"นักข่าวเทวดา" เหน็บทหารไทยเมาสงคราม บ้าพลัง ไร้สติ สื่อ-กองเชียร์ก็สิ้นคิด เห็นด้วยกับการรื้อถอนรูปปั้นเทพเจ้าฮินดู เป็นการกระทำที่น่าละอาย ไม่เคารพต่อศาสนาฮินดู สอนทหารถ้ายึดพื้นที่ได้ ก็ไม่จำเป็นต้องทำลายเทวรูป รอให้พราหมณ์มาทำพิธีก่อนค่อยๆย้ายออกอย่างนุ่มนวลด้วยความเคารพ เก็บส่งคืนกัมพูชาภายหลังดีกว่า
25 ธันวาคม 2568 - นายประวิตร โรจนพฤกษ์ นักเคลื่อนไหว และผู้สื่อข่าวประจำข่าวสดภาคภาษาอังกฤษ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า ไทยเมาสงครามจนสร้างความเอือมจากประเทศที่ 3 ที่ไม่เกี่ยวข้องกับสงครามไทย-กัมพูชา จนได้ แถมพวกเชียร์สงครามยังออกมาปกป้องการกระทำที่น่าละอาย กล่าวคือการทำลายเทวรูปฮินดูยักษ์ในพื้นที่ๆไทยอ้างว่าเขมรรุกล้ำและสร้างรูปปั้นนี้
ล่าสุดโฆษกกระทรวงการต่างประเทศอินเดีย ออกมาตำหนิแล่ว โดยบอกว่านี่เป็นการกระทำที่ "ปราศจากความเคารพ" (disrespectful) ต่อศาสนาฮินดู และกระทบจิตใจคนฮินดู
คอมเม้นท์นี่เป็นข่าวในอินเดีย และน่าจะกระทบมุมมองของคนอินเดียต่อไทย
แต่ตอนนี้พวกเมาสงครามไม่สนแล้วว่าโลกเขาจะคิดต่อไทยอย่างไร นี่คือความสิ้นคิดที่เกิดจากอาการเมาสงคราม
ปล. แม้สื่อไทยจำนวนมากยังฉลองกับข่าวนี้ มีการใช้คำอย่าง "เฮสนั่น" ฯลฯ พวกเขาไม่รู้ตัวเช่นกันว่าต่างชาติเอือมสื่อไทยจำนวนมาก น่าจะตกอยู่ในอาการ "เมาสงคราม" เช่นกัน สวมหมวก #TeamThailand จนจำไม่ได้แล้วว่าบทบาทเป็นกระจกกับเป็นตะเกียงเป็นอย่างไร
อ่านคำตำหนิ
---
นี่คือคำแปลภาษาไทยอย่างเป็นทางการของแถลงการณ์จากกระทรวงการต่างประเทศอินเดีย
กระทรวงการต่างประเทศรัฐบาลอินเดีย ในการตอบคำถามของสื่อมวลชนเกี่ยวกับการรื้อถอนรูปปั้นเทพเจ้าในศาสนาฮินดู โฆษกอย่างเป็นทางการ นายรันธีร์ ไจสวาล (Shri Randhir Jaiswal) กล่าวว่า "เราได้รับทราบรายงานเกี่ยวกับการรื้อถอนรูปปั้นเทพเจ้าในศาสนาฮินดู ซึ่งสร้างขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ และตั้งอยู่ในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชาที่กำลังดำเนินอยู่
เทพเจ้าในศาสนาฮินดูและพุทธศาสนาเป็นที่เคารพสักการะอย่างลึกซึ้งจากผู้คนทั่วภูมิภาค ในฐานะส่วนหนึ่งของมรดกทางอารยธรรมร่วมกันของเรา โดยไม่คำนึงถึงการกล่าวอ้างกรรมสิทธิ์เหนือดินแดน การกระทำที่ไม่ให้เกียรติเช่นนี้ทำร้ายจิตใจของศาสนิกชนทั่วโลกและไม่ควรเกิดขึ้น
เราขอเรียกร้องอีกครั้งให้ทั้งสองฝ่ายกลับมาสู่การเจรจาและการทูต เพื่อฟื้นฟูสันติภาพและหลีกเลี่ยงการสูญเสียชีวิต ตลอดจนความเสียหายต่อทรัพย์สินและมรดกทางวัฒนธรรมเพิ่มเติม"
24 ธันวาคม 2568
---
ปล. และนี่อาจกระทบจำนวนนักท่องเที่ยวอินเดียที่มาไทย ผมขอเรียกร้องให้รัฐบาลไทยออกแถลงการณ์ขอโทษ และแสดงความเสียใจโดยด่วน ก่อนเรื่องจะบานปลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียวผ่านสื่อและโชเชียลอินเดีย
จริงๆแล้วพอยึดพื้นที่ได้ มันไม่มีความจำเป็นทำลายเทวรูปยักษ์เลย รอสงบศึก ค่อยอันเชิญพรามห์มาทำพื้นที่ และค่อยๆย้ายเทวรูปออกจากนุ่มนวลและด้วยความเคารพได้ และอาจเก็บไว้ หรือคืนกัมพูชาทีหลัง
แต่นี่ทหารไทยคงเมาสงครามและอยากโชว์เพาว์ (show power) โดยไร้สติ มองไม่ออกแล้วว่าโลก โดยเฉพาะชาวฮินดูและรัฐบาลอินเดียจะรู้ศึกอย่างไร แถมสื่อและคนจำนวนมากในสังคมก็เมาสงคราม เชียร์การกระทำนี้ไปด้วย
ปล. 2 AI มันยังรู้เลยว่านักท่องเที่ยวอินเดียในไทยสำคัญ และเพิ่มจำนวนอย่างก้าวกระโด หรือไทยกำลังคิดสั้นเพราะเมาสงคราม จนทุบหม้อข้าวตนเอง!!
อ่านจาก AI : ในปี 2568 นักท่องเที่ยวอินเดียมาไทยเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยมีเป้าหมายสูงถึง 2.3-2.5 ล้านคน มีสถิติทะลุ 1 ล้านคนแล้วตั้งแต่กลางปี และติดอันดับ 3 ของนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมดที่มาไทยในช่วง 10 เดือนแรก เป็นผลจากเศรษฐกิจอินเดียที่โตเร็ว, การอำนวยความสะดวกด้านวีซ่า (ยกเว้นวีซ่า 60 วัน), และไทยมีแหล่งท่องเที่ยวหลากหลายตอบโจทย์ ททท. จึงเน้นส่งเสริมตลาดนี้และคาดหวังตัวเลขสูงต่อเนื่อง โดยเฉพาะช่วงครึ่งปีหลังและไฮซีซั่นปลายปี
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
นายกฯ ลั่นทำลายรูปปั้นสัญลักษณ์เขมร เทียบไม่ได้กับทหารไทยขาขาด มองอินเดียตำหนิ ให้เป็นเรื่องแค่ 2 ประเทศ
นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย - กัมพูชา ภายหลังมีการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปหรือ GBC ระดับเลขานุการ ระหว่างฝ่ายไทยและกัมพูชาที่ จ.จันทบุรี
เผย 'เนิน 225' อยู่ไหน สำคัญอย่างไร หลังกองทัพภาค 2 ต้องประกาศให้รู้ยึดพื้นที่ได้แล้ว
กองทัพภาคที่ 2 แจ้งว่า ขณะนี้ยึด "เนิน 225" เรียบร้อย และยังอยู่ในระหว่างปฏิบัติการทางทหารอย่างต่อเนื่อง
อินเดียดราม่า! ออกโรงตำหนิไทยรื้อถอนรูปปั้นเทพเจ้าฮินดูในพื้นที่พิพาท ทำร้ายจิตใจผู้ศรัทธาทั่วโลก
เพจ Army Military Force โพสต์ข้อความว่า อินเดียแถลงตำหนิไทย กรณีรื้อถอนรูปปั้นเทพเจ้าในพื้นที่พิพาท ชี้กระทบความรู้สึกผู้ศรัทธาทั่วโลก
เปิดภารกิจสุดท้าย 'จ่าเริง-พลทหารวุ้น' วีรกรรมสุดห้าวหาญบุกยึดเนิน 350
กองทัพภาคที่ 2 โพสต์คลิปวิดีโอขนาดความยาว 3.50 นาที เผยแพร่ภารกิจสุดท้ายของ 2 ทหารกล้าพลีชีพปกป้องแผ่นดินไทย "จ่าสิบเอกสำเริง คลังประโคน" และ "พลทหารภานุพัฒน์ เสาร์
คนแน่นวัด! นายกฯอนุทิน เป็นประธานพิธีพระราชทานเพลิงศพ 'จ่าเริง' นักรบเนิน 350
คนแน่นวัดนายกฯเป็นประธานพิธีพระราชทานเพลิงศพจ่าเริง นักรบ 350 เพื่อนร่วมรบเผยเพลงที่จ่าเริง แต่งมาร้องให้ฟังครั้งแรกก่อนขึ้นเนิน 350 ระบุทุกครั้งออกรบจ่าเริงจะเอาธงชาติคลุมเหมือนซุปเปอร์แมน เสียงสุดท้ายก่อนออกรบ คือโทรศัพท์หาลูกบอกกลับไปจะพาไปกิน KFC
'บิ๊กเล็ก' พร้อมให้พี่สาว 'จ่าเริง' รับราชการทหารเป็นกรณีพิเศษ
รมว.กลาโหม ร่วมงานศพ "จ่าเริง" ให้กำลังใจครอบครัวทหารกล้า พร้อมให้พี่สาวอายุ 48 ปี รับราชการทหารเป็นกรณีพิเศษ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ แม่ปลื้มจะขอปฏิบัติธรรมหลังจากนี้

