เปิดเบื้องลึก! ทำไม 'ภูมิใจไทย' มีแคนดิเดตนายกฯแค่ 2 คน

26 ธ.ค. 2568 – นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กในหัวข้อ “ทำไมภูมิใจไทย มีแคนดิเดตเพียง 2 คน” โดยระบุว่า

ถ้าใครติดตามการเคลื่อนไหวของพรรคภูมิใจไทย ในกรณีการประกาศแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทย ซึ่งเป็นพรรคการเมืองแรก ที่มีการประกาศว่า แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทยในการเลือกตั้งครั้งนี้ จะมีครบ 3 คน จากเมื่อก่อนมีเพียง1คน คือหัวหน้าพรรค นายอนุทิน ชาญวีรกูล แต่ต่อมานายอนุทินบอกว่า พรรคโตขึ้นมีสมาชิกมากขึ้น อยากจะมีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีให้ครบ 3 คน โดยประกาศชื่อของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาส และนางศุภจี สุธรรมพันธุ์

หลังจากนั้นนักข่าวก็สอบถามเรื่องนี้กับนายเอกนิติ ซึ่งนายเอกนิติก็มีท่าทีบ่ายเบี่ยงที่จะตอบคำถาม และไม่ยืนยันว่าจะเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ตามการทาบทามหรือการประกาศของนายอนุทินหรือไม่ รวมไปถึงนางศุภจี สุธรรมพันธ์ ซึ่งตอนนั้นกำลังอยู่ในการไปราชการที่ต่างประเทศ เมื่อกลับมานางศุภจีก็ปฏิเสธที่จะตอบคำถาม และบอกว่าไม่รู้เรื่อง เพิ่งรู้เรื่องพร้อมกับนักข่าวเช่นเดียวกัน ทำให้ทุกฝ่ายรอว่าแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทยเป็นใครกันแน่

จนถึงวันที่ 24 ธันวาคม 2568 พรรคภูมิใจไทย นัดเปิดตัวทีมงานและนโยบายของพรรค ทุกคนก็รอคอยว่า จะมีการเปิดตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีครบ 3 คนหรือไม่ และยังเป็นรายชื่อเดิมคือ นายอนุทิน นายเอกนิติ และนางศุภจีหรือไม่ แต่ภาพที่ปรากฏบนเวที คือเป็นการประกาศทีมบริหารรองนายกรัฐมนตรี 3 คน ที่มาจากบุคคลภายนอก คือนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาส เป็นรองนายกรัฐมนตรี ดูแลงาน การเงินการคลัง นางศุภจี สุธรรมพันธ์ เป็นรองนายกรัฐมนตรี ดูแลงานกระทรวงพาณิชย์ งานด้านการค้า และอุตสาหกรรม นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว เป็นรองนายกรัฐมนตรี ดูแลงานต่างประเทศและความมั่นคง ไม่มีการประกาศชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีแต่อย่างใด

ในโอกาสถัดมา นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกพรรค ได้ออกมาให้ข่าวว่า จะเสนอแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีในนามพรรคภูมิใจไทยเพียงคนเดียว คือนายอนุทิน ชาญวีรกูล แต่ล่าสุดเช้าวันที่ 25 ธันวาคม 2568 ได้มีแถลงการณ์ของพรรคภูมิใจไทย ประกาศแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค จำนวน 2 คน คือนายอนุทิน ชาญวีรกูล และนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการการทาบทามแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทยเป็นไปด้วยความขลุกขลักไม่ราบรื่น

การที่นายอนุทินต้องการที่จะโชว์ภาพเทคโนแครต หรือบุคคลภายนอกมืออาชีพ มาเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เพื่อดึงคะแนนเสียงของชนชั้นกลางและคนกรุงเทพฯนั้น ไม่ประสบความสำเร็จ รวมถึงการต้องการให้มีตัวช่วยในการดีเบตบนเวทีประชันวิสัยทัศน์ของแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคการเมืองต่างๆ แต่เมื่อบุคคลที่ต้องและทาบทามไว้ไม่พร้อม ในนาทีสุดท้ายจึงเห็นการไปตื๊อ ไปทาบทาม คะยั้นคะยอให้นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว มาเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีอีกคนหนึ่ง เพื่อสามารถช่วยในเวทีดีเบต เพราะลำพังนายอนุทิน ความเชี่ยวชาญความถนัดบนเวทีดีเบต ถือว่าเสียเปรียบแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคการเมืองอื่นๆ หลายพรรค

ในความเป็นจริงแล้ว ถ้าหากนายอนุทินต้องการได้ภาพความเป็นทีมของพรรคภูมิใจไทยครบทั้ง 3 คน ควรจะเสนอ 1.นายอนุทิน ชาญวีรกูล 2.นายวราวุธ ศิลปอาชา 3.นายไชยชนก ชิดชอบ ถ้าหากเป็น 3 คนนี้ ก็ถือว่าครบเครื่อง เพราะนายอนุทิน สามารถดีเบตในเรื่องการเมืองได้ นายวราวุธ สามารถดีเบตในเรื่องการเมือง เรื่องสิ่งแวดล้อม เรื่องการต่างประเทศได้ และนายไชยชนก สามารถดีเบตเรื่องเทคโนโลยีสมัยใหม่ และเป็นตัวแทนของคนรุ่นใหม่ได้

แต่ภาพที่ปรากฏคือ ได้มีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีเพียง 2 คน จึงทำให้เห็นว่าความพร้อมในการเสนอแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทย ไม่มีความพร้อมตามที่หลายคนคาดหวังไว้.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

‘นํ้าเงิน-ส้ม’เปิดศึก! ‘หนู’ลั่นพรรคใดแก้ม.112ไม่ร่วมด้วย-‘เท้ง’ท้าแข่งกันจัดตั้งรัฐบาล

“ภูมิใจไทย” ขยับใหม่ ประกาศแคนดิเดตนายกฯ 2 คน “อนุทิน-สีหศักดิ์” ผวา!  ส่งชื่อคนเดียวสุ่มเสี่ยง ต้องเผื่อเหลือเผื่อขาดเอาไว้

โฆษกรัฐบาล ยัน 'ศุภจี' ไม่ขาดคุณสมบัติ ไม่ไปเลือกตั้งท้องถิ่นจริง แต่ทำหนังสือแจ้งเหตุแล้ว

"สิริพงศ์" ระบุ "ศุภจี" มีเหตุไม่ไปเลือกตั้งท้องถิ่นจริง แต่แจ้งเหตุแล้ว ยันไม่ขาดคุณสมบัติดำรงตำแหน่งการเมือง วอนอย่าสร้างความสับสน ให้คนทำงานเสียกำลังใจ

นายกฯ นั่งหัวโต๊ะดึง 4 กระทรวงแก้เผาอ้อยและพืชไร่

นายกฯ นั่งหัวโต๊ะลงนาม 4 กระทรวง ควบคุมการเผาอ้อยและพืชไร่ ป้องกันปัญหาฝุ่น PM 2.5 ด้านกระทรวงอุตสาหกรรม โชว์ผลงานเผาอ้อยเป็น 0% คืนอากาศบริสุทธิ์ให้ประชาชนช่วงปีใหม่

'ไทยสร้างไทย' ตั้งเป้ากวาด 25 สส.

'ไทยสร้างไทย' พร้อมสู้ศึกเลือกตั้งทั่วไทย 'ภราดร' ตั้งเป้า 25 เก้าอี้ สส. ดันแคนดิเดตนายกฯ ย้ำร่วมรัฐบาลได้ทุกพรรค แต่ต้องเป็นพรรคสีขาว ด้าน 'สุรเดช' ลั่นไม่เน้นแจกเงินแต่จะสังคายนาระบบงบประมาณใหม่