
21พ.ย. 2568- ถนอม เกตุเอม นักเขียน และอาจารย์ด้านภาษีอากร บัญชี การเงิน โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า
สิ่งที่ผมเห็น…
หลังจากอ่านคำพิพากษา คดีภาษี 17,600 ล้านบาท
เอาจริง ๆ ตัวเลขของภาษีนั้นน่าสนใจ
แต่สิ่งที่น่าสนใจกว่า คือ เนื้อหาที่อยู่ในนั้น
ลองชวนวิเคราะห์ประเด็นเรื่องภาษี
จากคำพิพากษากันครับ
---
ตัวการ ตัวแทน
การถือหุ้นของบุตรทั้งสองเป็นเพียง ตัวแทน
ทำหน้าที่ถือหุ้นแทน โดยมีบิดาซึ่งเป็น ตัวการ
หรือพูดง่ายๆ ว่า เป็นเจ้าของหุ้นที่แท้จริง
การวินิจฉัยนี้ทำให้
หมายเรียกตรวจสอบภาษีที่ส่งไปยังตัวแทนนั้น
มีผลผูกพันตัวการโดยชอบด้วยกฎหมาย
และอยู่ภายในกำหนดเวลาตามประมวลรัษฎากร
ทำให้กรมสรรพากรมีอำนาจประเมินภาษี
และคดีไม่สิ้นสุดลงด้วยข้อจำกัดเรื่องอายุความ
หรือการไม่ชอบด้วยหมายเรียกอย่างที่ว่ามา
---
เงินได้คำนวณจากอะไร?
และทำไมถึงไม่ใช่กำไรจากการขาย
คดีนี้เงินได้ไม่ได้เกิดจากกำไรในการขายหุ้น
แต่เกิดจากการถือเป็นประโยชน์ที่ได้รับ
ซึ่งอาจคิดคำนวณได้เป็นเงินตามมาตรา 39
จึงเกิดเงินได้ตามมาตรา 39
จาก ส่วนต่าง 48.25 บาทต่อหุ้น
แม้ผู้รับจะยังไม่ขายหุ้นก็ตาม
นี่คือการยกหลัก “เนื้อหาเศรษฐกิจมาก่อนรูปแบบ”
ซึ่งทำให้ธุรกรรมราคา “หนึ่งบาท”
ถูกตีออกมาเป็นเงินได้กว่า 15,883.90 ล้านบาท
โดยถือเป็นเงินได้ตามมาตรา 40(2)
เพราะการได้รับโอนหุ้นในราคาต่ำพิเศษนั้น
ถือเป็นผลประโยชน์ที่ได้รับ (เงินได้)
สืบเนื่องจากหน้าที่หรือตำแหน่งงานที่ทำ
ไม่ใช่กำไรที่เกิดขึ้นจากการขายหุ้น
หรือพูดง่าย ๆ ว่า
ราคาที่ถูกกว่าตลาดหลายสิบเท่านั้น
ไม่ใช่ราคา “เชิงธุรกิจ” ในการขาย
แต่เป็นราคา “เชิงประโยชน์” ที่ได้รับ
---
คำว่า คุณธรรมทางภาษี คือ
ประเด็นที่ทำให้ยอดภาษีพุ่ง
ไม่ว่าจะเป็น
การตั้งบริษัทใน BVI
การฝากหุ้นให้ถือ
การโอนหุ้นในราคาต่ำผิดปกติ
การจัดโครงสร้างทางนิติกรรมที่ไม่มีธุรกิจรองรับ
คำว่า "คุณธรรมทางภาษี" มีพลังมาก
เพราะไม่ใช่ตีความจากตัวบท แต่เป็นเจตนา
ธุรกรรมที่ผิดจากเจตนารมณ์ของกฎหมายภาษี
ในทางกลับกันพลังของคำเดียวกันนี้เอง
ก็เปิดพื้นที่ให้สังคมตั้งคำถามด้วยว่า
หลักนี้ควรใช้แค่ไหน อย่างไร และกับใครบ้าง
แต่อย่างไรก็ดี เมื่อใช้หลักนี้ตีความ
นั่นแปลว่า ภาระภาษีที่เกิดขึ้นนั้น
ไม่ควรได้รับการลดเบี้ยปรับและเงินเพิ่ม
ฐานเงินได้พึงประเมิน = 15,883.9 ล้านบาท
ปี 2549 ใช้อัตราภาษีสูงสุด 37%
ภาษี 5,877 ล้านบาท
เบี้ยปรับ 5,877 ล้านบาท (หนึ่งเท่า)
เงินเพิ่ม 5,877 ล้านบาท (เพดานสูงสุด)
รวมทั้งหมดจึงเป็นภาษีที่ต้องเสีย
ประมาณ 17,600 ล้านบาท
---
ภาษีจำนวน 17,600 ล้านบาท
มีผลสะท้อนของวิธีที่รัฐตีความ “ความจริง”
ในช่วงเวลาหนึ่งของประวัติศาสตร์
ในคดีที่เส้นเรื่องเต็มไปด้วยอำนาจ
ความสัมพันธ์ เศรษฐกิจ และการเมือง
บางครั้งสิ่งที่ชัดที่สุด…
อาจไม่ใช่คำพิพากษา
แต่คือ “คำถาม” ที่ถูกทิ้งไว้
...ให้กับสังคม ต่อจากนี้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'อิ๊งค์' โพสต์ภาพคู่ 'ทักษิณ' สุขสันต์วันพ่อ อดทนไว้ เราจะได้ไปเที่ยวรอบโลกด้วยกัน
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย โพสต์ภาพถ่ายร่วมกับนายทักษิณ ชินวัตร พร้อมระบุข้อความผ่านอินสตาแกรมว่า
หยิกเล็บเจ็บเนื้อ! 'ภท.-พท.' โต้เดือดพัวพัน 'เบน สมิธ'
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า กรณีเบน สมิธ : ภูมิใจไทย-เพื่อไทย หยิกเล็บเจ็บเนื้อ
รู้จักน้อยไปจริง! กระทุ้ง 'อนุทิน' เผยตัวตนให้มากขึ้น
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต สส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า หรือเรารู้จักท่านนายกรัฐมนตรีน้อยไปจริงๆ
'ทักษิณ' ร่วมเวที 'เสก โลโซ' ร้องเพลงใจสั่งมา ในเรือนจำกลางคลองเปรม
"ทักษิณ" ขึ้นเวทีเรือนจำฯ ควงไมโครโฟนร้องเพลง "ใจสั่งมา" บรรยากาศอบอุ่นมวลความสุข เพื่อนผู้ต้องขังกว่า 1,000 คน ต่างลุกโชว์สเต็ปแด๊นซ์
เพจดังงัดภาพใหม่กว่า ตบหน้าแฟนคลับพรรคแดง ขว้างงูไม่พ้นคอ ทักษิณก็รู้จัก 'เบน สมิธ'
จากกระแสวิพากษ์วิจารณ์ หลังปรากฏภาพนายเบน สมิธ ถ่ายร่วมเฟรมกับบุคคลระดับสูงในแวดวงการเมืองไทย ได้แก่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี, นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ศาลรับอุทธรณ์คดี ม.112 ให้ 'ทักษิณ' ยื่นคำแก้อุทธรณ์ภายใน 15 วัน
พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา 8 ได้ยื่นคำอุทธรณ์คดี ที่ศาลอาญายกฟ้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในความผิดฐานดูหมิ่นสถาบัน ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ

