ไทยไม่ได้โดดเดี่ยว! แต่ยืนฝั่งเดียวกับโลกในสงครามเงียบ

18 ธ.ค.2568 - นายปฐม อินทโรดม กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสวีโอเอ จำกัด (มหาชน) และกรรมการสภาดิจิทัล (DCT) โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า ABC News ของออสเตรเลีย เขียนตรงไปตรงมาว่าไทยถูกกล่าวถึงในฐานะประเทศที่ “กล้าแตะ” โครงสร้างเศรษฐกิจสีเทา ไม่ใช่แค่ยิงโต้ตอบทางทหาร แต่กำลังท้าทายระบบ scam cities ที่ฝังรากลึกตามแนวชายแดน โดยเฉพาะพื้นที่อย่างปอยเปตและบาเวต ซึ่งเป็นที่รู้กันดีในหมู่นักข่าวและองค์กรสิทธิมนุษยชน

ล่าสุด The Wall Street Journal รายงานภาพเดียวกันว่าการปะทะครั้งนี้มี “ศูนย์ scam” เป็นหนึ่งในเป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ บทความชี้ให้เห็นว่าอาคารจำนวนมากในกัมพูชาไม่ได้เป็นเพียงสถานบันเทิงหรือที่พักนักท่องเที่ยว แต่เป็นฐานปฏิบัติการหลอกลวงออนไลน์ ที่ดูดเงินจากเหยื่อทั่วโลก และเชื่อมโยงกับการค้ามนุษย์ การฟอกเงิน และอาชญากรรมไซเบอร์ในระดับอุตสาหกรรม

ขณะที่ AsiaNews วิเคราะห์ลึกไปกว่านั้น พวกเขาตั้งคำถามตรง ๆ ว่า ความขัดแย้งครั้งนี้จะไม่มีทางเข้าใจได้เลย หากไม่พูดถึง “ผลประโยชน์มหาศาล” จากศูนย์ scam ที่หล่อเลี้ยงผู้มีอำนาจ เครือข่ายอาชญากรรม และเงินสีเทาที่ไหลเวียนข้ามพรมแดนทุกวัน

เมื่อเรื่องเดียวกันถูกพูดพร้อมกันจาก อเมริกา ออสเตรเลีย และยุโรป มันจึงไม่ใช่ “วาทกรรมชาตินิยมของไทย” อีกต่อไป

โลกกำลังรับรู้ว่า กัมพูชาถูกมองว่าเป็นหนึ่งในศูนย์กลาง scam ของภูมิภาค และที่สำคัญยิ่งกว่า คือเรื่องนี้ไม่ได้หยุดอยู่แค่ข่าว

ในเวทีสหประชาชาติ พันธมิตร 68 ประเทศ ได้ร่วมลงนามและขับเคลื่อนกรอบความร่วมมือด้านการปราบอาชญากรรมไซเบอร์และ online scam ภายใต้อนุสัญญา UN ว่าด้วยอาชญากรรมไซเบอร์ โดยมี UNODC เป็นกลไกหลัก โลกกำลังจัดระเบียบปัญหานี้อย่างเป็นระบบ ตั้งแต่การแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวกรอง การติดตามเส้นทางการเงิน ไปจนถึงการคุ้มครองเหยื่อที่ถูกค้ามนุษย์มาบังคับทำงานในศูนย์ scam

และประเทศไทย…อยู่ในวงนั้น ไม่ใช่นอกวง

ไทยไม่ได้ออกมาตะโกนคนเดียวว่า “เราถูกหลอก” แต่กำลังยืนอยู่ในกลุ่มประเทศที่บอกว่า “scam center แบบนี้ต้องถูกทำลาย”

นี่คือจุดที่สำคัญที่สุดในสมรภูมิข่าวสาร

เพราะเมื่อ narrative เปลี่ยน จาก “ไทยรุกรานเพื่อนบ้าน” เป็น “ไทยเผชิญหน้าอาชญากรรมข้ามชาติ” เกมก็เปลี่ยนทันที

สิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้จึงไม่ใช่แค่การปะทะตามแนวชายแดน แต่คือการที่โลกเริ่มยอมรับว่า ปัญหา scam ในกัมพูชาไม่ใช่เรื่องภายในประเทศอีกต่อไป และการจัดการมัน ไม่ใช่หน้าที่ของไทยประเทศเดียว

ไทยไม่ได้โดดเดี่ยว แต่กำลังยืนอยู่บนฝั่งเดียวกับประเทศส่วนใหญ่ของโลก ในสงครามเงียบ ที่เดิมพันคือความเชื่อมั่น ความปลอดภัย และศักดิ์ศรีของระบบเศรษฐกิจดิจิทัลทั้งโลก

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ด่วน!กัมพูชาเปิดฉากยิงถล่มไทย 'บุรีรัมย์–สุรินทร์–ศรีสะเกษ–อุบลฯ' ระอุ

ด่วน!กัมพูชาเปิดฉากยิงถล่มไทยแต่เช้า! แนวรบบุรีรัมย์–สุรินทร์–ศรีสะเกษ–อุบลฯ เดือดระอุ ปืนใหญ่–อาวุธประจำกายถล่มเป็นระลอก

นายกฯ สั่งผู้ว่าฯ 7 จว.ชายแดนไทย-กัมพูชา ต้องมีความพร้อมเต็มที่ ดูแล-อพยพประชาชน

นายกฯ มอบนโยบายชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน สั่งผู้ว่าฯ 7 จังหวัดเตรียมแผนดูแลประชาชน เผย ยืมสตาร์ลิงค์ทหารไว้สื่อสารแล้วเปรียบ ”ชรบ.“ เป็นกำแพงมหึมาดูแลแนวหลังให้ปลอดภัย - สร้างความสบายใจให้ทหารไม่ต้องพะวงหลังห่วงครอบครัว ชี้ ใครคิดรบกับไทยคงประสาทไม่ดี

ดีอี เตือนภัย 'มิจฉาชีพ' ลวงทำ 'ใบขับขี่ออนไลน์' ระวังสูญเงิน

กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ตรวจพบข่าวปลอมรายสัปดาห์ที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมออนไลน์ ซึ่งประชาชนให้ความสนใจสูงสุดอันดับที่ 1 เรื่อง “กรมการขนส่งทางบก เปิดรับทำใบขับขี่ออนไลน์ ผ่านเพจ DLT License ใบขับขี่เร่งด่วน” รองลงมาคือเรื่อง “ก.ล.ต. เปิดแพลตฟอร์มลงทุนใหม่ ให้บริการนักลงทุนแบบครบวงจร”

ยกมติรัฐสภาโลก เตือนรัฐบาล ลูบหน้าปะจมูก นานาชาติจะมองไทยเป็นเครือข่ายสแกมเมอร์ข้ามชาติ

นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ว่า เมื่อผู้แทนจากรัฐสภาจากทั่วโลกมากถึง 2 ใน 3 ให้ความสนใจร่วมกันในการปราบปรามขบวนการสแกมเมอร์ข้ามชาติ