
เราควรจะมีการเรียนการสอนเรื่อง ‘รัฐบาลผสม’ กันจริงๆจังๆ เพราะการเมืองไทยเราเป็นระบบหลายพรรคมาโดยตลอด มีแค่สองครั้งเท่านั้นที่พรรคการเมืองได้เสียงเกินครึ่งสภาหลังการเลือกตั้งทั่วไป
6 ก.ค.2568-ศ.ดร.ไชยันต์ ไชยพร อาจารย์ภาควิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Chaiyan Chaiyaporn เรื่อง “สมมุติฐานเกี่ยวกับการต่อรองเพื่อจัดตั้งรัฐบาลผสมหรือทางเลือกของพรรคต่างๆ” ระบุว่า De Mesquita (1975) ได้ศึกษาพรรคการเมืองในขณะเลือกตั้งและการจัดตั้งรัฐบาลผสมของรัฐต่างๆ ในประเทศอินเดีย ได้พบข้อสรุปสำคัญหลายประการ ดังนี้
1 พรรคการเมืองเข้าแข่งขันเลือกตั้ง เพราะต้องการจะเสริมพลังของพรรคและเพื่อเพิ่มจำนวน ส.ส. ในสภา
2 หาทางได้เปรียบจากการเลือกตั้งครั้งต่อไปจากรัฐบาลผสม ยิ่งกว่าจะปฏิบัติตามแนวนโยบายของรัฐบาลผสม
3 พรรคการเมืองจะอยู่ในรัฐบาลผสม ตราบเท่าที่หัวหน้าพรรคยังเห็นว่าพรรคของตนไม่ขาดทุน (ความเสียหาย) จากการผสม
นั้น หรือถ้าพรรคนั้นเล็งเห็นว่า พรรคกำลังขาดทุนจากการอยู่ในรัฐบาลผสม ก็จะถอนตัวออกจากการเป็นรัฐบาลผสม
4 ความเสียหายใหญ่หลวงชิ้นหนึ่งจะมองเห็นได้ชัดเจนกว่าความเสียหาย (ขาดทุน) ที่เกิดขึ้นทีละเล็กละน้อย
5 หัวหน้าพรรคจะตระหนักในความเสียหายครั้งใหม่ๆ มากกว่าความเสียหายเก่าๆ และจะมีผลต่อการคิดถึงกำไรขาดทุนของการอยู่ร่วมรัฐบาลผสมมากกว่าความเสียหายเก่าๆ
ศาสตราจารย์ ดร. อมร รักษาสัตย์ (2532) ชี้ว่า วิธีการคิดคำนวณที่นั่งในคณะรัฐมนตรีชุดผสม เป็นเรื่องที่ยุ่งยากสับสนมากและยังไม่มีผู้ใดเคยคิดมาก่อน เพราะแต่ละกระทรวงมีน้ำหนักในสายตาของแต่ละพรรคไม่เหมือนกัน นอกจากนี้กระทรวงหนึ่ง ๆ ก็อาจจะมีรัฐมนตรีว่าการ ช่วยว่าการ ซึ่งมีจำนวนไม่เท่ากัน มีอำนาจหน้าที่ไม่เท่ากัน น้ำหนักของตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและรองนายกรัฐมนตรีก็ยังยากที่จะกำหนดลงไปได้
ข้อความข้างต้นทั้งหมดนี้มาจากตำราเรื่อง “รัฐบาลผสม” ของ ศาสตราจารย์ ดร. พรศักดิ์ ผ่องแผ้ว คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ (2544) ผู้เป็นอาจารย์สอนวิชาพฤติกรรมการเมืองและพรรคการเมืองให้แก่ผม สมัยที่ผมเรียนอยู่ภาควิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ
เราควรจะมีการเรียนการสอนเรื่อง “รัฐบาลผสม” กันจริงๆจังๆ เพราะการเมืองไทยเราเป็นระบบหลายพรรคมาโดยตลอด
มีแค่สองครั้งเท่านั้นที่พรรคการเมืองได้เสียงเกินครึ่งสภาหลังการเลือกตั้งทั่วไป นั่นคือ ไทยรักไทยในปี พ.ศ. 2548 (จากการควบรวมพรรคอื่นๆ และพรรคอื่นๆก็ยอมทิ้งพรรคมาให้ควบ) และเพื่อไทยในปี พ.ศ. 2554
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
รัฐบาลพรรคเดียวในทางทฤษฎี กับการเมืองจริงของพรรคส้ม
พรรคประชาชน หรือที่ถูกเรียกกันทั่วไปว่า “พรรคส้ม” ตั้งเป้าหมายทางการเมืองไม่ใช่แค่การชนะเลือกตั้ง แต่คือการได้เสียงเกินครึ่งสภา มากกว่า
ยกเลิก MOU 'เจ้ากรมแผนที่ทหาร-นักวิชาการ' สะท้อนต่างมุม
วงเสวนาไทย–กัมพูชาสะท้อนต่างมุม “เจ้ากรมแผนที่ทหาร” ชี้ปัญหาเขตแดนเป็นมรดกยุคอาณานิคม ย้ำ MOU คือกลไกแก้ปัญหาที่สั่งสมกว่า 20 ปี ขณะที่ “สว.ชิบ” เปิด 8 เหตุผล กมธ.วุฒิสภา หนุนยกเลิก MOU 2544 ป้องกันไทยเสียผลประโยชน์ทางทะเล
รัฐบาลขอบคุณทัพนักกีฬาไทย ครองเจ้าเหรียญทองทุบสถิติซีเกมส์
รัฐบาลขอบคุณทัพนักกีฬาไทย คว้า 233 เหรียญ ครองเจ้าเหรียญทอง สมัยที่ 14 ทำลายสถิติของกีฬาซีเกมส์
'คนกรุง' ยังไม่เทใจเลือกนายกฯ กระแส 'เท้ง' นำ 'หนู' มาร์คยังกู่ไม่กลับ
โพลสะท้อน “กระแสการเมือง กรุงเทพมหานคร” ยังไม่มีนายกฯ – พรรคการเมืองที่เหมาะสมเทใจเลือกตั้งให้ ขณะที่พรรคประชาชนกระแสคนกรุงหนุน ตามมาด้วยภูมิใจไทย –ประชาธิปัตย์
สถานการณ์แรงงานข้ามชาติปี 2568 จับตาพรรคการเมืองปั่นกระแส บิดเบือนข้อมูลเพื่อโจมตีทางการเมือง
เข้าสู่ช่วงนับถอยหลังกำลังจะผ่านพ้นไปแล้วสำหรับปี 2568 หลายภาคส่วนมีการวิเคราะห์-สรุปสถานการณ์ในด้าน”การเมือง-เศรษฐกิจ-สังคม-สิ่งแวดล้อม-เทคโนโลยี
ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ บทบาทใหม่ บนถนนการเมือง หวั่นใช้ทุนเทาซื้อเสียงเลือกตั้ง!
สนามเลือกตั้งเมืองหลวง ประเทศไทย"กรุงเทพมหานคร"เป็นอีกหนึ่งสนามเลือกตั้งที่คนทั้งประเทศจับตามองกันว่าผลการเลือกตั้ง 8 ก.พ.2569 "พรรคประชาชน"

