'อนุทิน' มีสิทธิ์คัมแบ็กนายกฯ หลังเลือกตั้ง จับตา 'นิด้าโพล' 28 ก.ย.

‘ผอ.นิด้าโพล’ ชี้ 4 เดือนฮันนีมูนพีเรียด ‘อนุทิน’ ไม่สะดุดขาตัวเอง หลังเลือกตั้งมีสิทธิ์คัมแบ็กนายกฯ แย้มรอดูผลสำรวจคะแนนนิยม 28 ก.ย.นี้ เชื่อเลือกตั้ง 69 น้ำเงิน-ส้ม คือคู่เอก ส่วนพรรคแดง ได้ไม่เกิน 60

26 ก.ย. 2568 – ผศ.ดร.สุวิชา เป้าอารีย์ ผู้อำนวยการศูนย์สำรวจความคิดเห็น นิด้าโพล (NIDA Poll) ประเมินอนาคตของรัฐบาลอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ที่จะแถลงนโยบายรัฐบาลต่อที่ประชุมร่วมรัฐสภาระหว่างวันที่ 29 – 30 ก.ย. นี้ ว่า งานใหญ่ของรัฐบาลตอนนี้คือภารกิจเรื่องการแก้ปัญหาชายแดน ซึ่งที่ผ่านมาจนถึงรัฐบาลปัจจุบัน ความเคลื่อนไหวในเชิงของทางการทูตของเรายังช้าและไม่ทันกัมพูชา การแก้ปัญหาชายแดนจะส่งผลต่อคะแนนนิยมอย่างมากต่อรัฐบาล ปัญหาพื้นที่ชายแดนคือพื้นที่ซึ่งประชาชนทั้งประเทศเฝ้าจับตามองอยู่ และต้องการให้รัฐบาลแก้ปัญหาให้จบโดยเร็ว

ส่วนเรื่องต่อไปที่สำคัญสำหรับรัฐบาลก็คือเรื่องเศรษฐกิจ-การกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งจริงอยู่ว่าสี่เดือนอาจกระตุ้นได้ไม่เท่าใด แต่สิ่งที่รัฐบาลกำลังทำ อย่างเรื่อง “โครงการคนละครึ่ง” ในเชิงเศรษฐกิจจะกระตุ้นได้ประมาณหนึ่ง แต่ถ้าในเชิงจิตวิทยาจะเห็นภาพได้ว่าเข้าไปกระตุ้นเศรษฐกิจได้ เชิงจิตวิทยามสร้างผลกระทบสูง เพราะชาวบ้าน พ่อค้าแม่ค้า คนค้าขาย เขาจะแฮปปี้ เพราะเขาเคยได้มาแล้วคนละครึ่ง ประชาชนรู้วิธีการใช้คนละครึ่งเป็นเรื่องที่ทุกคนหวัง ซึ่งหากรัฐบาลไม่ทำจะเหมือนตอนรัฐบาลเพื่อไทยชุดที่แล้ว ที่มีแต่คนถามว่าแจกเงินหมื่นอยู่ไหน (ดิจิทัลวอลเล็ต) เช่นเดียวกับเรื่องการท่องเที่ยว อีกไม่นานก็จะเข้าสู่ช่วงเทศกาลท่องเที่ยวกันแล้ว ขึ้นอยู่กับรัฐบาลว่าจะผลักดันโครงการเกี่ยวกับการท่องเที่ยวอะไรออกมาบ้างเพื่อผลักดันเรื่องการท่องเที่ยว

นอกจากนี้ เรื่องที่ท้าทายแต่ไม่ได้ท้าทายในเชิงคะแนนนิยม แต่เป็นแรงท้าทายในเรื่องจุดยืนของพรรคร่วมรัฐบาล กับจุดยืนของพรรคฝ่ายค้านที่โหวตสนับสนุนให้เกิดรัฐบาล นั่นก็คือเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่เป็นอีกเรื่องที่ท้าทายรัฐบาล โดยอาจจะเป็นประเด็นที่ทำให้สุดท้ายรัฐบาลอนุทินกับพรรคประชาชนที่สนับสนุนให้มีการจัดตั้งรัฐบาลเกิดขึ้นมา ที่ตอนจบอาจไม่ได้จบแบบสวยงาม อาจจะมีความขัดแย้งหรือมีประเด็นที่ทำให้เกิดการหักกัน

“มองว่าที่นายกฯ บอกว่าจะยุบสภาปลายเดือนมกราคมปีหน้า แต่ผมคิดว่าอาจจะก่อนหน้านั้น อาจจะมีความขัดแย้งกันถึงขั้นที่ว่าอาจมีการยุบสภาฯเกิดขึ้นก่อนจากช่วงที่เคยบอกไว้” ผอ.นิด้าโพล ระบุ

ผศ.ดร.สุวิชา ขยายความมุมวิเคราะห์ข้างต้นว่า หากสังเกตให้ดี ก่อนหน้านี้นี้นายอนุทินเรียกร้องให้เปิดประชุมรัฐสภาเพื่อพิจารณาคำแถลงนโยบายรัฐบาลวันที่ 29 ก.ย. โดยให้เหตุผลว่านโยบายคนละครึ่งจำเป็นต้องใช้งบประมาณปี 2568 ไม่ใช่งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ถามว่าทำไมต้องเร่ง ก็เพราะเงินก้อนหนี้คือสัญญาประชาคมตั้งแต่เข้ามา และเป็นเงินก้อนที่เมื่อเทลงไปแล้ว คนแฮปปี้ คะแนนมันมา และยังมีกรณี นายกฯ ปล่อยมือ โดยให้กองทัพแสดงบทบาทเต็มที่โดยถือเป็นนโยบายรัฐบาลว่า รัฐบาลอนุญาตให้กองทัพดำเนินการอย่างเต็มที่ในการจัดการปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา นายกฯ ปล่อยให้กองทัพนำ ที่เชื่อว่ากองทัพจะจัดการได้ดี ตรงนี้ก็เชื่อว่าจะเป็นส่วนหนึ่งของคะแนน ขณะที่ส่วนอื่นๆ ที่จะทำให้เกิดคะแนนก็เป็นเรื่องทั่วไป เช่นที่นายกฯ พูดเรื่องการปราบปรามยาเสพติด

“การที่รัฐบาลเร่ง เร่งเพราะอะไร เร่งเพราะหากสมมติเดือนตุลาคมปีนี้ เงินลงเข้าไปสู่ประชาชน ถึงกลางเดือนพฤศจิกายน เงินลงเข้าไปเต็มที่แล้ว ประชาชนแฮปปี้ ซึ่งช่วงตุลาคมถึงพฤศจิกายน ปัญหาชายแดนอาจได้รับการแก้ไข คะแนนมาแล้ว ต่อให้ตีกับพรรคประชาชนในเดือนพฤศจิกายน แล้วเดือนธันวาคมีการยุบสภาฯ ก็ไม่มีอะไรให้น่าเสียใจ” ผศ.ดร.สุวิชา ระบุ

เมื่อถามถึงในฐานะทำโพล คะแนนนิยมนายกฯอนุทิน ช่วงหลังแนวโน้มจะเป็นอย่างไร ผศ.ดร.สุวิชา กล่าวว่า ผลสำรวจก่อนหน้านี้เมื่อเดือนมิถุนายน ผลโพลที่ออกมาก็ชัดเจนคือคะแนนนายอนุทิน ขึ้นจาก 3 เปอร์เซ็นต์ มาเป็น 9 เปอร์เซ็นต์ และในส่วนโพลล่าสุดเกี่ยวกับคะแนนนิยมที่จะออกมาในวันอาทิตย์นี้ 28 ก.ย. ซึ่งบอกเลยว่าพอมีอำนาจรัฐในมือ มันมีโอกาสหากใช้เป็น ใช้อำนาจรัฐในทางบวก มันสามารถจะสร้างคะแนนได้อยู่แล้ว ส่วนประเด็นที่อาจจะทำให้ต้องสะดุดขาตัวเอง ก็คือเรื่องที่ถูกกล่าวหา กรณีเขากระโดงและการฮั้วสว. ถ้าไม่ทำอะไรที่มันประเจิดประเจ้อเกินไป น่าเกลียดจนเกินไป ก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าทำอะไรที่คนทั้งสังคมมองแล้วมันน่าเกลียด นั่นคือการสะดุดขาตัวเอง รวมถึงประเด็นอย่างเรื่องสถานการณ์ชายแดน ไม่ใช่ว่าทำอยู่ดีๆ เกิดตัดสินใจไปเปิดด่านขึ้นมา โดยที่ประชาชนทั้งประเทศไม่เอา แบบนี้ก็พังเหมือนกัน

ผอ.นิด้าโพล กล่าวต่อไปว่า สำหรับนายกฯอนุทิน แม้ที่ผ่านมาภูมิใจไทยจะไม่ค่อยสนใจเรื่องกระแส เพราะคิดว่ามีทรัพยากรการเมืองเยอะ แต่เชื่อว่า ณ ขณะนี้ เขาต้องเข้าใจเรื่องกระแส ถ้าอยากกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกรอบหนึ่ง รวมถึงประเด็นที่มีการรับปากไว้เช่นเรื่องคนละครึ่ง ซึ่งหากประชาชนไม่ได้ ก็จะไม่แตกต่างอะไรกับเพื่อไทยที่ไม่แจกเงินหมื่น

ส่วนเรื่องรัฐธรรมนูญคงไม่มีผล เพราะจากที่มีการทำโพลถามประชาชนเรื่องเห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่ ซึ่งแม้ว่าผู้ตอบแบบสำรวจเกินครึ่งจะบอกว่าอยากแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่เมื่อถามว่าอยากให้แก้ไขรัฐธรรมนูญแบบไหน พบว่าเจ็ดสิบกว่าเปอร์เซ็นต์เห็นด้วยให้แก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา ไม่ได้เห็นด้วยกับการให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ แสดงว่าคนส่วนใหญ่มองว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้ก็ดีอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าอะไรที่มันไม่ดี ก็แก้เป็นมาตราไป แต่ตอนนี้ความพยายามของพรรคประชาชนคือให้แก้ทั้งหมด แบบเดียวกับพรรคเพื่อไทยที่้ต้องการให้แก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งยวง ซึ่งหากถามว่าภูมิใจไทยต้องการแก้ไขทั้งยวงหรือไม่เชื่อว่าในใจไม่ต้องการแก้ทั้งยวง แต่เพราะไปสัญญากับพรรคประชาชนไว้ ซึ่งหากตรงนี้ไม่สามารถเดินไปถึงเป้าหมายได้ ถามว่าเขาจะเสียหายเหมือนตอนที่พรรคเพื่อไทยหักสัญญาหรือตะบัดสัตย์หรือไม่ ก็เสียหาย แต่ไม่ใช่เรื่องที่มีนัยยะสำคัญที่ทำให้เขาต้องมาเจ็บปวด โดยจะเสียหายในกลุ่มอื่น เสียหายในกลุ่มสีส้มที่ต้องการแก้ไขทั้งฉบับ ที่ในกลุ่มนี้ก็ไม่ให้คะแนนกับสีน้ำเงินอยู่แล้ว จึงไม่ต้องแคร์อะไรเลย

เมื่อถามว่า หากนายอนุทิน สามารถบริหารจัดการนโยบายรัฐบาลไปได้ มีโอกาสหรือไม่ที่นายอนุทิน จะได้กลับมาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้งได้หรือไม่ ผอ.นิด้าโพล ระบุว่า ขอเพียงแค่ว่าไม่ถึงกับต้องดีมาก แต่ไม่เดินสะดุดขาตัวเอง คือไม่ต้องถึงจุดพลุ ฉายแวดเจิดจรัส ไม่ต้องถึงขนาดนั้น ขอเพียงแค่ว่าไม่สะดุดขาตัวเองในรอบสี่เดือนนี้ อย่างไรเสียเลือกตั้งกลับมา ก็มีโอกาสกลับมาเป็นนายกฯสูงกว่าคนอื่นเสมอ ส่วนจะสูงกว่าคนของพรรคประชาชนหรือไม่ คิดว่าหากเป็นระบบปาร์ตี้ลิสต์คงสู้พรรคประชาชนไม่ได้ แต่ระบบเขตอย่างไรก็เหนือกว่า และ สส.ระบบเขต มีจำนวนมากกว่า สส.ปาร์ตี้่ลิสต์ ให้ดูจากก่อนหน้านี้ คะแนนนิยมนายอนุทินมีแค่ 3เปอร์เซ็นต์ แต่กวาดส.ส.หลังเลือกตั้งปี 2566 ได้ 70 เก้าอี้ แสดงว่า สส. ทั้งหลายหาเสียงมาด้วยความยากลำบาก เพราะไม่มีกระแสอยู่ในกระเป๋า มีแต่ทรัพยากรการเมืองอย่างอื่นในกระเป๋า แต่กระแสไม่มีในกระเป๋า แต่คะแนนนิยมทางการเมืองจากการสำรวจเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา พบว่านายอนุทินมีคะแนนนิยมขึ้นมาเป็น 9 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเวลาหาเสียงต้นทุนมันสูงขึ้นแล้ว โอกาสที่จะหาชัยชนะมันง่ายมากขึ้น

เปรียบเทีบบอย่างเช่น เขตเลือกตั้งแห่งหนึ่งต้องการ 30,000 คะแนน ก็ได้เป็น สส. สมมติว่า ครั้งก่อนสามเปอร์เซ็นต์คิดเป็น 3,000คะแนน ผู้สมัคร สส. เขตนั้น(พรรคภูมิใจไทย)ต้องหาเพิ่มมาอีก 27,000 คะแนน แต่คราวนี้ ขึ้นมา 9 เปอร์เซ็นต์ ก็คือหาอีกแค่ 21,000 คะแนน โดยหากทำดีๆ ถ้าได้มากกว่านั้นก็ได้เป็น สส.เขต จะเห็นได้ว่าโอกาสมันง่ายกว่ากันเยอะเลยกับการที่กระแสนายอนุทินขึ้นมา ซึ่งกระแสมีความสำคัญคือทำให้ประหยัดทรัพยากรทางการเมืองขึ้นมาเยอะ

ส่วนที่มองว่าการที่รัฐบาลอยู่สี่เดือนจะทำอะไรได้ แต่อีกมุมหนึ่ง หากอยู่นานคนอาจจะเบื่อ แผลอาจจะเยอะนั้น ผศ.ดร.สุวิชา กล่าวว่า ถูกต้อง อยู่นานคนเบื่อ มีแผลเยอะ หากดูจากรัฐบาลทุกรัฐบาลในอดีต สี่เดือนแรกของรัฐบาลคือช่วงฮันนีมูนพีเรียด คือไม่ว่าทำดีหรือไม่ดี คนก็ยังไม่ด่า คนก็จะบอกว่า นายกฯ เพิ่งมา รัฐบาลเพิ่งเข้ามา ให้ใจเย็นๆ ซึ่งกรอบสี่เดือนของรัฐบาล ไม่รู้ว่าที่พรรคประชาชนไปตั้งเอาไว้ ลืมคิดเรื่องนี้ไปหรือไม่ ว่าสี่เดือนคือช่วงฮันนีมูนพีเรียด อยู่ดีๆ ก็โยนคะแนนให้เขา เขายังไม่ทันได้ทำอะไรผิดพลาดเลยก็ยุบสภาเลือกตั้งแล้ว คนก็ยังจำสิ่งดีๆ ตอนช่วงฮันนีมูนพีเรียดได้ ทำให้โอกาสกลับมาก็เยอะ นอกเสียจากว่ามีรัฐมนตรีบางคนของรัฐบาลหรือพรรคร่วมรัฐบาล ไปสร้างแผลใหญ่ขึ้นมาแล้วนายอนุทินไม่รับผิดชอบด้วยการเอาออกจากตำแหน่ง แผลดังกล่าวจะเป็นเชื้อที่ลามไปติดนายกฯอนุทินด้วย

ผอ.นิด้าโพล กล่าวหลังถามถึงว่าหากประเมินการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นระหว่างพรรคสีแดง น้ำเงิน ส้ม จะเป็นอย่างไร จะแตกต่างจากตอนเลือกตั้งปี 2566 หรือไม่ โดยให้ความเห็นว่า ถ้าอิงจากผลสำรวจนิด้าโพลล่าสุดเมื่อเดือนมิถุนายน คิดว่าคู่แข่งสำคัญจะเป็นการแข่งขันกันระหว่าง พรรคภูมิใจไทยกับพรรคประชาชน พรรคประชาชนจะได้สูงสุดไม่เกินจากเดิมคือไม่เกินประมาณ 150 ที่นั่ง ส่วนพรรคภูมิใจไทยงานนี้ขึ้นหลักร้อยแน่ แต่จะร้อยเท่าไหร่ไม่สามารถการันตีได้ แต่คาดว่าน่าจะถึง 120 ที่นั่ง ส่วนหากจะถามว่าพรรคประชาชนจะได้ สส. ลงมาต่ำกว่า 150 ที่นั่งได้สักขนาดไหน มีความเป็นไปได้สูง ที่หากพรรคประชาชนถ้าเกิดไปพลาดท่าในเขตเมือง ไม่นับกรุงเทพมหานคร คือเขตเมืองในต่างจังหวัดทุกจังหวัด หากพรรคประชาชนพลาดท่าในเขตเมืองทุกจังหวัด เป็นไปได้ว่า สีน้ำเงินจะแซงขึ้นไปได้หรือไม่ ตรงนี้ยังคงตั้งเครื่องหมายคำถามอยู่

ส่วนสีแดงประเมินว่าน่าจะได้ สส.ไม่เกินครึ่งจากที่เคยได้ในการเลือกตั้งครั้งล่าสุด ซึ่งครึ่งหนึ่งก็คือประมาณเจ็ดสิบที่นั่ง แต่ตนกะว่าสักประมาณหกสิบที่นั่ง ตัวเลขจะหล่นมาเยอะ และสิ่งที่เราก็จะเห็นก็คือสีแดงเมื่อรวมกับสีส้ม รวมกันแล้วไม่ถึง 250 ที่นั่ง แล้วจะถูกทิ้งให้เป็นฝ่ายค้าน ทำให้รัฐบาลสมัยหน้า สภาฯ สมัยหน้า จะถึงเวลาที่แฟนเก่าจำเป็นต้องมารักกัน ก็คือส้มกับแดง จำเป็นต้องมารักกัน คือกลับมาเป็นฝ่ายค้านคู่กันอีกครั้งหนึ่ง

ส่วนพรรคภูมิใจไทยมีสิทธิ์เบียดขึ้นมาแข่งกับพรรคประชาชนหรือไม่นั้น ผอ.นิด้าโพล ตอบว่า ให้รอดูผลสำรวจนิด้าโพลวันอาทิตย์นี้ 28 กันยายน.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ไอติม' เลี่ยงยื่นซักฟอก ใช้กลไกอื่นตรวจสอบรัฐบาลแทน

'พริษฐ์' ปัดตอบยื่นซักฟอกรัฐบาล ขอใช้กลไกอื่นของสภาตรวจสอบเข้มข้นแทน เชื่อถกแก้ รธน. วาระ 2 จบภายใน 3 วัน นัดประชุมวิปฝ่ายค้านวางกรอบ 9 ธ.ค.

รัฐบาลยกเว้น 'ค่าไฟ' พ.ย. 420 ล้าน เยียวยาน้ำท่วมสงขลา

นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การเยียวยาและฟื้นฟูพื้นที่ประสบอุทกภัย โดยเฉพาะในจังหวัดสงขลา เดินหน้าไปอย่างมาก โดยปัจจุบันสามารถนำประชาชนกลับบ้านไปได้กว่า 90%

'อนุทิน' สวน พท. ใครทำงานห่วย ยุครัฐบาลนิด-อิ๊งค์ ติดโพลอันดับ 2

'อนุทิน' สวนเพื่อไทย ถ้าทำงานห่วย คนตั้งก็แย่สิ ยุครัฐบาล 'อิ๊งค์ - เศรษฐา' ผลโพลชี้ชัดนั่งแท่นอันดับ 2 ทิ้งห่าง พท. หัวเราะให้คะแนนตัวเอง 'เดี๋ยวจะหาว่าคุย'

นายกฯ ประธานพิธีเจริญพระพุทธมนต์ ทำบุญตักบาตร ถวายพระราชกุศล 'ร.9'

นายกฯ เป็นประธานในพิธีเจริญพระพุทธมนต์ ทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ 'ในหลวง ร.9' วันชาติ และวันพ่อแห่งชาติ 5 ธ.ค. 2568