
'ประชาคมแพทย์' ชี้วิกฤตน้ำท่วมหาดใหญ่ ขาดผู้นำระดับพื้นที่ที่ใช้อำนาจตามกฎหมาย ปลุกจังหวัดภาคใต้ลุกขึ้นใช้ 'ผู้ว่าฯหมูป่าโมเดล' เป็นตัวอย่างระดับสากลของวิธีบริหารภาวะวิกฤตด้วยศูนย์สั่งการเดียว จี้นายกฯอนุทินสั่งการด่วน อย่าให้ซ้ำรอยสงขลา
26 พ.ย.2568 - เพจเฟซบุ๊ก ประชาคมแพทย์ ซึ่งมี นพ.ชาติชัย อติชาติ แพทย์ศิริราช รุ่น 90 ในฐานะแอดมิน โพสต์ข้อความว่า
หาดใหญ่ สงขลา พลาด เพราะไม่ใช้ “ผู้ว่าหมูป่า”โมเดล – อย่าให้จังหวัดอื่นในภาคใต้ต้องซ้ำรอยอีกเลย
ตอนนี้ตรัง หูเขื่อนน้ำตกแตก ดินสไลด์ ชาวบ้านลอยคอแล้ว ผู้ว่าตรัง ต้องเป็นผู้ว่าหมูป่า ทันที
ตอนนี้คนทั้งประเทศยังสับสนว่า ใครกันแน่คือ Single Command ของแต่ละจังหวัด?
ประเทศไทยไม่เคยขาด “น้ำท่วม” แต่เราขาด “ผู้นำระดับพื้นที่ที่ใช้อำนาจตามกฎหมายอย่างกล้าหาญ” ต่างหาก
และวิกฤตหาดใหญ่รอบนี้คือ บทเรียนราคาแพง ที่บอกเราชัดเจนว่า
ถ้าผู้ว่าฯ ไม่ลุกขึ้นเป็น “ผู้อำนวยการสั่งการคนเดียว” ตั้งแต่ชั่วโมงแรก
ระบบราชการไทยจะกลายเป็นเรือที่มีหลายกัปตัน และทุกคนต่างก็กลัวสั่งผิด
ผลคือ…น้ำท่วมไม่รอใคร แต่การสั่งการกลับต้องรอ “หน้าใครบางคน”
บทความนี้ ผมจะอธิบายให้ชัดว่า
1. หาดใหญ่พลาดตรงไหน
2. ทำไม “โมเดลผู้ว่าหมูป่า” คือเครื่องมือสำคัญที่สุดในมือผู้ว่าฯ
3. อะไรคือสัญญาณอันตรายที่กำลังคืบเข้ามาในจังหวัดอื่นของภาคใต้
4. และคำขอร้องจากประชาคมแพทย์ว่า “อย่าปล่อยให้การเมืองทำให้ Single Command สับสนอีก”
---
1) หาดใหญ่: พายุไม่ได้ใหญ่อย่างเดียว แต่ “ช่องว่างผู้นำ” ใหญ่กว่า
ถ้าเปิดกฎหมาย พ.ร.บ.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย 2550 (ฉบับปรับปรุง) จะเห็นชัดว่า
ผู้ว่าราชการจังหวัด = ผู้อำนวยการสาธารณภัยจังหวัด
มีอำนาจเต็มที่
ไม่ต้องรอ ครม.
ไม่ต้องรอรัฐมนตรี
ไม่ต้องรอนายกฯ ลงพื้นที่
ไม่ต้องรออะไรทั้งนั้น
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นที่หาดใหญ่คือ
ทุกหน่วยงาน “รอผู้ใหญ่สั่ง”
ผู้ว่าฯ ไม่ประกาศ Single Command ตั้งแต่วันแรก
การประสานงานแบบ “หลายหัว” ทำให้เกิดอาการมึนงงว่าใครเป็นตัวจริง
หน่วยงานใหญ่ระดับประเทศพูดอย่างหนึ่ง หน่วยงานจังหวัดพูดอย่างหนึ่ง
ประชาชนไม่รู้จะฟังใคร
น้ำขึ้นทุกชั่วโมง แต่คำสั่ง ทีเด็ดขาดแบบเผด็จการ ไม่ออกมา ชัดๆ
และนั่นทำให้เราพลาด “Golden Hours” ในการยับยั้งความเสียหายตั้งแต่ต้น
---
2) ความจริงโหดร้าย: หากใช้ “ผู้ว่าหมูป่าโมเดล” ตั้งแต่ 24 พฤศจิกายน เหตุการณ์จะไม่ลุกลามขนาดนี้
โมเดลผู้ว่าหมูป่า หรือ ที่นำบทเรียนจากการช่วยเด็กติดถ้ำมาใช้ในการจัดการวิกฤต คือการให้อำนาจผู้ว่าฯ
สั่งข้ามหน่วยงานได้ทันที
กรมชลฯ ตำรวจ ฝ่ายปกครอง ทหาร สสอ. โรงพยาบาล อปท. ต้องทำงานตามผู้ว่าฯ
เปิดศูนย์บัญชาการจังหวัดภายใน 1 ชั่วโมง
ไม่ต้องรอส่วนกลาง
ถ้าอพยพ ต้องอพยพทันที ไม่ใช่ประชุมแล้วประชุมอีก และต้องบังคับประชาชนทันที
ถ้าต้องใช้รถทหาร ต้องมาทันที ไม่ใช่รอ “ทำหนังสือขออนุมัติ”
ระบายน้ำต้องตัดสินใจตามวิทยาศาสตร์ ไม่ใช่ตามการเมือง
แต่ของจริงที่เกิดขึ้นที่หาดใหญ่ คืออะไร?
ต้องรอ “ผู้ใหญ่ลงพื้นที่”
ต้องรอ “ดูภาพรวมอีกนิด”
ต้องรอ “กระแสสังคม”
ต้องรอ “ฝ่ายกลางให้สัญญาณ”
การบริหารวิกฤตแบบนี้ แปลว่าเราอยู่ในยุคที่น้ำเดินหน้า แต่ระบบราชการเดินถอยหลัง
---
3) และแล้ว…รัฐบาลกลับใช้ “อำนาจพิเศษ” ตอนที่ กำลังเกิดวิกฤต เพื่อป้องกันเจ้าหน้าที่ไม่ให้ถูกฟ้อง อำนาจนี้ต้องมีใช้เพื่อป้องกันไม่ใช่เพื่อแก้ไข คือมันช้าไป 1 วัน
นี่คือสิ่งที่ประชาชนสับสนที่สุด
และผมเชื่อว่าคนจำนวนมากรู้สึกแปลกๆ แบบเดียวกัน
ตอนน้ำกำลัง"จะท่วมหนัก"" – รัฐบาลไม่ใช้ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน
ตอนที่ควรมี Single Command – รัฐบาลไม่กล้าสั่ง อยากสั่งเพิ่มอำนาจผู้ว่าสั่งไปเลยครับ
พอ ถึงจุดวิกฤตจริงๆซึ่งถือว่าช้าเกินไป – กลับออกกฎหมายพิเศษเพื่อคุ้มครองเจ้าหน้าที่ “ไม่ต้องรับผิดทางอาญา”
นี่คือการออกกฎหมายที่ไม่ได้แก้ปัญหา แต่แก้ความเสี่ยงของตัวเอง
ประชาชนจึงถามว่า
ตกลง Single Command ตัวจริงคือใคร?
ผู้ว่าฯ? รัฐมนตรี? นายกรัฐมนตรี? หรือฝ่ายประชาสัมพันธ์รัฐบาล? แม้กระทั่งหลังออกพรก.นี้ยังไม่รู้เลยว่า Single Command คือใคร
นี่คือสาเหตุที่ประชาชนสงขลาถึงรู้สึกว่า “ถูกทิ้งไว้กลางน้ำ”
---
4) คำถามใหญ่ที่สุดในตอนนี้: แล้วจังหวัดอื่นล่ะ? ใครคือ Single Command?
จังหวัด:
นครศรีธรรมราช
ปัตตานี
ยะลา
นราธิวาส
ตรัง
พัทลุง
สงขลา (รอบสอง)
สุราษฎร์ธานี
กระบี่
ภูเก็ต
ระนอง
ทุกจังหวัดในภาคใต้กำลังเข้าสู่ช่วงมรสุมที่หนักที่สุดของปี
และมีแนวโน้มว่าน้ำท่วมจะเกิด “แบบฉับพลัน” มากขึ้นเรื่อยๆ
เพราะฝนไม่ตกตามฤดูกาลเหมือนอดีตอีกแล้ว
แต่ปัญหาคือ…
วันนี้ยังไม่มีใครตอบได้ชัดว่า
“ผู้ว่าฯ ในจังหวัดอื่นจะมีอำนาจเหมือนผู้ว่าหมูป่า หรือยังต้องรอส่วนกลาง?”
ระบบราชการไทยสร้างปัญหาซ้ำซ้อนมาตลอด
คือ เวลาไม่มีวิกฤต – ทุกคนบอกว่าผู้ว่าฯ มีอำนาจเต็ม
แต่พอเกิดวิกฤตจริง – ทุกคนรอให้กระทรวง A อนุมัติ กระทรวง B เซ็น กระทรวง C ประชุม
นี่คือสูตรสำเร็จของการทำให้ความเสียหายลุกลาม
---
5) ผู้ว่าหมูป่าโมเดล คืออะไร? ทำไมจึงเป็นคำตอบที่ภาคใต้ต้องยึดเป็นหลัก
ผู้ว่าหมูป่าโมเดล เกิดขึ้นตอนช่วยเด็กติดถ้ำหลวง
และเป็นตัวอย่างระดับสากลของ “วิธีบริหารภาวะวิกฤตด้วยศูนย์สั่งการเดียว”
โดยมีหลักสำคัญ 5 ข้อ:
1) ผู้นำพื้นที่เป็นผู้สั่งการสูงสุด
ไม่ใช่รัฐมนตรี
ไม่ใช่ส่วนกลาง
เพราะคนในพื้นที่รู้ปัญหามากที่สุด
2) ทุกหน่วยงานต้องขึ้นตรงกับ Single Command
ลบคำว่า “รอระเบียบก่อน”
ทหาร ตำรวจ ปภ. หน่วยแพทย์ ทีมกู้ภัย – ต้องทำงานเป็นทีม
3) ตัดสินใจรวดเร็วกว่าอัตราการเพิ่มของภัยพิบัติ
น้ำมาเร็ว คำสั่งต้องเร็วกว่า
4) ใช้วิทยาศาสตร์มากกว่าการเมือง
ระดับน้ำ แบบจำลองฝน แผนการระบายน้ำ – ต้องชนะคำว่า “เดี๋ยวรอผู้ใหญ่เห็นด้วยก่อน”
5) ความรับผิดชอบชัดเจน
ถ้าผลลัพธ์ดี – ประชาชนได้ประโยชน์
ถ้าพลาด – ผู้นำรับ
ไม่ใช่โยนกันไปโยนกันมา
แต่ตอนนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นคือตรงกันข้าม
ทุกคนกลัวคำว่า “สั่งผิดแล้วโดนคดีอาญา”
จนไม่กล้าสั่งอะไรเลย
---
6) ภาคใต้กำลังจะตามรอยหาดใหญ่ ถ้า Single Command ยังไม่ชัดเจนตั้งแต่วันนี้
ถ้าถามว่า “จังหวัดไหนเสี่ยงที่สุด?”
คำตอบคือทั้งหมด
เพราะทุกจังหวัดมีปัจจัยเหมือนกัน คือ
ที่ลุ่มริมคลอง
เขื่อนรองรับน้ำปริมาณจำกัด
ระบบผันน้ำยังไม่สมบูรณ์
ฝนตกแบบคาดการณ์ไม่ได้
การสื่อสารหน่วยงานยังเป็นแบบราชการดั้งเดิม
วัฒนธรรม “รอใครสักคนสั่งก่อน” ยังฝังแน่น
และที่สำคัญที่สุด:
ไม่มีจังหวัดไหนประกาศล่วงหน้าว่า
“ถ้าเกิดวิกฤต ผู้ว่าฯ จะเป็น Single Command เต็มรูปแบบทันที”
ประชาชนจึงไม่รู้ว่าต้องฟังใคร
ข้าราชการไม่รู้ว่าใครจะเซ็นอนุมัติ
หน่วยกู้ภัยไม่รู้ว่าใครเป็นผู้นำเบ็ดเสร็จ
โรงพยาบาลไม่รู้ว่าต้องเปิดแผนรับผู้ป่วยแบบไหน
วิกฤตไม่ได้เกิดจากน้ำ
แต่มาจาก “ความไม่ชัดเจนของการสั่งการ”
---
7) โอกาสยังมี — ถ้าจังหวัดอื่นลุกขึ้นใช้ “ผู้ว่าหมูป่าโมเดล” ตั้งแต่วันนี้ ไม่ต้องรอวิกฤต
ผู้ว่าตรังต้อง กลายร่างเป็นผู้ว่าหมูป่าทันทีวันนี้เลยครับ เพราะหูเขื่อนน้ำตกแตก ชาวบ้านเริ่มลอยคอ
และจังหวัดอื่นๆ ในจุดที่เกือบวิกฤต ต้องแปลงร่างทันทีเช่นกัน อย่าให้รอวิกฤต
นี่คือสิ่งที่ผมอยากวิงวอนจริงๆ
จากใจของคนที่เห็นความสูญเสียที่เกิดขึ้นแล้วที่หาดใหญ่
ขอร้องเถอะครับ
อย่าให้เหตุการณ์นี้ซ้ำรอยในพัทลุง ตรัง ยะลา ปัตตานี นราธิวาส นครศรีธรรมราช หรือสตูล อีกเลย
สิ่งที่ผู้ว่าฯ ควรทำ “ตอนนี้เลย” ไม่ต้องรอให้ฝนลงอีก:
---
นายกอนุทินประกาศต่อทุกหน่วยงาน และสื่อทั่วประเทศทันที ว่า
“ถ้าเกิดเหตุระดับภัยพิบัติ ผู้ว่าฯ จะเป็น Single Command โดยอัตโนมัติ” ของจังหวัดนั้นๆ รับรองไม่มีใครด่า สิ่งนี้จะรับประกันความมั่นใจของผู้ว่าทันที
เปิดแผนผู้ว่าหมูป่าโมเดลทั้ง 5 ข้อ และสั่งsimulateแผนภายใน 3 วัน
---
ผู้ว่าหมูป่าสั่งให้ทุกอำเภอตั้งศูนย์บัญชาการพร้อมปฏิบัติ กำหนดจุดพักพิง อาจมีมากกว่าหนึ่ง ซึ่งต้องมีแน่นอน ไว้ล่วงหน้าทันทีและประกาศ สาธารณชนรับทราบ ในจังหวัดของท่าน
แบบเดียวกับศูนย์ช่วยหมูป่าในถ้ำหลวง
---
ผู้ว่าหมูป่าประสานกรมชลฯ และสำนักงานทรัพยากรน้ำ
ให้ส่งข้อมูลแบบเรียลไทม์ และมอบอำนาจผู้ว่าฯ ตัดสินใจระบายน้ำ ยกเว้น สิ่งที่อาจมีผลระหว่างจังหวัด และไม่สามารถตกลงกันได้ระหว่าง ผู้ว่าหมูป่าแต่ละจังหวัด จึงต้องให้นายกอนุทิน ซึ่งเป็น Single Command ระดับประเทศ เป็นผู้ตัดสิน
---
วางมาตรการด้านสาธารณสุข
ผู้ว่าตั้งทีมแพทย์ฉุกเฉิน
เตรียมโรงพยาบาลสนาม
ตรวจโรคระบาดหลังน้ำท่วม
เตรียมจุดพักพิงเปราะบาง สำหรับผู้ป่วย ที่ไม่ต้องนอนadmitเช่น กลุ่มฟอกไต
---
ลบคำว่า “รอ ครม. อนุมัติ” ออกจากพจนานุกรมการบริหารภัยพิบัติ
---
ประกาศความรับผิดชอบชัดเจน
ประชาชนต้องรู้ว่าใครเป็นผู้นำในวันน้ำมา
ข้าราชการต้องรู้ว่าใครสั่งได้ทันที
หน่วยกู้ภัยต้องรู้ว่าใครคือหัวหน้าหน่วย
---
บทสรุป: หาดใหญ่ไม่ใช่บทเรียนท้องถิ่น แต่เป็น “สัญญาณเตือนประเทศไทย”
สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่แค่เรื่อง “น้ำท่วม”
แต่เป็นเรื่อง “ช่องว่างความเป็นผู้นำในระบบราชการ”
การไม่กล้าตัดสินใจ คือความเสี่ยงต่อชีวิตประชาชน
การรอส่วนกลาง คือการปล่อยให้เหตุการณ์ลุกลาม
การกลัวคดีอาญา คือการยอมให้ระบบยุติธรรมมีอิทธิพลเหนือจริยธรรมของการช่วยชีวิตคน
และการประกาศ Single Command ที่ไม่ชัดเจน
คือหนทางลัดสู่ความโกลาหล เหมือนที่หาดใหญ่เจอมาแล้ว
ดังนั้น…
วันนี้ ขอให้ผู้ว่าฯ ทุกจังหวัดในภาคใต้ลุกขึ้นประกาศชัดๆ
“ถ้าเกิดภัยพิบัติ ผมคือ Single Command และผมจะใช้โมเดลผู้ว่าหมูป่าเต็มรูปแบบ”
ไม่ต้องกลัวส่วนกลาง
ไม่ต้องรอภาพลักษณ์
ไม่ต้องรอคำชม
เพราะเมื่อถึงเวลาวิกฤต
ประชาชนไม่ได้ต้องการภาพลักษณ์
พวกเขาต้องการ “คนสั่งการที่รับผิดชอบจริง”
เขาไม่ต้องการพรรคการเมืองที่ต้องการมาหาเสียง ในช่วงใกล้การเลือกตั้ง
นี่คือคำขอร้องจากประชาคมแพทย์
เพื่อไม่ให้คนภาคใต้ต้องเผชิญการสูญเสียซ้ำสอง
และเพื่อให้ประเทศไทยได้ผู้นำท้องถิ่นที่กล้าหาญพอ
ที่จะสั่งงาน “เร็วกว่าน้ำ” และ “เร็วกว่าความเสียหาย”
Admin ประชาคมแพทย์
26 พย.2568
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
โอนเงินเยียวยาน้ำท่วม สำเร็จแล้ว 4.9 พันล้าน 5 แสนครัวเรือน
'ภราดร' เผยยอดโอนเงินเยียวยาผู้ประสบอุทกภัย ช่วง 1-4 ธ.ค. โอนสำเร็จแล้ว 548,126 ครัวเรือน วงเงินรวม 4.9 พันล้านบาท
รัฐบาลยกเว้น 'ค่าไฟ' พ.ย. 420 ล้าน เยียวยาน้ำท่วมสงขลา
นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การเยียวยาและฟื้นฟูพื้นที่ประสบอุทกภัย โดยเฉพาะในจังหวัดสงขลา เดินหน้าไปอย่างมาก โดยปัจจุบันสามารถนำประชาชนกลับบ้านไปได้กว่า 90%
สส.ศาสตรา สะท้อนปัญหาน้ำท่วมหาดใหญ่ จี้รัฐบาลเร่งแก้ขยะเน่าเหม็นแล้ว เงินเยียวยายังล่าช้า
สส.สงขลา เข้าสภาฯ สะท้อนปัญหาชาวหาดใหญ่ เรียกร้องรัฐบาล เร่งจ่ายเงิน 9,000 บาทให้เร็วเหมือนวันแรก จี้ เก็บขยะเน่าเสีย วอน ออกมาตรการช่วยเหลือภาคอุตสาหกรรม สร้างความเชื่อมั่นให้นักท่องเที่ยว
นายกฯ ตั้งคณะกรรมการถอดบทเรียนมหาอุทกภัย ขีดเส้น 3 เดือน เสนอ ครม.เห็นชอบผลศึกษา
นายกฯลงนามตั้งคกก.ถอดบทเรียน-เตรียมความพร้อมรับมือมหาอุทกภัย ขีดเส้น 3 เดือน นำผลการศึกษาชงครม.เห็นชอบแนวทางป้องกันความเสียหายใหญ่อุทกภัยในอนาคต ถกนัดแรกพรุ่งนี้
กมธ.คุ้มครองผู้บริโภค เปิด 4 มาตรการเยียวยาน้ำท่วมภาคใต้ อย่าให้ประชาชนถูกซ้ำเติมความเดือดร้อน
โฆษกกมธ.การคุ้มครองผู้บริโภค จี้รัฐบาล-หน่วยงานกำกับดูแล-ผู้ให้บริการเอกชนให้ร่วมกันดำเนินมาตรการช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมอย่างเป็นรูปธรรม
'พี่ศรี' มาแล้ว บุก ป.ป.ช.ร้องสอบ 'อนุทิน' บริหารจัดการน้ำท่วมภาคใต้ผิดพลาดล้มเหลว
ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) นนทบุรี นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน ได้ยื่นคำร้องต่อ ป.ป.ช.เพื่อขอให้ไต่สวนและชี้มูลความผิดนายอนุทิน ชาญวีระกูล นายกรัฐมนตรีกับพวก กรณีผิดพลาด ล้มเหลวในการบริหารจัดการน้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้ 9 จังหวัด


