หวังเหวินปิน (汪文斌) เอกอัครราชทูตจีนประจำกัมพูชา
9 ตุลาคม 2568 - นายกรกิจ ดิษฐาน นักเขียนด้านประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมตะวันออก โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า วังเหวินปิน (汪文斌) เอกอัครราชทูตจีนประจำกัมพูชากำลังทำให้คนไทยไม่พอใจหลังจากที่โพสต์ FB ของเขาว่า "จีนสนับสนุนกัมพูชาอย่างมั่นคงในการปกป้องอำนาจอธิปไตยของชาติ ความมั่นคง และผลประโยชน์ด้านการพัฒนา และจะเป็นพันธมิตรที่เชื่อถือได้ในการพัฒนาของกัมพูชาเสมอ"
ก่อนอื่นคนกล่าวนี้ไม่ใช่เพิ่งกล่าวแต่นำมาจากสุนทรพจน์วันชาติจีนที่จัดที่พนมเปญเมื่อวันที่ 26 กันยายนที่ผ่านมา โดย วังเหวินปิน กล่าวว่า
"จีนสนับสนุนกัมพูชาอย่างมั่นคงในการปกป้องอธิปไตย ความมั่นคง และผลประโยชน์ด้านการพัฒนาของชาติ และจะเป็นพันธมิตรที่เชื่อถือได้ในการพัฒนากัมพูชาตลอดไป โดยร่วมมือกับกัมพูชาเพื่อฟื้นฟูประชาชนชาวจีนและชาวเขมรให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง"
นี่เป็นข่าวไปแล้วตั้งแต่วันนั้นโดยสำนักข่าวที่ผมทำงานด้วยก็รายงานไปแล้ว แต่วันนี้ วังเหวินปิน กลับเอ่ยซ้ำอีก
สิ่งที่ขัดใจคนไทยก็คือ วังเหวินปิน เอ่ยซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า "จีนสนับสนุนกัมพูชาอย่างมั่นคงในการปกป้องอธิปไตย ความมั่นคง"
คำพวกนี้ "ประเทศที่สาม" ไม่ควรเอ่ยถึงในช่วงเวลาที่ไทยกับกัมพูชามีปัญหาเรื่อง "การปกป้องอธิปไตย ความมั่นคง"
เพราะมันจะทำให้คนไทยคิดว่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงของจีนเข้าข้างกัมพูชาหรือไม่ หรือมองไม่เห็นหัวคนไทยหรือเปล่า?
ไม่ว่าจะต้องการเยินยอกัมพูชาหรือไม่ก็ตาม (เพื่อรักษาผลประโยชน์ของจีน) ทูตจีนที่พนมเปญก็ควรจะกลืนคำพวกนี้เอาไว้ หาไม่แล้วคนไทยจะไม่พอใจไปถึงรัฐบาลจีน
อย่างที่ผมเริ่มเห็นว่าตอนนี้ "ความสงสัยและไม่พอใจของคนไทยเรื่องจีนทำท่าทีของจีน" เริ่มกระทบไปถึงสถานเอกอัครราชทูตจีนในกรุงเทพแล้ว ก่อนหน้านี้หลังฉลองวันชาติไม่กี่วันสถานทูตจีนในกรุงเทพถูก "ทัวร์ลง" มาแล้วเรื่องจีนส่งอาวุธให้กัมพูชา (ผมเขียนวิเคราะห์เรื่องนี้ไว้แล้ว) พอหมดวันหยุดยาวทัวร์ไทยก็เริ่มจะไปลงที่สถานทูตอีกครั้ง เหตุผลสถานทูตที่พนมเปญ "ไม่ระมัดระวังคำพูด"
ผมเห็นว่าจีนก็ต้องการรักษาไมตรีกับไทย แต่ดูเหมือนจะหวงแหนกัมพูชามากกว่า ความไม่สมดุลเรื่องนี้จะทำให้จีนเสียเอง ซึ่งเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้จริงๆ
วังเหวินปินนั้น ตั้งแต่มารับตำแหน่งก็ทำงานอย่างขันแข็งในการส่งเสริมความสัมพันธ์จีน-กัมพูชา เช่น บอกว่า "ทุเรียนกัมพูชาอร่อยที่สุดในโลก" และ "ตอนนี้เป็นเวลาที่ดีที่จะมาเที่ยวกัมพูชา" แม้ว่าจะเป็นคำพูดที่ขัดหูคนไทย แต่ วังเหวินปิน ก็ทำหน้าที่ของเขาในฐานะทูต ไม่ใช่เรื่องผิดอะไร
แต่พอมีสงครามไทย-กัมพูชา แม้จะหยุดยิงแล้ว แต่คนไทยกับคนกัมพูชายังไม่ยอมให้กันและพร้อมจะชนกันได้ทุกเมื่ออีกครั้ง ไม่ควรที่ประเทศอื่นๆ จะเอ่ยคำที่เปราะบางอย่าง "จีนสนับสนุนกัมพูชาอย่างมั่นคงในการปกป้องอธิปไตย ความมั่นคง"
และเมื่อเดือนสิงหาคมยังเคยพูดด้วยว่า "จีนแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งและความเห็นอกเห็นใจอย่างจริงใจต่อทหารและพลเรือนกัมพูชาที่เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจากความขัดแย้งบริเวณชายแดนกัมพูชา-ไทย"
ผมไม่แน่ใจว่าอะไรดลใจให้ หวังเหวินปิน พูดคำนี้ออกมา เพราะถ้าคนไทยได้ยินจะรู้สึกไม่พอใจอย่างมาก เว้นแต่เขาจะพูดว่า "เสียใจที่ทหารและพลเรือนไทยกับกัมพูชาเสียชีวิตและบาดเจ็บ" - แบบนี้ยังพอเข้าใจได้
ผมถึงสงสัยว่า วังเหวินปินคน นี้อาจจะทำงานไม่คงเส้นคงวากับท่าทีของกระทรวงการต่างประเทศจีนหรือเปล่า? หรือว่ากระทรวงการต่างประเทศจีนมีท่าทีที่ไม่ชัดเจนหรือเปล่า? หรือว่ามีเรื่องอะไรอื่นอีกหรือไม่ที่ไทยควรต้องกังวลใจ?
คนไทยที่ใจร้อนสักหน่อยจะมองว่า "อ้าวจีนเลือกข้างนี่หว่า"
ส่วนคนไทยที่สุขุมสักหน่อยจะบอกว่า "กระทรวงการต่างประเทศจีนมีท่าทีอย่างไรกันแน่? เพราะเคยเชิญไทยกับเขมรไปเจรจาแล้วตัวเองเป็นคนกลาง แต่ทูตที่เมืองเขมรกลับพูดไม่เป็นกลาง"
วังเหวินปินนั้นกล่าวว่า ความสัมพันธ์จีน-กัมพูชาเป็นมิตรภาพที่แกร่งดุลเหล็ก หรือ "ฮาร์ดคอร์" (中柬是铁杆朋友)
คำกล่าวนี้ถูกใช้เวลาผู้นำสองประเทศเอ่ยถึงเยื่อใยต่อกัน
แต่กับความสัมพันธ์แบบ "จีนไทยใช่อื่นใดพี่น้องกัน" (中泰一家亲) ที่ไทยกับจีนใช้กันนั้น
ทั้งสองประโยคนี้มันมีค่าเท่ากันหรือไม่?
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ทัพเรือเผยเหตุเขมรบุกหนัก เคยใช้สไนป์เปอร์ลอบยิง ผบ.หน่วย ก่อนเปิดฉากรบ
โฆษกกองทัพเรือเปิดเผย ช่วงก่อนการโจมตีบ้านเรือน 3 หลัง ฝ่ายกัมพูชามีความพยายามยั่วยุหลายครั้ง รวมถึงเหตุใช้พลซุ่มยิงลอบยิงผู้บังคับหน่วยระดับผู้นำ ก่อนสถานการณ์พัฒนาไปสู่การสู้รบ
กองทัพบกประณามกัมพูชา ใช้กำลังโจมตีพลเรือนชายแดน
โฆษกกองทัพบกระบุ การโจมตีชุมชนและบ้านเรือนประชาชนใกล้แนวชายแดนไทย-กัมพูชา เป็นการใช้กำลังไม่เลือกเป้าหมาย ละเมิดกฎหมายมนุษยธรรม ส่งผลกระทบรุนแรงต่อชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชนไทยจำนวนมาก
ทภ.2 สรุปชายแดนไทย-กัมพูชา ปะทะเป็นระยะ โดรนฝ่ายตรงข้ามหนาแน่น
กองทัพภาคที่ 2 รายงานภาพรวมสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา พบการปะทะต่อเนื่องในหลายพื้นที่ ฝ่ายตรงข้ามใช้งานโดรนและอาวุธหนักหนาแน่น ขณะฝ่ายไทยยิงตอบโต้ทำลายที่ตั้งยิงและยานพาหนะได้หลายครั้ง สถานการณ์ยังอยู่ในการควบคุม
ทภ.2 มีหลักฐานเขมรละเมิดอนุสัญญาเจนีวา-กฎหมายมนุษยธรรม 3 ประการ
กองทัพภาคที่ 2 เปิดข้อมูลการสู้รบชายแดนไทย-กัมพูชาตลอด 13 วัน ระบุพบพฤติกรรมทางทหารของฝ่ายกัมพูชาที่เข้าข่ายละเมิดอนุสัญญาเจนีวาและกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ ชี้ชัดการใช้โบราณสถานเป็นฐาน การดึงพลเรือนร่วมปฏิบัติการ และการนำพลเรือนเข้าสู่พื้นที่การรบ
'ปานเทพ' เรียกร้องเอาผิดไส้ศึกส่งน้ำมันให้เขมร ชี้เข้าข่ายโทษประหาร!
ประธานมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน ระบุผู้ที่ส่งน้ำมันซึ่งเป็นยุทธปัจจัยให้กัมพูชา ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม เข้าข่ายช่วยข้าศึกทำร้ายทหารและพลเมืองไทย ขอให้ประชาชนช่วยแจ้งความดำเนินคดีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 122 ซึ่งมีโทษสูงสุดถึงประหารชีวิต
‘จตุพร’ เตือนสงครามไทย-กัมพูชา ต้องไม่จบแบบโง่ๆ แค่ให้พ้นสิ้นปี
จตุพร พรหมพันธุ์ ระบุว่าสันติภาพจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อกัมพูชาคืนดินแดนไทยและหยุดยิงจริง ชี้หากสงครามจะยุติในช่วงสิ้นปี ต้องไม่จบแบบลวงโลกหรือซ้ำรอยการหยุดยิงรอบแรก พร้อมย้ำไทยไม่อาจแลกแผ่นดินกับสันติภาพจอมปลอม

