องค์การอนามัยโลกออกคำเตือนห้ามใช้ยาแก้ไอ 2 ชนิดของอินเดีย ซึ่งเป็นสาเหตุให้เด็กเสียชีวิตในอุซเบกิสถานและแกมเบีย

ทางเข้าสำนักงานของบริษัทมาริออน ไบโอเทค ในประเทศอินเดีย ซึ่งผลิตยาแก้ไอชนิดน้ำที่มีความเชื่อมโยงกับการเสียชีวิตของเด็ก 20 รายในประเทศอุซเบกิสถาน (Photo by AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 12 มกราคม 2566 กล่าวว่า องค์การอนามัยโลก (WHO) แถลงยืนยันเกี่ยวกับมาตรฐานของยาแก้ไอที่ผลิตโดยบริษัทมาริออน ไบโอเทค (Marion Biotech) ของอินเดีย ว่ามีคุณสมบัติต่ำกว่ามาตรฐาน และผู้ผลิตไม่สามารถรับประกันความปลอดภัยและคุณภาพได้
การออกมาแถลงเมื่อวันพุธ มีขึ้นหลังจากทางการอุซเบกิสถานกล่าวเมื่อเดือนที่แล้วว่า มีเด็กอย่างน้อย 20 ราย เสียชีวิตหลังจากบริโภคยาแก้ไอชนิดน้ำที่บริษัทดังกล่าวผลิตขึ้นภายใต้ชื่อแบรนด์ Doc-1 Max ซึ่งในเวลาต่อมา กระทรวงสาธารณสุขของอินเดียได้ระงับการผลิตของบริษัทดังกล่าว และอุซเบกิสถานออกคำสั่งห้ามนำเข้าและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ Doc-1 Max
องค์การอนามัยโลกออกมายืนยันผลการวิเคราะห์ตัวอย่างยาแก้ไอโดยห้องปฏิบัติการควบคุมคุณภาพของอุซเบกิสถาน กล่าวว่า "พบปริมาณไดเอทิลีน ไกลคอล และ/หรือเอทิลีน ไกลคอล ซึ่งเป็นสารปนเปื้อนในปริมาณที่ยอมรับไม่ได้"
หากมนุษย์บริโภคไดเอทิลีนและเอทิลีน ไกลคอลเข้าไป อาจเป็นพิษต่อร่างกาย และอันตรายถึงแก่ชีวิตได้
มาริออน ไบโอเทค เป็นผู้ผลิตยารายที่ 2 ของอินเดียที่เผชิญการสอบสวนโดยองค์การอนามัยโลก
ก่อนหน้านี้ในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา บริษัทเมเดน ฟาร์มาซูติคัลส์ (Maiden Pharmaceuticals) ที่มีสำนักงานอยู่ในกรุงนิวเดลี ถูกกล่าวหาว่าผลิตยาแก้ไอชนิดน้ำที่เป็นสาเหตุให้เด็กเสียชีวิตอย่างน้อย 66 รายในประเทศแกมเบีย โดยเด็กผู้เคราะห์ร้ายส่วนใหญ่อายุระหว่าง 5 เดือนถึง 4 ขวบ และเสียชีวิตด้วยภาวะไตวายเฉียบพลัน
กระทรวงสาธารณสุขอินเดียทำการสอบสวนบริษัทเมเดน ฟาร์มาซูติคัลส์ในทันที แต่ภายหลังผลสอบสวนพบว่า ยาแก้ไอชนิดน้ำที่ถูกกล่าวหา ได้รับการผลิตด้วยความปลอดภัยตามมาตรฐานคุณภาพ
อย่างไรก็ดี แถลงการณ์ล่าสุดขององค์การอนามัยโลก ระบุว่า "ผลิตภัณฑ์ยาแก้ไอชนิดน้ำทั้งสองนี้อาจได้รับการอนุญาตทางการตลาดของประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาค นอกจากนี้ยังอาจถูกแจกจ่ายทางช่องทางผิดกฏหมายไปยังประเทศหรือภูมิภาคอื่น ๆ อีกด้วย ซึ่งองค์การอนามัยโลกขอย้ำว่า ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ไม่ปลอดภัยและการใช้กับเด็กอาจส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บสาหัสหรือเสียชีวิตได้".
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 12 มกราคม 2566 กล่าวว่า องค์การอนามัยโลก (WHO) แถลงยืนยันเกี่ยวกับมาตรฐานของยาแก้ไอที่ผลิตโดยบริษัทมาริออน ไบโอเทค (Marion Biotech) ของอินเดีย ว่ามีคุณสมบัติต่ำกว่ามาตรฐาน และผู้ผลิตไม่สามารถรับประกันความปลอดภัยและคุณภาพได้
การออกมาแถลงเมื่อวันพุธ มีขึ้นหลังจากทางการอุซเบกิสถานกล่าวเมื่อเดือนที่แล้วว่า มีเด็กอย่างน้อย 20 ราย เสียชีวิตหลังจากบริโภคยาแก้ไอชนิดน้ำที่บริษัทดังกล่าวผลิตขึ้นภายใต้ชื่อแบรนด์ Doc-1 Max ซึ่งในเวลาต่อมา กระทรวงสาธารณสุขของอินเดียได้ระงับการผลิตของบริษัทดังกล่าว และอุซเบกิสถานออกคำสั่งห้ามนำเข้าและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ Doc-1 Max
องค์การอนามัยโลกออกมายืนยันผลการวิเคราะห์ตัวอย่างยาแก้ไอโดยห้องปฏิบัติการควบคุมคุณภาพของอุซเบกิสถาน กล่าวว่า "พบปริมาณไดเอทิลีน ไกลคอล และ/หรือเอทิลีน ไกลคอล ซึ่งเป็นสารปนเปื้อนในปริมาณที่ยอมรับไม่ได้"
หากมนุษย์บริโภคไดเอทิลีนและเอทิลีน ไกลคอลเข้าไป อาจเป็นพิษต่อร่างกาย และอันตรายถึงแก่ชีวิตได้
มาริออน ไบโอเทค เป็นผู้ผลิตยารายที่ 2 ของอินเดียที่เผชิญการสอบสวนโดยองค์การอนามัยโลก
ก่อนหน้านี้ในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา บริษัทเมเดน ฟาร์มาซูติคัลส์ (Maiden Pharmaceuticals) ที่มีสำนักงานอยู่ในกรุงนิวเดลี ถูกกล่าวหาว่าผลิตยาแก้ไอชนิดน้ำที่เป็นสาเหตุให้เด็กเสียชีวิตอย่างน้อย 66 รายในประเทศแกมเบีย โดยเด็กผู้เคราะห์ร้ายส่วนใหญ่อายุระหว่าง 5 เดือนถึง 4 ขวบ และเสียชีวิตด้วยภาวะไตวายเฉียบพลัน
กระทรวงสาธารณสุขอินเดียทำการสอบสวนบริษัทเมเดน ฟาร์มาซูติคัลส์ในทันที แต่ภายหลังผลสอบสวนพบว่า ยาแก้ไอชนิดน้ำที่ถูกกล่าวหา ได้รับการผลิตด้วยความปลอดภัยตามมาตรฐานคุณภาพ
อย่างไรก็ดี แถลงการณ์ล่าสุดขององค์การอนามัยโลก ระบุว่า "ผลิตภัณฑ์ยาแก้ไอชนิดน้ำทั้งสองนี้อาจได้รับการอนุญาตทางการตลาดของประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาค นอกจากนี้ยังอาจถูกแจกจ่ายทางช่องทางผิดกฏหมายไปยังประเทศหรือภูมิภาคอื่น ๆ อีกด้วย ซึ่งองค์การอนามัยโลกขอย้ำว่า ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ไม่ปลอดภัยและการใช้กับเด็กอาจส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บสาหัสหรือเสียชีวิตได้".
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
พัทยาอ่วม! ฝุ่นพิษปกคลุมทั้งเมืองดัชนีเกินมาตรฐานเกือบ 18 เท่า
พัทยา 'ขาวโพลนทั้งเมือง' AQI พุ่ง 174 ฝุ่น PM2.5 ทะลุแดง เตือนอันตรายเสี่ยงสุขภาพ
'หมอธีระวัฒน์' แฉข้อมูล องค์การอนามัยโลก พบว่าจำนวนผู้เสียชีวิตจากโควิด กลับเพิ่มมากขึ้นหลังจากการฉีดวัคซีน
ศ. นพ. ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ศูนย์ความเป็นเลิศ ด้านการแพทย์บูรณาการและสาธารณสุข และ ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก
ระวังอันตรายจากวัณโรคปี 67 เสียชีวิตกว่า 1.3 หมื่นราย
รบ.เตือนระวังอันตรายจากวัณโรค ปี 2567 พบผู้ป่วยรายใหม่พุ่งสูงกว่า 113,000 ราย เสียชีวิตกว่า 13,000 ราย รัฐบาลตั้งเป้าลดอัตราการตายจากวัณโรคลง 95% และลดผู้ป่วยรายใหม่ลงให้ได้ถึง 90%


