ระวังขัดรธน.! ปฏิบัติตาม 'ถ้อยแถลง' เหตุเขมรยังเป็นภัยมั่นคงของไทย

31 ต.ค. 2568 – รศ.ดร.ชิดตะวัน ชนะกุล อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กในหัวข้อ “คนไทย Shock…อนุทิน!” โดยระบุว่า 27 ตุลาคม 2568 วันแห่งความอัปยศของคนไทย เมื่อนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้ให้สัมภาษณ์ความตอนหนึ่งว่า “ดินแดนที่ไทยรุกล้ำเข้าไปในกัมพูชาก็มี…” ภายหลังลงนามสันติภาพไทย-กัมพูชา กับนายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย โดยมีประธานาธิบดีโดนัล ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา และนายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิม แห่งมาเลเซีย เป็นสักขีพยาน

และวันต่อมานายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้อ้างว่า ที่พูดหมายถึงพื้นที่อ้างสิทธิ ซึ่งถ้าตรวจสอบแล้วเป็นของกัมพูชา หากไทยรุกล้ำก็ต้องถอยออกมา

รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 มาตรา 52 ประกอบมาตรา 3 วรรค 2 มีสาระสำคัญโดยสรุปว่า คณะรัฐมนตรี รัฐสภา หน่วยงานรัฐ มีหน้าที่พิทักษ์รักษาเขตที่ประเทศไทยมีสิทธิอธิปไตย เกียรติภูมิ ผลประโยชน์ของชาติ และความมั่นคงแห่งรัฐ

การที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ดังข้อความข้างต้น นอกจากไม่เป็นการปฏิบัติตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ยังผิดวิสัยการปฏิบัติหน้าที่ของผู้นำสูงสุดในการบริหารราชการแผ่นดิน ซึ่งต้องยึดประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ โดยต้องพิทักษ์รักษาดินแดนของประเทศอย่างสุดความสามารถ หาใช่การนำอธิปไตยเหนือดินแดนให้ไปอยู่ภายใต้การตรวจสอบและการตัดสินโดยประเทศอื่น

ผู้เขียนขอยกตัวอย่างกรณีที่เกิดขึ้นในปี 2563 เมื่อรัฐบาลของประเทศสหรัฐอเมริกา ได้เข้าแทรกแซงอธิปไตยเหนือดินแดนในเขต Western Sahara ซึ่งเป็นพื้นที่อ้างสิทธิระหว่างประเทศแอลจีเรียและประเทศโมรอคโค โดยรับรองว่า พื้นที่ดังกล่าวเป็นของโมรอคโค เพื่อตอบแทนการที่รัฐบาลโมรอคโคกลับไปเป็นพันธมิตรกับอิสราเอล

เหตุการณ์นี้ส่งผลให้รัฐบาลประเทศแอลจีเรียซึ่งเดิมได้มีคำสั่งปิดพรมแดนแอลจีเรีย-โมรอคโคมาตั้งแต่ปี 2537 ได้เพิ่มความเข้มข้นในการป้องกันผลประโยชน์ของชาติ ด้วยการมีคำสั่งห้ามเครื่องบินทุกประเภทของโมรอคโคบินเข้าน่านฟ้าของแอลจีเรีย รวมถึงการงดส่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติไปยังโมรอคโค และในที่สุดได้ตัดความสัมพันธ์ทางการทูตกับโมรอคโคเมื่อเดือนเมษายนปีนี้

รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 มาตรา 5 วรรคแรก บัญญัติว่า “รัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ บทบัญญัติใดของกฎหมาย กฎ หรือข้อบังคับ หรือการกระทําใด ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ บทบัญญัติหรือการกระทํานั้นเป็นอันใช้บังคับมิได้”

ดังนั้น คำสั่งนายกรัฐมนตรี หรือคำสั่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่เกี่ยวพันกับการลงนามฟื้นฟูความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2568 หรือคำสั่งอื่นใดที่มีความสุ่มเสี่ยงจะทำให้ประเทศต้องสูญเสียดินแดน หรือเป็นภัยต่อความมั่นคงแห่งรัฐ ย่อมเป็นกรณีคำสั่งที่ขัดหรือแย้งกับบทบัญญัติมาตรา 3 วรรค 2 ประกอบมาตรา 52 แห่งรัฐธรรมนูญนี้ ยังผลให้คำสั่งดังกล่าวเป็นอันใช้บังคับมิได้

เช่นเมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2568 นางสาวแพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้สั่งการในคราวประชุมที่จังหวัดสุรินทร์ ให้ปรับเวลาเปิดปิดด่านไทยให้ตรงกับเวลาที่กัมพูชากำหนด โดยอ้างว่าเพื่อประโยชน์ในการค้าขาย แต่พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ในขณะนั้น ก็มิได้ปฏิบัติตามคำสั่งของนายกรัฐมนตรี ด้วยอาจมีผลทำให้ไทยต้องเสียเปรียบในการกดดันกัมพูชาให้ออกจากเขตอธิปไตยของไทย

การที่พลโทบุญสิน พาดกลาง ไม่ดำเนินการตามคำสั่งของนายกรัฐมนตรี จึงเป็นกรณีการปฏิบัติตามอำนาจและหน้าที่ที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ ในการพิทักษ์รักษาเขตแดนที่ไทยมีสิทธิอธิปไตยและความมั่นคงของรัฐ อย่างครบถ้วน

ดังนั้น หากแม่ทัพภาคที่ 2 คนใหม่ หรือเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ปฏิบัติตามคำสั่งของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม หรือคำสั่งของนายกรัฐมนตรี ในเรื่องการถอนอาวุธหนัก การเปิดด่าน ฯลฯ ในขณะที่ประเทศกัมพูชายังไม่สิ้นสภาพเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงและความปลอดภัยของคนไทย ย่อมเข้าข่ายเป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ซึ่งอาจส่งผลให้เป็นการกระทำความผิดตามกฎหมายอื่นด้วย

ฝ่ายความมั่นคงซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่รัฐพึงตระหนักว่า ความเป็นสุภาพบุรษไม่สามารถใช้ได้กับอันธพาลหรือโจร ผู้ซึ่งไม่รู้จักคำว่า “ผิด ถูก ชั่ว ดี”

เมื่อกองกำลังกัมพูชาบังอาจฉีกอนุสัญญาเจนีวา ซึ่งเป็นสนธิสัญญาระหว่างประเทศ ที่ห้ามการโจมตีสถานที่ตั้งของพลเรือนอย่างเด็ดขาด โดยเฉพาะสถานพยาบาลที่ต้องได้รับความคุ้มครองเป็นพิเศษ ในเหตุการณ์สงครามไทย-กัมพูชา ระหว่างวันที่ 24-28 กรกฎาคม 2568 จนทำให้เด็กนักเรียนและคนไทย ซึ่งเป็นพลเรือน ได้รับบาดเจ็บ พิการ และล้มตาย เป็นจำนวนมากมาแล้ว

นั่นเป็นการแสดงให้เห็นว่า ในอนาคตประเทศกัมพูชาภายใต้การบงการของฮุน เซน สามารถฉีกได้ทุกสัญญา โดยไม่สะทกสะท้านต่อการประณามจากประชาคมโลกแต่อย่างใด!

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'อนุทิน' เปิดพรรครับ 'กลุ่มรักสถาบัน' ให้กำลังใจ ปกป้องอธิปไตยไทย

'อนุทิน' เปิดพรรค รับดอกไม้-หนังสือ 'กลุ่มศปปส.' ให้กำลังใจปกป้องอธิปไตย ลั่นไทยไม่มีแพ้ ขอมั่นใจพร้อมสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ทหาร

'ทหารผ่านศึก' รวมพลังส่งกำลังใจทหารชายแดน 'รมว.กห.' ย้ำเงื่อนไขหยุดยิง

ทหารผ่านศึกรวมพลังส่งกำลังใจทหารชายแดน ด้าน 'บิ๊กเล็ก' ส่งรองเสธ.ทหาร ร่วมถก รมว.กต.อาเซียน ย้ำไทยหยุดยิงหากกัมพูชาสิ้นปฏิปักษ์ชัดเจนเปิดเผยต่อเนื่อง เคืองนานาชาติไม่ประณามปมวางทุ่นระเบิด

'เลขาฯ กกต.' ส่งกำลังใจถึงเจ้าหน้าที่ จัด 3 งานใหญ่ ของขวัญให้คนไทย

'เลขาฯ กกต.' ส่งกำลังใจถึงเจ้าหน้าที่ จัด 3 งานใหญ่ เลือกตั้งสส.-อบต. พร้อมออกเสียงประชามติ มั่นใจออกมาดี รับมีความท้าทายในพื้นที่สู้รบ 7 จ.ชายแดน ปีใหม่นี้จากทุกปี มอบเป็นของขวัญให้คนไทย

เขมรยังไม่หยุด! บุกตีคืนบ้านสามหลัง ไทยยิงปืนใหญ่หนีกระเจิง

กัมพูชายังไม่หยุด นำกำลังตีคืนบ้านสามหลัง เจอ 'นย.ตราด' ระดมปืนใหญ่แตกกระเจิง ส่วนพื้นที่บ่อไร่-คลองใหญ่ ชาวบ้านกลับบ้านได้แล้ว หลังไร้เหตุปะทะนานกว่า 7 วัน

'อนุทิน' ระวัง! ติดกับดักตัวเอง ปมคำถามประชามติ

นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี วางกับดักตัวเอง ในการส่งคำถามประชามติของคณะรัฐมนตรี