แอนโทนี เฟาซี ที่ปรึกษาโควิด-19 ของโจ ไบเดน เตรียมลงจากตำแหน่งธันวาคมนี้

ดร.แอนโทนี เฟาซี ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อระดับแนวหน้าของสหรัฐฯ และหัวหน้าทีมที่ปรึกษาด้านสาธารณสุขของประธานาธิบดี โจ ไบเดน ประกาศก้าวลงจากตำแหน่งในเดือนธันวาคม

แฟ้มภาพ ดร.แอนโทนี เฟาซี ผู้อำนวยการสถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อแห่งชาติ และหัวหน้าที่ปรึกษาทางการแพทย์ของประธานาธิบดี โจ ไบเดน (Photo by MANDEL NGAN / AFP)

เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันอังคารที่ 23 สิงหาคม 2565 กล่าวว่า ดร.แอนโทนี เฟาซี กล่าวในแถลงการณ์เมื่อวันจันทร์ ถึงการลาออกจากตำแหน่ง ทั้งในฐานะผู้อำนวยการสถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อแห่งชาติ (NIAID) และหัวหน้าทีมที่ปรึกษาทางการแพทย์ของประธานาธิบดีโจ ไบเดน

เฟาซี วัย 81 ปี ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการต่อสู้กับโรคโควิด-19 ของสหรัฐอเมริกา กล่าวยืนยันว่า เขายังไม่เกษียณ แต่จะลาออกไปทำงานด้านอื่นอย่างที่เคยวางแผนไว้ โดยก่อนหน้านี้เขาตั้งใจว่าจะลาออกจากตำแหน่งดังกล่าวหลังหมดวาระของประธานาธิบดีไบเดน แต่เปลี่ยนใจจะลาออกในเดือนธันวาคมของปีนี้แทน

เฟาซีทำงานรับใช้ประเทศของเขามาอย่างยาวนานในด้านการตอบสนองต่อการระบาดของโรคติดเชื้อตั้งแต่ช่วงปี 2523 ซึ่งต้องเผชิญทั้งเอชไอวี (เอดส์) ไปจนถึงโควิด-19 และดำรงตำแหน่งดังกล่าวภายใต้วาระของประธานาธิบดีถึง 7 คนเลยทีเดียว

ช่วงที่โรคโควิดแพร่ระบาดไปทั่วโลกในปี 2563 เฟาซีทำหน้าที่เป็นผู้ให้ข้อมูลที่น่าเชื่อถือ และสร้างความอุ่นใจให้กับสาธารณชนด้วยท่าทางที่สงบในแบบครูบาอาจารย์ทุกครั้งที่ออกสื่อ

แต่การที่เขาออกมายอมรับว่าการรับมือกับโรคระบาดดังกล่าวของสหรัฐฯ ประสบความล้มเหลวในช่วงเริ่มต้น เป็นเหตุให้เฟาซีขัดแย้งกับอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จนถึงขั้นเป็นที่เกลียดชังจากฝ่ายที่สนับสนุนทรัมป์ และนั่นทำให้ตัวเขาและครอบครัว ต้องใช้ชีวิตอยู่ในการอารักขาของหน่วยรักษาความปลอดภัยเนื่องจากถูกขู่ฆ่า

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่ได้ทราบถึงความตั้งใจจะลาออกของเฟาซี ได้ออกมากล่าวขอบคุณเขาอย่างสุดซึ้งในแถลงการณ์ที่ทำเนียบขาว

"ดร.เฟาซี สร้างคุณูปการมากมายด้านสาธารณสุข ไม่เพียงแก่สหรัฐอเมริกา แต่หมายรวมถึงทั่วโลกด้วยเช่นกัน" โจ ไบเดนกล่าว พร้อมเสริมว่า สหรัฐอเมริกาแข็งแกร่งขึ้น, ยืดหยุ่นมากขึ้น และประชาชนมีสุขภาพดีขึ้นเพราะความทุ่มเทของเฟาซี.

เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันอังคารที่ 23 สิงหาคม 2565 กล่าวว่า ดร.แอนโทนี เฟาซี กล่าวในแถลงการณ์เมื่อวันจันทร์ ถึงการลาออกจากตำแหน่ง ทั้งในฐานะผู้อำนวยการสถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อแห่งชาติ (NIAID) และหัวหน้าทีมที่ปรึกษาทางการแพทย์ของประธานาธิบดีโจ ไบเดน

เฟาซี วัย 81 ปี ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการต่อสู้กับโรคโควิด-19 ของสหรัฐอเมริกา กล่าวยืนยันว่า เขายังไม่เกษียณ แต่จะลาออกไปทำงานด้านอื่นอย่างที่เคยวางแผนไว้ โดยก่อนหน้านี้เขาตั้งใจว่าจะลาออกจากตำแหน่งดังกล่าวหลังหมดวาระของประธานาธิบดีไบเดน แต่เปลี่ยนใจจะลาออกในเดือนธันวาคมของปีนี้แทน

เฟาซีทำงานรับใช้ประเทศของเขามาอย่างยาวนานในด้านการตอบสนองต่อการระบาดของโรคติดเชื้อตั้งแต่ช่วงปี 2523 ซึ่งต้องเผชิญทั้งเอชไอวี (เอดส์) ไปจนถึงโควิด-19 และดำรงตำแหน่งดังกล่าวภายใต้วาระของประธานาธิบดีถึง 7 คนเลยทีเดียว

ช่วงที่โรคโควิดแพร่ระบาดไปทั่วโลกในปี 2563 เฟาซีทำหน้าที่เป็นผู้ให้ข้อมูลที่น่าเชื่อถือ และสร้างความอุ่นใจให้กับสาธารณชนด้วยท่าทางที่สงบในแบบครูบาอาจารย์ทุกครั้งที่ออกสื่อ

แต่การที่เขาออกมายอมรับว่าการรับมือกับโรคระบาดดังกล่าวของสหรัฐฯ ประสบความล้มเหลวในช่วงเริ่มต้น เป็นเหตุให้เฟาซีขัดแย้งกับอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จนถึงขั้นเป็นที่เกลียดชังจากฝ่ายที่สนับสนุนทรัมป์ และนั่นทำให้ตัวเขาและครอบครัว ต้องใช้ชีวิตอยู่ในการอารักขาของหน่วยรักษาความปลอดภัยเนื่องจากถูกขู่ฆ่า

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่ได้ทราบถึงความตั้งใจจะลาออกของเฟาซี ได้ออกมากล่าวขอบคุณเขาอย่างสุดซึ้งในแถลงการณ์ที่ทำเนียบขาว

"ดร.เฟาซี สร้างคุณูปการมากมายด้านสาธารณสุข ไม่เพียงแก่สหรัฐอเมริกา แต่หมายรวมถึงทั่วโลกด้วยเช่นกัน" โจ ไบเดนกล่าว พร้อมเสริมว่า สหรัฐอเมริกาแข็งแกร่งขึ้น, ยืดหยุ่นมากขึ้น และประชาชนมีสุขภาพดีขึ้นเพราะความทุ่มเทของเฟาซี.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อีกมุมของ 'โจ ไบเดน' เมื่อพูดถึงความคิดอยากฆ่าตัวตาย และสิ่งที่หยุดเขาไว้

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ต้องประสบกับโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ถึงสองครั้งในชีวิตอันยาวนานของเขา หนึ่งในนั้นทำให้เขาเกือบฆ่าตั