แม่ทัพภาคที่ 2 -ผู้บัญชาการภูมิภาคทหารที่ 4 กัมพูชา เห็นชอบแผนปฏิบัติการ “ปรับอาวุธหนัก-อาวุธที่มีการยิงทำลายออกจากพื้นที่ขัดแย้ง” สร้างเสถียรภาพชายแดน เตรียมตั้งกลไก AOT ลงพื้นที่ เผยไทยเริ่มปฏิบัติได้ตั้งแต่ 26 ต.ค.นี้ ส่วนฝ่ายกัมพูชายังเหลี่ยมจัด บอกอยู่ระหว่างเตรียมความพร้อม รอเชิญฝ่ายไทยประชุมอีกทีก่อนกำหนดวันเริ่มปฏิบัติการ เท่ากับว่าเขมรยังไม่ถอนอาวุธหนักในวันลงนามคำประกาศสันติภาพพรุ่งนี้
25 ตุลาคม 2568 - พลตรีวินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยถึงผลการประชุมหารือระหว่างแม่ทัพภาคที่ 2 และผู้บัญชาการภูมิภาคทหารที่ 4 ในประเด็นการปรับอาวุธหนักและอาวุธที่มีการยิงทำลายออกจากพื้นที่ขัดแย้ง ซึ่งได้จัดขึ้น ณ จุดผ่านแดนช่องจอม อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ เมื่อเวลา 10.30 น. ของวันนี้ (25 ต.ค.68) ว่า การประชุมหารือดังกล่าว สืบเนื่องจากผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee: GBC) ไทย–กัมพูชา สมัยพิเศษ ครั้งที่ 2 ระหว่างวันที่ 20–23 ตุลาคม 2568 ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ที่ทั้งสองฝ่ายได้เห็นชอบ “แผนปฏิบัติการ (Action Plan)” ว่าด้วยการปรับอาวุธหนักและอาวุธที่มีการยิงทำลายออกจากพื้นที่ขัดแย้ง เพื่อสร้างสภาวะแวดล้อมที่เอื้อต่อการแก้ไขปัญหาโดยสันติวิธี
พลตรีวินธัย กล่าวว่า การหารือในวันนี้เป็นไปด้วยบรรยากาศแห่งความร่วมมือ โดยทั้งสองฝ่ายได้ยืนยันความเห็นชอบในการจัดทำแผนปฏิบัติการ (Action Plan) เพื่อนำไปสู่ผลการปฏิบัติที่เป็นรูปธรรมแท้จริง ในส่วนของการจัดตั้งคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน (ASEAN Observer Team: AOT) ที่จะเป็นกลไกสำคัญในการเข้าสังเกตการณ์ ผลการปฏิบัติตาม “แผนปฏิบัติการ (Action Plan)” ในการปรับอาวุธหนักและอาวุธที่มีการยิงทำลายออกจากพื้นที่ขัดแย้งของทั้งสองประเทศ
"ฝ่ายไทยได้ยืนยันความพร้อมว่าสามารถให้ปฏิบัติหน้าที่ได้ตั้งแต่วันที่ 26 ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป แต่ฝ่ายกัมพูชาแจ้งว่าอยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อม
คาดว่าจะสามารถจัดตั้งคณะผู้สังเกตการณ์ได้ในวันที่ 26 ตุลาคม 2568 หลังจากนั้นจะเชิญฝ่ายไทยเข้าร่วมประชุมเพิ่มเติมภายใน 1-2 วัน เพื่อหารือในการกำหนดวันเริ่มปฏิบัติตามแผนปฏิบัติการ (Action Plan) อย่างเป็นทางการอีกครั้ง"โฆษกกองทัพบก กล่าว
โดยทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องให้คณะทำงานร่วมประสานงานอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ข้อตกลงที่มีระหว่างกันเป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่ต้องการ และคงไว้ซึ่งบรรยากาศแห่งความร่วมมือระหว่างกัน
โฆษกกองทัพบกกล่าวเพิ่มเติมว่า กองทัพบกยังคงยึดมั่นในการปฏิบัติตามกรอบข้อตกลงของคณะกรรมการชายแดนทั่วไป และมุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งบริเวณชายแดนด้วยแนวทางสันติวิธี ภายใต้หลักการเคารพอธิปไตยและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เพื่อธำรงไว้ซึ่งเสถียรภาพและความสงบเรียบร้อยตามแนวชายแดนอย่างแท้จริง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ไทยมีมนุษยธรรม นำชิ้นส่วนศพทหารเขมร ฝาก รพ. เก็บไว้ แม้กัมพูชาปฏิเสธรับกลับ
ศพทหารกัมพูชาที่ชายแดน ส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้ง หลังกัมพูชาปฏิเสธรับศพทหารตัวเองกลับ กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด เก็บชิ้นส่วนศพทหารเขมร ฝาก รพ.ตราด รอประสานหน่วยงานกัมพูชามารับกลับภายหลัง
ไฟแนนซ์โทรทวงค่างวดผู้อพยพ-ชรบ.ชายแดน ต้องหายืมเงินไปจ่าย โอดสู้รบยืดเยื้อ
การสู้รบระหว่างทหารไทยกับกัมพูชา ที่ยืดเยื้อเข้าสู่วันที่ 12 แล้ว และยังไม่มีใครให้คำตอบได้ว่าการสู้รบจะจบลงวันไหน ทำให้ชาวบ้านในพื้นที่เสี่ยงภัยชายแดน
นายกฯ ทุบโต๊ะ! ประเทศมหาอำนาจกดดันไทยหยุดยิงไม่ได้ ต้องไปบอกฝ่ายกัมพูชา
นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณี ที่นายหวัง อี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของสาธารณรัฐประชาชนชนจีน ได้คุยโทรศัพท์กับนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
กยท.เตรียมงบกว่า 2 พันล้าน เยียวยาชาวสวนยางได้รับผลกระทบสู้รบชายแดน
การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) เตรียมทุ่มงบกว่า 2,000 ล้าน ช่วยเหลือชาวสวนยาง 9 จังหวัด ที่ไม่สามารถออกไปกรีดยางได้ตามปกติ และได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา รายละ 3,000 บาท รวมสวนยางเสียหายกว่าล้านไร่
วัว-ควายช็อกตายแล้ว 6 ตัว ชาวบ้านคาดเสียงปืนดังตลอดทำสัตว์หัวใจวาย ไม่พบบาดแผล
เสียงปืนปะทะกันของทหารสองฝ่าย ทำให้สัตว์เลี้ยง วัว-ควายของชาวบ้านช็อกตายแล้ว 6 ตัว ชาวบ้านระบุเป็นเพราะมีการยิงกันตลอดเวลาทำให้วัวควายหัวใจวาย อยากให้จบและไม่อยากให้ประเทศที่ 3 เข้ามายุ่งเกี่ยว
กองทัพภาค 2 รายงานสถานการณ์ 'เนิน 350' ไทยระดมยิงหนัก ทหารเขมรอ่อนล้าอาจต้านไม่ไหว
ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 สรุปสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ประจำวันที่ 18 ธันวาคม 2568 เวลา 12.00 น. ดังนี้

