ดร.พิชาย  สะท้อน 'รัฐกล้วยาธิปไตย : จากหีบเลือกตั้งถึงห้องแจกงบ' อนาคตเหลือแค่ ปชต. ฉาบด้วยเปลือกกล้วย

13 ก.ค.2568-รศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต อาจารย์คณะพัฒนาสังคมและยุทธศาสตร์การบริหาร สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์(นิด้า) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กเรื่อง “รัฐกล้วยาธิปไตย: จากหีบเลือกตั้งถึงห้องแจกงบ” เนื้อหาระบุว่า นี่ไม่ใช่ประเทศประชาธิปไตย ไม่ใช่เผด็จการทหาร ไม่ใช่ระบอบอภิชนาธิปไตย …แต่มันคือ “กล้วยาธิปไตย” ระบอบที่เสียงประชาชนคือของปลอม และผลประโยชน์คือเครื่องมือที่แท้จริงของอำนาจ

จุดเริ่มต้น: ซื้อเสียงคือสัญญาเช่าที่นั่งในสภา

การซื้อเสียงไม่ใช่อาชญากรรมในระบอบกล้วยาธิปไตย แต่มันคือ “ต้นทุนลงทุน”

เหมือนบริษัทจ่ายค่าเช่าพื้นที่ในห้าง ผู้สมัครจ่ายเงินสด แลกกับการได้สิทธิ์ประกอบกิจการทางการเมืองในเขตเลือกตั้งหนึ่ง

ผู้สมัครบางคนตั้งงบประมาณเขตละ 10 ล้านบาท ถ้าต้องแข่งกับตระกูลใหญ่ในพื้นที่ อาจต้องทุ่ม 30 ล้าน เงินส่วนนี้ไม่ใช่เพียง “ให้ชาวบ้าน”  แต่รวมถึงหัวคะแนน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ครู ผู้จัดรายการวิทยุ และพระบางรูปที่ “ยืดหยุ่นได้” เมื่อเข้าสภา กล้วยกลายเป็นค่าใช้จ่ายประจำ หลังการเลือกตั้ง ผู้แทนที่ชนะด้วยเงิน

ย่อมมีเป้าหมายเดียว: เอาเงินคืน พร้อมดอกเบี้ย

งบพัฒนาพื้นที่ คือวิธีเอากล้วยคืนจากกระทรวง การเสนอชื่อเข้าสู่กรรมาธิการ คือทางลัดสู่ “งบโครงการ” การย้ายพรรคคือการ เปลี่ยนสวน  เพื่อหากล้วยที่ “หอมกว่า ใหญ่กว่า และแจกง่ายกว่า” ในโลกอุดมคติ งูเห่าอาจถูกประณาม แต่ในกล้วยาธิปไตย งูเห่าคือสิ่งจำเป็น พวกมันคือผู้รักษาสมดุล ทำหน้าที่ “เบี่ยงสมอง” จากประชาชนไปยังผู้มีอำนาจ งูเห่าอาจหักหลังพรรค

แต่ไม่เคยหักหลังกล้วย เพราะกล้วยให้ความชุ่มฉ่ำแบบที่อุดมการณ์ไม่เคยให้ได้

กลไกเชิงโครงสร้าง: ทำไมกล้วยจึงฝังแน่น?

รัฐธรรมนูญแบบบิดเบี้ยว  สร้างระบบพรรคเล็ก พรรคเฉพาะกิจ พรรคขนส่งกล้วย  สร้างระบบสัดส่วนบิดเบี้ยวที่ทำให้ “เสียงประชาชนมาก” แพ้ “เสียงกล้วยรวมกัน” ระบบราชการที่รับใช้ทุนการเมือง  กลุ่มทุน-ราชการใหญ่-นักการเมืองกลายเป็น “กลุ่มผลประโยชน์เชิงกล้วย”  กระทรวงคือโรงงานกล้วย กรมคือสายพาน  นักการเมืองคือตัวแทนขายส่ง ประชาชนที่ถูกทำให้จนพอที่จะขายเสียง  ไม่มีรัฐอนุรักษ์นิยมจารีตไหนที่ผู้มีอำนาจอยากให้ประชาชนมั่งคั่ง  เพราะประชาชนที่ลำบากจะพร้อมแลกเสียงกับ “สิ่งของจำเป็นระยะสั้น”  ถ้าคุณไม่มีเงินกินข้าววันนี้ อุดมการณ์ประชาธิปไตยก็ไม่สำคัญอีกต่อไป

เมื่อไหร่เราจะเลิกใช้กล้วยเป็นเงินตราการเมือง? เมื่อการเมืองไม่มีต้นทุนสูงจนคนดีเข้าไม่ถึง เมื่อพรรคการเมืองไม่ต้องประกันงบพื้นที่เพื่อคุม ส.ส. เมื่อเราเลิกเรียกการ “ซื้อเสียง” ว่า “ช่วยเหลือประชาชน” และเมื่อประชาชนเลือกผู้นำจากนโยบาย ไม่ใช่จากน้ำหนักถุงข้าวสาร หากเรายังปล่อยให้ระบอบกล้วยาธิปไตยเติบโต เราอาจต้องยอมรับว่าสภาคือ “ตลาดนัดผลไม้” ที่กล้วยราคาดีมีค่ากว่าเสียงประชาชน และถ้าไม่มีใครโค่นต้นกล้วยในระบบ

อนาคตเราจะเหลือแค่ “ประชาธิปไตยฉาบด้วยเปลือกกล้วย”

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ภท.' เปิดตัว 5 ผู้สมัคร สส.พิษณุโลก 'จุติ' นำทัพ คัมแบ็กลงเขต

ภท. เปิดตัวผู้สมัคร สส. พิษณุโลก ครบทั้ง 5 'จุติ ไกรฤกษ์' นำทัพ พร้อมจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นและปัญหาจากสมาชิกพรรค เดินหน้าสู้ศึกเลือกตั้ง

'กกต.กทม.' พร้อมรับสมัคร สส. 33 เขต เร่งแก้ระบบลงทะเบียนล่วงหน้า หลังพบ ปชช. เกิดปัญหา

กกต.กทม.เผย ความพร้อมรับสมัครผู้สมัคร 33 เขต เร่งแก้ไขระบบลงทะเบียนล่วงหน้าหลังพบ ปชช.บางส่วนลงทะเบียนไม่ได้เหตุสมาร์ทโฟนบางรุ่นไม่รองรับ อนุญาตใช้รถแห่แต่ห้ามจัดมหรสพ–การรื่นเริง แจ้งชัดติดป้ายผิดที่มีสิทธิถูกรื้อถอนพร้อมเรียกค่าใช้จ่าย เตือนประชาชนเผื่อเวลาใช้สิทธิ 2 ขั้นตอน ห่วงฝนกระทบคิวหน่วยเลือกตั้ง มั่นใจบริหารจัดการได้–คาดผู้มาใช้สิทธิเพิ่มจากครั้งก่อน

ศึกเลือกตั้งรอบใหม่ กับ 'สามก๊กฉบับชาติวิบัติ' ภาค 3

นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า สามก๊กฉบับชาติวิบัติ ภาค 3 (มีการปรับเปลี่ยนฝ่ายและชื่อตัวละครให้สอดคล้องสถานการณ์)

'ปชป.' คิกออฟ 'ไทยหายจน' พาคนไทยหลุดพ้นทนหายใจ

'ปชป.' คิกออฟแคมเปญ 'ไทยหายจน' สะท้อนปัญหาสังคมไทย ทนหายใจไปวันๆ จากทั้งปากท้อง-สังคม-คุณภาพชีวิต-การทุจริตคอร์รัปชัน ที่ไม่ได้รับการแก้ไขอย่างจริงจัง 'อภิสิทธิ์' ย้ำต้องไม่ทนอีกต่อไป

'อภิสิทธิ์' เปิดตัว 33 ผู้สมัคร สส.กทม. เชื่อปีเลือกตั้งลงท้าย 9 'ปชป.' มักชนะ

'อภิสิทธิ์' เปิดตัว 33 ผู้สมัคร สส.กทม. การันตีเฟ้นเข้มข้น ขอโอกาสคนกรุงไว้วางใจ ใช้การเมืองสุจริตเปลี่ยนแปลงประเทศ ยกระดับคุณภาพชีวิต เชื่อเลือกตั้งปีที่ลงท้ายเลข 9 'ปชป.' มักชนะ