งเรามีความหมายถึงนายฮุน เซน และตัวผู้พูดคือนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีของไทย และยังมีข้อความอีกหลายข้อความที่แสดงให้เห็นว่าน.ส. แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ยินยอมที่จะกระทำการให้ดังที่นายฮุนเซนประสงค์ดังปรากฏคำพูดว่า

"ให้ท่านฮุนเซนเห็นใจหลานหน่อย เพราะว่าตอนนี้คนในประเทศไทยเขาไล่เราไปเป็นนายกฯ ที่เขมรหมด แล้ว"

น.ส.แพทองธาร กล่าวผ่านล่ามแปลภาษา ก่อนกล่าวต่อไปว่า
"จริง ๆ แล้วถ้าท่านอยากได้อะไรก็ให้ท่านบอกมาได้เลยค่ะ เดี๋ยวจะจัดการให้"

ลักษณะการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนต่อหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี ทั้งยังฝ่าฝืนต่อคำถวาย สัตย์ต่อองค์พระมหากษัตริย์ ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๕๐ มาตรา ๕๒ และมาตรา ๑๖๑ ในลักษณะร่วมสมคบกับนายฮุน เซน ผู้นำประเทศกัมพูชา ซึ่งในเวลานี้เป็นอริราชศัตรูของราชอาณาจักรไทย

ทั้งนี้นางสาวแพทองธารยังได้ใช้อำนาจของฝ่ายบริหารสั่งการหรือดำเนินการอันเป็นการสมยอมตามที่อริ ราชศัตรูประสงค์ เป็นปัญหาการกระทำอันเป็นภัยต่อความมั่นคงของราชอาณาจักรไทย
ต่อมานางสาวแพทองธาร ชินวัตร ยังแถลงข่าวให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน เมื่อวันที่ ๑๘ มิถุนายน ๒๕๖๘ เวลา ๑๔.๐๙ นาฬิกา ที่ทำเนียบรัฐบาล ยอมรับว่าคลิปเสียงดังกล่าวเป็นเสียงการสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่างตน กับ นายฮุน เซน จริง โดยเป็นการสนทนาเมื่อวันที่ ๑๕ มิถุนายน ๒๕๖๘ และพยายามอธิบายต่อสาธารณชนว่า เป็นเทคนิคการพูดโน้มน้าวจูงใจ ซึ่งไม่สามารถรับฟังเหตุผลของคำอธิบายดังกล่าวได้

การสนทนาของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร ดังกล่าวทำให้พวกข้าพระพุทธเจ้าและสาธารณชนเข้าใจว่า “พวกเรา”หมายถึงนางสาวแพทองธาร ชินวัตร และเป็นพวกเดียวกับนายฮุน เซน ผู้นำประเทศกัมพูชา ซึ่งปัจจุบัน กัมพูชามีพฤติกรรมอันเป็นอริราชศัตรูของราชอาณาจักรไทยโดยรุกล้ำดินแดนไทยในหลายจุด ทั้งยังกล่าวอ้างว่าเป็นดินแดนของประเทศกัมพูชา และเป็นข้อพิพาทตามแนวชายแดน มีการปะทะกันของทหารตามแนวชายแดน ตลอดจนมีการตรึงกำลังทหารและอาวุธยุทโธปกรณ์ตลอดแนวชายแดนไทย - กัมพูชา

อีกทั้งนายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีของประเทศกัมพูชายังประกาศว่าจะนำประเด็นข้อพิพาทตามแนว ชายแดน ไทย-กัมพูชา เสนอต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ซึ่งทางกองทัพไทยได้มีมาตรการกดดันตอบโต้ด้วย การปรับเปลี่ยนเวลาเปิด-ปิดด่านตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา และมาตรการกดดันตอบโต้การกระทำของ กัมพูชาอีกหลายเรื่อง

นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ยังละเลยต่อหน้าที่ในการบังคับใช้กฎหมายอีกหลายประการ อันเป็นการทำลายหลักนิติรัฐ หลักนิติธรรมของประเทศ ได้แก่ การนิ่งเฉยกรณีนักโทษชายทักษิณ ชินวัตร ไม่ได้รับ โทษจำคุก เลยแม้แต่วันเดียว กลับไปอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจ ชั้น ๑๔ เป็นเวลาถึงหกเดือน ทั้งที่ต้องรับโทษเป็น เวลา ๑ ปีตามประกาศพระบรมราชโองการ

นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ยังถูกครอบงำจากนายทักษิณ ชินวัตร ซึ่งเป็นผู้ต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญและ กฎหมายไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองและการบริหารราชการแผ่นดิน แต่นโยบายของรัฐบาลและบริหารงานภาครัฐกลับเป็นไปตามที่นายทักษิณ ชินวัตร กำหนดขึ้น โดยมีพฤติกรรมที่น่าสงสัยว่าเข้าไปก้าวก่ายยุ่งเหยิงกับการบริหาร ราชการแผ่นดินในกระทรวงทบวงกรมต่าง ๆ ผ่านนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีในสังกัด พรรคเพื่อไทย จนเป็นที่โจษจันกันว่านายทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีตัวจริงและนางสาวแพทองธาร ชินวัตร เป็นเพียงหุ่นเชิดเท่านั้น ด้วยเหตุที่นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หาได้มีความรู้ความสามารถ ประสบการณ์ และสติ ปัญญาเพียงพอที่จะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแต่อย่างใด

ปวงข้าพระพุทธเจ้า เห็นว่าการกระทำของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร เข้าข่ายการกระทำอันเป็นการฝ่า ฝืนต่อ บทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยและเป็นการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ตามที่กล่าวข้างต้น ขาดไร้ความรู้ความสามารถ ประสบการณ์ ขาดไร้วุฒิภาวะและสติปัญญาที่จะบริหารประเทศ ทั้งทางเศรษฐกิจและการบริหารราชการแผ่นดิน และได้ กระทำการหลายประการอันเป็นการทำให้ประเทศไทย เสื่อมเสียเกียรติภูมิและอาจสูญเสียอธิปไตยบูรณภาพแห่งดินแดนทั้งบนแผ่นดินและทะเลอันเป็นพระราชอาณาเขต ของไทย จึงไม่สมควรดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกต่อไป

ปวงข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ขอกราบบังคมทูลพระกรุณา เพื่ออาศัยพระราชปัญญาและพระราชบารมีทั้งในพระราชฐานะองค์พระมหากษัตริย์ องค์รัฎฐาธิปัตย์ และองค์จอมทัพไทย เพื่อพระราชทานพระบรมราชวินิจฉัยในการแก้ไขปัญหาวิกฤติของชาติบ้านเมือง

ทั้งนี้ควรมิควรประการใดแล้วแต่จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม
ข้าพระพุทธเจ้า