
31 ธ.ค.2568 - อัษฎางค์ ยมนาค หรือเอ็ดดี้ นักวิชาการอิสระ โพสต์เฟซบุ๊กในหัวช้อ “สังคมไทยต้องตั้งคำถามต่อว่า ศักดิ์ศรีของ 'นักการเมือง' ในยุคนี้ มีเสียงดังกว่าความมั่นคงของ 'ประมุขแห่งรัฐ' ความย้อนแย้งเชิงบรรทัดฐาน” ระบุว่า
หมายเหตุ: ข้อเขียนต่อไปนี้มิได้มีเจตนาเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของดราม่าที่เกิดขึ้น หรือเข้าข้าง/ปกป้องฝ่ายใด แต่เป็นการปฏิบัติหน้าที่ของพลเมืองตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 50(1) ในการพิทักษ์รักษาไว้ซึ่ง ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งรวมถึงการเคารพและสนับสนุนบทบาทของพระมหากษัตริย์ในฐานะประมุขของรัฐตามรัฐธรรมนูญ
จากดราม่า สส.ไอซ์ และ ดร.อานนท์
มีการติดแฮชแท็กและคลิปข่าวเรียกร้องให้นิด้าแสดงจุดยืน ต่อมา นิด้ามีแถลงการณ์ยอมรับว่ากำลังตรวจสอบกรณีบุคลากรของสถาบันโพสต์พาดพิงและจะดำเนินการตามระเบียบ เรื่องนี้สังคมอาจมองว่า นิด้า ออกแถลงการณ์ เป็นสิ่งที่เป็นบรรทัดฐานที่ดี แต่ยังมีมหาวิทยาลัยอื่นๆ ที่มีอาจารย์ที่บิดเบือน/จาบจ้วงสถาบันฯ หรือให้ท้ายพวกล้มเจ้า แต่มหาวิทยาลัยเหล่านั้นกลับเงียบ
ทำไมเงียบ? ผมจะลองวิเคราะห์ วิจารณ์ในทางวิชาการดู
"ความรวดเร็วในการตอบสนองของนิด้า" เทียบกับ "ความเงียบของมหาวิทยาลัยอื่นในกรณีจาบจ้วงสถาบันฯ"
"ปฏิกิริยาที่รวดเร็วของนิด้าเป็นสิ่งที่ดีและควรชื่นชม แต่สังคมไทยต้องตั้งคำถามต่อว่า ทำไมความกระตือรือร้นนี้จึงไม่เกิดขึ้นกับกรณีที่บ่อนทำลายความมั่นคงของสถาบันหลักของชาติ? หรือว่าศักดิ์ศรีของ 'นักการเมือง' ในยุคนี้ มีเสียงดังกว่าความมั่นคงของ 'ประมุขแห่งรัฐ' ในรั้วมหาวิทยาลัย?"
กรณี อ.อานนท์ ประเด็นที่ถูกร้องเรียนถูกตีกรอบว่าเป็นเรื่อง "การคุกคาม" และ "การเหยียดหยามศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์" ซึ่งในโลกยุคใหม่และมาตรฐานสากล เรื่องนี้เป็น Red Line (เส้นตาย) ที่องค์กรตัดสินง่ายกว่าในมุมมอง HR (ทรัพยากรบุคคล) นิด้าจึงต้องรีบตัดไฟเพื่อรักษาภาพลักษณ์องค์กรที่มีธรรมาภิบาล
กรณีอาจารย์มหาวิทยาลัยอื่น (ประเด็นสถาบันฯ) มักถูกผู้กระทำหรือกองเชียร์ตีกรอบว่าเป็นเรื่อง "เสรีภาพทางวิชาการ" หรือ "ความเห็นต่างทางการเมือง" ซึ่งมหาวิทยาลัยมักใช้เป็นเกราะป้องกัน การไม่ดำเนินการใดๆ เพราะกลัวแรงเสียดทานจากเครือข่ายวิชาการทั้งในและต่างประเทศ ที่จะหาว่ามหาวิทยาลัยปิดกั้นทางความคิด แม้เนื้อหาจะหมิ่นเหม่กฎหมาย แต่ตราบใดที่ศาลยังไม่ตัดสิน มหาวิทยาลัยมักเลือกที่จะ "เพิกเฉย"
อำนาจการต่อรองของผู้ร้องเรียน
คุณไอซ์ รักชนก ไม่ได้มาในฐานะชาวเน็ตธรรมดา แต่มาในฐานะ "ส.ส. ผู้ทรงเกียรติ" และมี "ฐานแฟนคลับในโซเชียลมีเดีย" ที่พร้อมจะถล่มเพจองค์กร การที่ ส.ส. ร้องเรียนหน่วยงานรัฐ (หรือในกำกับรัฐ) เป็นเรื่องที่ผู้บริหารต้อง "Take Action" ทันทีตามระบบราชการ เพื่อไม่ให้ถูกมองว่าละเว้น
ประชาชนที่ร้องเรียนเรื่องสถาบันฯ แม้จะมีจำนวนมาก แต่บ่อยครั้งขาด "หัวขบวน" ที่มีสถานะทางกฎหมายหรืออำนาจการเมืองที่ชัดเจนในการกดดันสภามหาวิทยาลัย ทำให้เสียงเรียกร้องมักไปไม่ถึงระดับนโยบาย หรือถูกปัดตกเงียบๆ
วัฒนธรรมองค์กรและกลุ่มเป้าหมาย
NIDA เป็นสถาบันที่เน้นสร้าง "นักบริหาร" และ "ข้าราชการระดับสูง" ความคาดหวังต่อการวางตัวจึงสูงมาก สูงกว่าสถาบันอื่น
มหาวิทยาลัยอื่นๆ (เช่น ธรรมศาสตร์, จุฬาฯ ฯลฯ) มีประวัติศาสตร์ของการเป็นพื้นที่ปะทะทางความคิด บางแห่งมีวัฒนธรรมที่ยอมรับความก้าวร้าวทางความคิดได้มากกว่า ในนามของการ "เบิกเนตร" หรือการต่อสู้ทางอุดมการณ์ ทำให้เพดานความอดทนต่อพฤติกรรมหมิ่นเหม่สถาบันฯ สูงกว่า
ยุทธศาสตร์ "เลือกปฏิบัติเพื่อความอยู่รอด"
ต้องยอมรับความจริงที่เจ็บปวดว่า องค์กรการศึกษาไทยกำลังเล่นเกม "Play Safe" การลงโทษคนที่ "บูลลี่รูปลักษณ์/บุพการี" เป็นสิ่งที่ ใครๆ ก็เห็นด้วย (Low Risk, High Gain) ทำแล้วดูหล่อ ดูมีจริยธรรมทันที
การลงโทษคนที่ "จาบจ้วงสถาบันฯ" เป็นเรื่องที่ เสี่ยงต่อทัวร์ลงจากฝ่ายก้าวหน้า และสื่อตะวันตก (High Risk) มหาวิทยาลัยจึงเลือกที่จะเงียบ จนกว่าจะมีคำสั่งศาล เพื่อเซฟตัวเอง
บทสรุป
สิ่งที่เห็นคือ "ความล้มเหลวของการสร้างมาตรฐานจริยธรรมกลาง" ของสังคมไทย ถ้าเราจะพัฒนาการเมืองไทยให้พ้นวิกฤต มหาวิทยาลัยและสถาบันหลักต้องกล้าหาญที่จะกำหนดบรรทัดฐานว่า
1. เสรีภาพทางวิชาการ ต้องไม่รวมถึงการบิดเบือนข้อเท็จจริงเพื่อสร้างความเกลียดชัง (Hate Speech) ไม่ว่าจะต่อบุคคลธรรมดา หรือต่อสถาบันพระมหากษัตริย์
2. มาตรฐานการสอบสวนจริยธรรม ต้องรวดเร็วเท่าเทียมกัน ไม่ว่าผู้ร้องเรียนจะเป็น ส.ส. ฝ่ายค้าน หรือ ประชาชนผู้จงรักภักดี
"ปฏิกิริยาที่รวดเร็วของนิด้าเป็นสิ่งที่ดีและควรชื่นชม แต่สังคมไทยต้องตั้งคำถามต่อว่า ทำไมความกระตือรือร้นนี้จึงไม่เกิดขึ้นกับกรณีที่บ่อนทำลายความมั่นคงของสถาบันหลักของชาติ? หรือว่าศักดิ์ศรีของ 'นักการเมือง' ในยุคนี้ มีเสียงดังกว่าความมั่นคงของ 'ประมุขแห่งรัฐ' ในรั้วมหาวิทยาลัย?"
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'ธีระชัย' แนะกองทัพเดินหน้าสร้างกำแพงบอกหยุดยิงต้องหยุดเสียอธิปไตยด้วย
นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล นักวิชาการอิสระ
ไปอีกราย! ธีระชัยลาออกทุกตำแหน่งใน พปชร.
'ธีระชัย' ลาออกทุกตำแหน่งใน พปชร. หลัง 'บิ๊กป้อม' ถอนตัวแคนดิเดตนายกฯ ขอกลับไปเป็นนักวิชาการอิสระ
‘ทหารมีไว้ทำไม’ คำถามเก่าที่ตามหลอนพรรคส้ม!
สถานการณ์การสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้บทบาทกองทัพและประเด็นความมั่นคง กลับมาอยู่ในความสนใจของสังคมอย่างชัดเจน
เอาแล้ว ‘ช่อ พรรณิการ์’ แจ้งความ! ปม ’เปิดเผยแผนการรบ‘
พรรณิการ์ วานิช ระบุพูดชัดมาโดยตลอดว่าเรื่องแผนที่และกำลังรบเป็นความมั่นคง พูดไม่ไ
'หลิว จงอี้' พบกองทัพบก จีนชี้รัฐบาลกัมพูชาเอี่ยวขบวนการ 'สแกมเมอร์' หลายมิติ
หลิว จงอี้ ร่วมหารือกองทัพบก ขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาไซเบอร์สแกม เผยรัฐบาลกัมพูชามีความเชื่อมโยงและมีผลประโยชน์ร่วมกับขบวนการสแกมเมอร์ในหลายมิติ
‘สุริยะใส’ ชี้ไทยกล้าพูด ‘ไม่’ กับสหรัฐฯ คือสัญญาณเปลี่ยนเกมภูมิรัฐศาสตร์
รองอธิการบดีฝ่ายบริหาร มหาวิทยาลัยรังสิต วิเคราะห์ท่าทีผู้นำไทยที่ไม่ยอมอ่อนข้อด้านความมั่นคงตามแรงกดดันจากสหรัฐฯ มองเป็นการขยับสถานะประเทศจากผู้ตามสู่รัฐที่มีอำ

