เทพไทเดือด! ซัดปลดล็อกวาระผู้บริหารท้องถิ่นประโยชน์นักการเมืองล้วนๆ

30 ต.ค.2568 – นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์คลิปพร้อมเนื้อหาบนเฟซบุ๊กในหัวข้อ “ปลดล็อกวาระผู้บริหารท้องถิ่น ประโยชน์นักการเมืองล้วนๆ” ระบุว่า เมื่อวานนี้ วันที่ 29 ตุลาคม 2568 สภาผู้แทนราษฎรได้มีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับการปกครองส่วนท้องถิ่น การบริหารงานส่วนบุคคลของท้องถิ่น จำนวน 4 ฉบับ คือ พ.ร.บ.องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) พ.ร.บ.สภาตำบล องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) พ.ร.บ.เทศบาล และพ.ร.บ.ระเบียบบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น ซึ่งคณะกรรมการวิสามัญได้แก้ไขเนื้อหา ก่อนนำเสนอต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร และได้มีมติเสียงส่วนใหญ่ผ่านร่างทั้ง 4 ฉบับ จะนำไปสู่การพิจารณาของสมาชิกวุฒิสภาต่อไป

จะเห็นได้ว่ามีนักการเมือง พรรคการเมืองเคลื่อนไหวที่ต้องการจะแก้ไขสาระสำคัญของ พ.ร.บ.การบริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในประเด็นสำคัญอยู่ 2 ประเด็น คือ ลดอายุผู้บริหารจาก 35 ปี เหลือ 25 ปี และแก้ไขการดำรงตำแหน่งผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จากดำรงตำแหน่งไม่เกิน 2 วาระติดต่อกัน เป็นการปลดล็อกให้สามารถดำรงตำแหน่งได้ไม่จำกัดวาระ

เมื่อมติของสภาผู้แทนราษฎรผ่านร่าง พ.ร.บ.ทั้ง 4 ฉบับแล้ว จะเห็นว่ามีเพจ Facebook ของพรรคภูมิใจไทย โพสต์แบรนเนอร์ ข้อความว่า “ผ่านสภาแล้ว ร่างกฎหมายปกครองท้องถิ่น 4 ฉบับ ที่ร่วมเสนอโดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล และคณะ ส.ส. พรรคภูมิใจไทย เพิ่มโอกาสคนรุ่นใหม่ดำรงตำแหน่งผู้บริหารท้องถิ่นจาก 35 เหลือ 25 ปี และยกเลิกวาระการดำรงตำแหน่ง 2 สมัย” นับว่าเป็นการเคลื่อนไหวเพื่อเอาใจผู้บริหารท้องถิ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกนายก อบจ. นายก อบต.นายกเทศมนตรี ที่การดำรงตำแหน่งกำลังจะครบ 2 วาระ และไม่สามารถดำรงตำแหน่งต่อไปได้ พรรคภูมิใจไทยซึ่งเป็นตัวตั้งตัวตี แก้ปลดล็อกเพื่อหวังคะแนนเสียงจากผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น

ซึ่งก่อนหน้านี้เคยมีหนังสือเวียนจากนายกสมาคม อบจ. ให้ผู้บริหารท้องถิ่นล็อบบี้ สส.ในจังหวัดของตัวเอง เพื่อขอเสียงสนับสนุนปลดล็อกการดำรงตำแหน่ง 2 วาระให้ได้ ในที่สุดก็เป็นผลสำเร็จ คือสามารถแก้ไขให้ปลดล็อกได้ ซึ่งผลการแก้ไขกฎหมายฉบับนี้ คือทำให้ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดำรงตำแหน่งต่อไปโดยไม่จำกัดวาระ ส่วนพวก สส.ก็เห็นด้วยกับการเปิดโอกาสให้ผู้บริหารท้องถิ่นดำรงตำแหน่งต่อไป ตัดคู่แข่งทางการเมือง เพราะถ้าห้ามดำรงตำแหน่งไม่เกิน 2 วาระติดต่อกัน ก็อาจจะทำให้ผู้บริหารท้องถิ่นกลับมาเป็นคู่แข่งของ สส.ได้ จึงสมประโยชน์กันทั้ง 2 ฝ่าย คือผู้บริหารท้องถิ่นก็สามารถดำรงตำแหน่งต่อไปได้ สส.ก็ตัดคู่แข่งไป พรรคการเมืองได้หาเสียง ได้คะแนนจากผู้บริหารท้องถิ่น ทำให้สมประโยชน์กันทุกฝ่าย จึงเป็นที่มาของการปลดล็อกการดำรงตำแหน่ง 2 วาระออกไป

ส่วนตัวคัดค้านเรื่องนี้ ไม่เห็นด้วย ยืนยันในหลักการว่า การเป็นผู้บริหารท้องถิ่นไม่ควรเกิน 2 วาระติดต่อกัน เพราะจะเกิดผลเสียที่จะตามมา คือ

1.เป็นการวางอิทธิพลท้องถิ่น เป็นการผูกขาดการเมือง เป็นการวางทายาทในครอบครัว รวบอำนาจให้การเมืองท้องถิ่นอยู่ในคนครอบครัวเดียว ตระกูลเดียว

2.ผู้บริหารบางคนเป็นนานๆ มีความรู้สึกว่าองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ตัวเองเป็นผู้บริหาร เปรียบเสมือนบริษัทของตัวเอง ทำตัวเป็นเจ้าขององค์กรท้องถิ่นนั้นๆ

3.การเป็นผู้บริหาร 8 ปี ถือว่าเพียงพอสำหรับการทำหน้าที่บริหารท้องถิ่นแล้ว สามารถที่จะรับใช้ประชาชนในท้องถิ่นนั้นๆได้เพียงพอแล้ว

4.การเป็นผู้บริหารท้องถิ่นเกิน8ปี จะทำให้ความคิดตีบตัน ไม่พัฒนา

5.ตามมาตรฐานสากล การเลือกตั้งผู้บริหารโดยตรง จะมีการกำหนดวาระเพียง 2 วาระเท่านั้น คือ 8 ปี แม้แต่การดำรงตำแหน่งวาระของนายกรัฐมนตรีไทยตามรัฐธรรมนูญ ก็กำหนดไม่เกิน 8 ปีเช่นกัน

6.ผู้บริหารท้องถิ่นยิ่งอยู่นาน ไม่มีวาระ ยิ่งสะสมทุนได้มาก และเป็นบ่อเกิดของการซื้อเสียง

การจะอ้างว่าไม่ควรจะไปปิดกั้น การกำหนดวาระ ควรให้ประชาชนตัดสินใจ ไม่ควรจำกัดวาระนั้น เป็นแนวความคิดของผู้ที่อยู่ในอำนาจ เพราะการอยู่ในอำนาจนานๆ ย่อมได้เปรียบบุคคลอื่น คนเหล่านี้ก็ต้องการที่จะผูกขาดอำนาจไว้เพียงคนๆเดียว ตระกูลเดียว จึงไม่เห็นด้วย และก็ขอประณามแนวความคิดที่เห็นประโยชน์เพื่อตัวเอง ขอท้าให้กลับไปถามประชาชนส่วนใหญ่ว่า ประชาชนเห็นด้วยกับการปลดล็อกผู้บริหาร 2 วาระจริงหรือไม่

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เทพไท ไม่แปลกใจ 'อภิสิทธิ์-ปชป.' ฉุดกระแสใต้คืนชีพ ห่วง สส.เขต โดนกระสุนดินดำเอาไปกิน

เทพไท ชี้ ผลการสำรวจของนิด้าโพล อาจวัดความนิยมของพรรคการเมือง และจะบ่งบอกถึงส.ส.ในระบบบัญชีรายชื่อ แต่สำหรับส.ส.ในระบบเขต ยังเชื่อว่าพรรคการเมืองที่มีทรัพยากรพร้อม มีกระสุนดินดำเป็นจำนวนมาก และยิงเข้าเป้า ก็จะมีโอกาสชนะการเลือกตั้ง

'เทพไท' ชี้กลยุทธ์พรรคการเมือง เสนอ 3 แคนดิเดตนายกฯ หวังกระตุ้นเรตติ้งพรรค

พรรคการเมืองจะปรับกลยุทธ์เข้าสู่สนามเลือกตั้ง จะประกาศแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีครบ3คนหรือไม่ ก็เป็นกลยุทธ์และยุทธศาสตร์ของพรรคการเมืองแต่ละพรรค