คปท.เดือด! จวกรัฐบาลขี้ขลาด นัดรวมพล 13 ส.ค. หลังทหารไทยยังเหยียบกับระเบิด

แม้หยุดยิงแล้ว แต่ทหารไทยยังบาดเจ็บจากทุ่นระเบิดกัมพูชา “พิชิต ไชยมงคล” แกนนำ คปท. โพสต์จวก รบ.ขี้ขลาด นัดคนไทยหัวใจนักสู้บุกหน้าทำเนียบ 13 ส.ค.

9 สิงหาคม 2568 – นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศ (คปท.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า

“หยุดยิง แต่ไม่หยุดขาขาด รัฐบาลขี้ขลาดยอมกัมพูชา 13 ส.ค. มารวมคนไทยหัวใจนักสู้ หน้าทำเนียบรัฐบาล 9.00 น. รัฐบาลทำไรบ้าง นอกจากหยุดยิงไม่มีเงื่อนไข แต่ระเบิดของกัมพูชายังระเบิดขาทหารไทยอยู่ #ใส่รองเท้าผ้าใบพกใจมาร่วมกัน #13สคหน้าทำเนียบ #คปท”

โพสต์ดังกล่าวเกิดขึ้นหลังเหตุการณ์ที่กำลังพลร้อย.ร.111 ออกลาดตระเวนพื้นที่บริเวณชายแดน และเหยียบกับระเบิดจนได้รับบาดเจ็บ 3 นาย แม้ก่อนหน้านี้จะมีการเจรจาหยุดยิง และสถานการณ์ถูกมองว่ามีแนวโน้มดีขึ้นแล้วก็ตาม.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

นายกฯ คุยทูตพิเศษจีนแล้ว รับทราบจุดยืนไทย สันติภาพเกิดขึ้นตามเงื่อนไข 4 ข้อ

นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ภายหลังการหารือกับนายจาง เจียนเว่ย เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย และนายเติ้ง สีจวิน เอกอัครราชทูตและผู้แทนพิเศษด้านกิจการเอเชียและกระทรวงการต่างประเทศจีนว่า

จับตา! ถกอาเซียนนัดพิเศษ มีอะไรในกอไผ่

นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และอดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กในหัวข้อ "มีอะไรในกอไผ่" โดยระบุว่า

นายกฯ เยี่ยมนาวิกโยธินเหยียบกับระเบิด ฝาก 'นานาชาติ' อย่าเอาแต่บอกไทยหยุดยิง ให้ไปบอกเขมร

นายกฯเยี่ยมนาวิกโยธิน เหยียบทุ่นระเบิดบาดเจ็บ ฝากถึงนานาชาติ อย่าเอาแต่บอกให้ไทยหยุดยิง ให้ไปบอกเขมร ลั่นเลิกเกรงใจหน้าอินทร์หน้าพรหม เดินหน้าสถาปนาอธิปไตยเหนือชายแดนโดยเร็วที่สุด

ประณาม 'กัมพูชา' ใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ล่อทหารไทยเข้าทุ่งสังหาร ละเมิดอนุสัญญาออตตาวาโจ่งแจ้ง

ทร.ประณามกัมพูชา ฝ่าฝืนกฎหมายมนุษยธรรมอย่างร้ายแรง ใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ล่อทหารไทยเข้าสู่ทุ่งสังหาร  ละเมิดอนุสัญญาออตตาวาอย่างโจ่งแจ้ง

สถานการณ์แรงงานข้ามชาติปี 2568 จับตาพรรคการเมืองปั่นกระแส บิดเบือนข้อมูลเพื่อโจมตีทางการเมือง

เข้าสู่ช่วงนับถอยหลังกำลังจะผ่านพ้นไปแล้วสำหรับปี 2568 หลายภาคส่วนมีการวิเคราะห์-สรุปสถานการณ์ในด้าน”การเมือง-เศรษฐกิจ-สังคม-สิ่งแวดล้อม-เทคโนโลยี