‘สุริยะใส’ ชี้ไทยกล้าพูด ‘ไม่’ กับสหรัฐฯ คือสัญญาณเปลี่ยนเกมภูมิรัฐศาสตร์

รองอธิการบดีฝ่ายบริหาร มหาวิทยาลัยรังสิต วิเคราะห์ท่าทีผู้นำไทยที่ไม่ยอมอ่อนข้อด้านความมั่นคงตามแรงกดดันจากสหรัฐฯ มองเป็นการขยับสถานะประเทศจากผู้ตามสู่รัฐที่มีอำนาจต่อรอง ย้ำโลกหลายขั้วต้องยืนบนผลประโยชน์ชาติ ไม่ใช่การเดินตามมหาอำนาจ

14 ธันวาคม 2568 - รศ.ดร.สุริยะใส กตะศิลา รองอธิการบดีฝ่ายบริหาร มหาวิทยาลัยรังสิต โพสต์เฟซบุ๊กว่า เมื่อไทยกล้าพูด “ไม่” กับมหาอำนาจ: จุดเปลี่ยนของภูมิรัฐศาสตร์ไทยในโลกหลายขั้ว

ท่าทีแข็งกร้าวของผู้นำการเมืองไทยในครั้งนี้ โดยเฉพาะการไม่ยอมคลี่คลายเงื่อนไขด้านความมั่นคงตามแรงกดดันจากสหรัฐฯ คือการท้าทายสมมติฐานเดิมที่สังคมไทยจำนวนไม่น้อยคุ้นชิน นั่นคือไทยควร “เดินตาม” มหาอำนาจตะวันตกเพื่อแลกกับความมั่นคง ความคิดแบบ pro-US ที่เชื่อว่าการยืนข้างสหรัฐฯ โดยอัตโนมัติคือคำตอบ อาจไม่สอดคล้องกับโลก geopolitics ที่กำลังแตกตัวเป็นหลายขั้ว และแข่งขันกันอย่างซับซ้อนมากขึ้น

ในโลกปัจจุบัน ความสัมพันธ์กับมหาอำนาจไม่ใช่เรื่องของความจงรักภักดี แต่คือเรื่องของอำนาจต่อรองและผลประโยชน์แห่งรัฐ การที่ไทยยืนยันจะไม่หยุดยิงจนกว่าจะมั่นใจในความปลอดภัยของตนเอง จึงเป็นการประกาศอย่างชัดว่าไทยไม่ยอมให้ความมั่นคงของชาติถูกลดทอนเป็นเพียงเครื่องมือในยุทธศาสตร์ระดับภูมิภาคของใครก็ตาม ไม่ว่าสหรัฐฯ จะนิยามสถานการณ์นั้นว่าอย่างไร

สาย pro-US มักมองว่าความแข็งกร้าวเช่นนี้จะทำให้ไทย “เสียเพื่อน” แต่ในเชิงยุทธศาสตร์ ประเทศที่ไม่มีจุดยืนชัดเจนต่างหากที่ไม่มีใครให้ความสำคัญ มหาอำนาจไม่ได้เคารพรัฐที่เชื่อฟังเสมอไป หากแต่เคารพรัฐที่รู้ว่าตนเองต้องการอะไร และพร้อมปกป้องเส้นแดงของตนเองอย่างมีเหตุผล ความแข็งกร้าวครั้งนี้จึงไม่ได้ลดคุณค่าของพันธมิตร แต่กลับยกระดับสถานะของไทยจากผู้ตามไปสู่ผู้ที่ต้องถูกนำมาคำนวณในสมการอำนาจ

ที่สำคัญ สงครามยุคใหม่ไม่ได้ตัดสินกันด้วยกระสุนเพียงอย่างเดียว แต่ตัดสินกันด้วยการกำหนดกรอบความชอบธรรม หากไทยยอมอ่อนข้อภายใต้แรงกดดันจากสหรัฐฯ ในจังหวะที่ภัยคุกคามยังไม่หมดไป นั่นจะกลายเป็นบรรทัดฐานว่าไทยพร้อมปรับความมั่นคงของตนเพื่อรักษาภาพลักษณ์ในสายตาพันธมิตร ซึ่งเป็นสัญญาณอันตรายในระยะยาวสำหรับรัฐขนาดกลางอย่างไทย

ท้ายที่สุด การที่ผู้นำการเมืองไทยกล้าแสดงความแข็งกร้าวต่อสหรัฐฯ อย่างเป็นรูปธรรม อาจทำให้สาย pro-US ไม่สบายใจในวันนี้ แต่ในโลกที่ geopolitics กำลังรุนแรงขึ้น การยืนหยัดเช่นนี้คือการวางตำแหน่งใหม่ของไทยในฐานะรัฐที่มี strategic autonomy ไม่ตกเป็นเครื่องมือของขั้วใดขั้วหนึ่ง และไม่ยอมให้ความมั่นคงของชาติถูกต่อรองแทน

หากไทยจะอยู่รอดอย่างมีศักดิ์ศรีในสงครามภูมิรัฐศาสตร์ที่ยืดเยื้อ การกล้าพูด “ไม่” กับมหาอำนาจในจังหวะที่เหมาะสม อาจไม่ใช่ความเสี่ยง แต่คือความจำเป็น...

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ฟ้อง UN 'กัมพูชา' ยิง BM-21 เป้าหมายพลเรือน ละเมิดสิทธิ์ห้ามต่างชาติ-คนไทยเดินทางกลับ

กต.ส่งหนังสือถึง ยูเอ็น ฟ้อง กัมพูชา ถล่มเป้าหมายพลเรือน - ละเมิดสิทธิ์ห้ามต่างชาติและคนไทย เดินทางกลับทางบก ด้าน สีหศักดิ์ แจงข้อเท็จจริง รมว.ต่างประเทศเวียดนาม

เลว! ประณามกัมพูชา ยิงจรวด BM-21 โจมตีพื้นที่ชุมชน ปชช.เสียชีวิต บ้านเรือนเสียหาย

กัมพูชาได้ใช้อาวุธจรวด BM-21 โจมตีเข้าใส่พื้นที่ ตำบลเสาธงชัย อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งอยู่บริเวณใจกลางแหล่งชุมชนและโรงเรียน

‘สว.นพดล’ ขอบคุณ 'ทรัมป์-อันวาร์' แต่ย้ำชัดไม่ต้องเข้ามายุ่งเรื่อง 2 ประเทศ

ขอบคุณแต่ไม่ต้อง! 'สว.นพดล' ขอบคุณ 'ทรัมป์-อันวาร์' ปรารถนาดีเข้ามาช่วย แต่ชายแดน 2 ประเทศควรให้ตกลงกันเอง สวน 'ธนาธร' หลังโพล่ง ถ้า 'พิธา' เป็นนายกฯ สถานการณ์คงไม่ถึงวันนี้ บอกควรสมัครสมานสามัคคีช่วยทหาร เผยอังคารนี้ สว.จ่อเคาะยกเลิก MOU 44 แล้ว

ชายแดนตราดระอุ แนวหน้ายิงปะทะดุเดือด พบโดรนบินป่วนทั่วเมือง

ชายแดนตราด ทหารไทยแนวหน้ายังปะทะดุเดือด ปืนใหญ่ยิงสนับสนุน ขณะโดรนบินป่วนทั่วเมือง ประชาชนสับสนกังวลเป็นโดรนทิ้งระเบิด 

‘หมอวรงค์’ เตือน เลือกตั้งระวังพรรคการเมืองที่สหรัฐถือหาง

นพ.วรงค์ ตั้งคำถามกรณี “ทรัมป์” ระบุเหตุทหารไทยเหยียบกับระเบิดเป็นอุบัติเหตุ ทั้งที่ฝ่ายทหารและอาเซียนยืนยันเป็นทุ่นระเ