รัฐอ่อนแอ 'นักบุญ' จึงผงาด: เมื่อพื้นที่ความทุกข์กลายเป็นเวทีโชว์

เราอาจจะเคยเติบโตมากับประโยคคลาสสิก ว่า “เมื่อใดที่รัฐแข็งแกร่ง ประชาชนจะมั่นคง” แต่ในสังคมไทยยุคปัจจุบัน ดูเหมือนเราต้องปรับประโยคนี้ใหม่ให้ใกล้ความจริงขึ้นอีกนิด

เพราะเมื่อ รัฐอ่อนแอ อย่างต่อเนื่อง พื้นที่สาธารณะจำนวนมากจึงถูกเติมเต็มด้วย “นักบุญ” ที่ปรากฏตัวเป็นดอกเห็ด พร้อมแย่งกันแสดงบท “พระเอก” โดยเฉพาะในยามที่ประชาชนกำลัง จน หิว เจ็บ ตาย หรือหมดศรัทธาต่อรัฐอย่างสิ้นเชิง

ไม่มีใครอยากให้สังคมต้องพึ่ง “ผู้มีบุญคุณเฉพาะกิจ” ทุกครั้งที่วิกฤตมาเยือน แต่ความจริงที่โหดร้ายก็คือ ประเทศนี้มีระบบรัฐที่อ่อนแอ โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ประเทศกำลังเผชิญกับการนำของ แพทองธาร ชินวัตร ซึ่งดูเหมือนจะไม่สามารถจัดการวิกฤตได้อย่างทันท่วงที

เมื่อวิกฤตเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็น อุทกภัย, ไฟไหม้, ฝุ่นพิษปกคลุมเมือง, ตึกถล่มจากแผ่นดินไหว หรือแม้กระทั่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัว เช่น เงินในกระเป๋าหายไปโดยไม่ทราบสาเหตุ ประชาชนมักเริ่มมองหาผู้ที่จะเข้ามาช่วยเหลือ การมองหาผู้ที่ “ดูเหมือนจะช่วย” ในช่วงเวลานั้นจึงเป็นเรื่องที่เข้าใจได้

ในช่วงวิกฤตเหล่านี้มักเป็นช่วงเวลาที่ “นักบุญ” ปรากฏตัวขึ้น บางคนเป็น “นักบุญทุนของตัวเอง” ขณะที่บางคนก็กลายเป็น “นักบุญทุนของคนอื่น” ที่พร้อมจะเข้ามามีบทบาทในการช่วยเหลือในทันที

หรือแม้กระทั่งบางคนที่มาปรากฏตัวในคราบ “นักบุญ” ผ่านบทบาทสื่อมวลชน ซึ่งทำหน้าที่เป็นกระบอกเสียงสะท้อนความทุกข์ของประชาชน พร้อมกับการ นำเสนอภาพลักษณ์แห่งความเมตตาและการตัดสินแบบศาลเตี้ย

นักบุญเหล่านี้ไม่ใช่เจ้าสัว ไม่ใช่กลุ่มทุนผูกขาด ไม่ใช่นักการเมือง หรือองค์กรภาคประชาสังคม แต่เป็นบุคคลที่ลุกขึ้นมามีบทบาทในการช่วยเหลือประชาชนในช่วงเวลาที่ ผู้คนเริ่มรู้สึกว่ารัฐถอยห่างออกจากพื้นที่ของความเจ็บปวดเหล่านี้

พวกเขาปรากฏตัวพร้อมกับ เสื้อทีมเฉพาะกิจ ข้าวกล่องแน่นรถตู้ กล้องไลฟ์สด และ บัญชีรับบริจาคที่ตั้งชื่ออย่างซาบซึ้ง

การปรากฏตัวของพวกเขาไม่เพียงแค่เติมเต็มช่องว่างที่รัฐทิ้งไว้ แต่ยังเริ่ม “ครอบครอง” พื้นที่ของความดีงาม ความเมตตา และความเป็นผู้นำทางศีลธรรม ไปโดยอัตโนมัติ

แน่นอนว่าบางคนช่วยด้วยใจ แต่ก็มีไม่น้อยที่ช่วยด้วยเหตุผลอื่น บ้างเพื่อ แสงสว่างของชื่อเสียง บ้างเพื่อ ยอดติดตามในโซเชียล บ้างเพื่อ สร้างทุนทางสังคม สำหรับการต่อรอง หรือแม้แต่ ทุนทางการเมืองในอนาคต

บางคนช่วยจริง บางคนสร้างภาพว่าช่วย บางคนช่วยเพื่อแลกกับ “กล่องบริจาค” ที่ไม่เคยถูกตรวจสอบ

บางคนที่ได้รับการยกย่องเป็น ‘นักบุญ’ ในโลกออนไลน์ ก็อาจมีประวัติหรือข้อกล่าวหาที่เกี่ยวข้องกับ ธุรกิจที่ไม่ชัดเจน หรือการละเมิดสิทธิฯ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความซับซ้อนในวิธีการที่บางคนเลือกใช้เพื่อแสดงออกถึงการช่วยเหลือ

แต่ในขณะที่ การตอบสนองของรัฐ ดูเหมือนจะอยู่ห่างไกลจากทุกมุมมองของชีวิตผู้คน คนที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือก่อนมักได้รับคำขอบคุณ แม้เบื้องหลังจะไม่สะอาดนักก็ตาม

เมื่อ “ความดี” ถูกใช้เป็นกลยุทธ์ “ความน่าเชื่อถือ” จึงไม่ใช่สิ่งที่ต้องสะสมด้วยเวลา หากแต่มาจาก ภาพลักษณ์ที่ถูกออกแบบอย่างชาญฉลาด

บางคนกลายเป็น “ศานติ” ในโลกโซเชียล การกล่าวคำสอนเหมือนนักบวช ชี้นิ้วแนะนำสังคม พูดด้วยน้ำเสียงของความสงบ แต่ไม่เคยแตะต้องโครงสร้างใด ๆ ที่ทำให้ประชาชนต้อง หิว เจ็บ จน ซ้ำซาก

นี่คือสภาพที่ “อำนาจใหม่” กำลังก่อรูปโดยไม่ต้องผ่านรัฐ ไม่ต้องผ่านประชาธิปไตย และไม่ต้องขออนุญาตใคร แค่มี มือถือ กล้อง และใจที่จะช่วยไม่ว่าจะเป็นของแท้หรือของปลอม ก็สามารถ สถาปนาความชอบธรรม ได้ทันที

อันตรายก็คือ สังคมไทยเริ่มชินกับการพึ่งพาผู้ที่ไม่มีพันธะกับรัฐ ไม่มีความรับผิดชอบต่อระบบ แต่กลับได้รับ ความศรัทธา เกินกว่าที่รัฐเคยมี

เมื่อถึงจุดหนึ่ง สังคมอาจจะลืมไปเลยว่า “รัฐควรทำ” อะไร เพราะทุกคนหันไปบริจาคให้คนที่ช่วยเร็วกว่ารัฐ หรือ แชร์โพสต์ของคนที่พูดดังกว่านายกรัฐมนตรี

ในระยะยาว สิ่งเหล่านี้อาจดูเหมือนเป็น “พลังบวก” ในยามวิกฤต แต่ความจริงคือ กระบวนการนี้ทำให้ “รัฐอ่อนแอลงเรื่อย ๆ” และ “ความดี” กลายเป็นเรื่องที่ใครก็ได้สามารถผูกขาดความหมายไว้กับตัวเอง

ในที่สุด หากรัฐยังไม่สามารถฟื้นฟูศักยภาพของตัวเอง ประชาชนจะไม่เหลือระบบที่สามารถพึ่งพาได้อีกต่อไป สังคมจะเข้าสู่ความไร้ระเบียบ ที่ทุกคนต่างพึ่งพาผู้นำที่มี ความสนใจเฉพาะตัว มากกว่าผู้นำที่มีความรับผิดชอบต่อประเทศชาติ

ไม่ช้าก็เร็ว เมื่อวิกฤตครั้งถัดไป เราอาจพบว่าชีวิตของเราถูกกำหนดโดย “นักบุญ” ที่เราได้มอบความเชื่อมั่นโดยไม่ตั้งคำถาม ในขณะที่รัฐกลับกลายเป็นเงาที่ห่างไกลจากความเป็นจริง.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

หาดใหญ่-สแกมเมอร์ทำรบ.'แต้มหล่น' 'อนุทิน'เปิดหน้าชนกู้เรตติ้ง

โดนล่อเป้าในจังหวะที่รัฐบาลกำลังอยู่ในสภาพอ่อนแอจากกรณีมหาอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ โดยเฉพาะที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา สำหรับการปล่อยภาพที่มีนายอนุทิน ชาญวีรกูล

รัฐบาลโอนเยียวยาน้ำท่วมใต้ครั้งที่ 6 'สงขลา-ตรัง' 40,935 ครัวเรือน กว่า 300 ล้านบาท

โฆษกเผยการเยียวยาช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝน ปี 2568 แบบเหมาจ่ายในอัตราครัวเรือนละ 9,000 บาท ใน 4 รูปแบบ

รบ.ชวนภาคธุรกิจ ใช้สิทธิจัดประชุมสัมมนาเมืองรอง ลดภาษี 2 เท่า หนุน ศก.ภูมิภาค

รัฐบาลชวนภาคธุรกิจใช้สิทธิ ‘จัดประชุม–สัมมนาเมืองรอง ลดภาษี 2 เท่า’ หนุนเศรษฐกิจภูมิภาค หมดเขต 15 ธ.ค.นี้

สมาคมสถาบันการเงิน ผนึกกำลังแบงก์รัฐ ผุด 3 โครงการฟื้นฟูผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้

สมาคมสถาบันการเงินของรัฐ ขานรับนโยบายรัฐบาล ผนึกกำลังแบงก์รัฐประกาศช่วยผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้ ผุด 3 โครงการช่วยเหลือ เยียวยา และฟื้นฟู

ส้มขีดเส้นโหวตก่อนปีใหม่!

'อนุทิน' สวนเพื่อไทย ถ้าทำงานห่วย คนตั้งก็แย่สิ ยุครัฐบาล 'อิ๊งค์ - เศรษฐา' ผลโพลชี้ชัดนั่งแท่นอันดับ 2 ทิ้งห่าง พท. หัวเราะให้คะแนนตัวเอง 'เดี๋ยวจะหาว่าคุย'