หน่วยงานคลังสมองอินเตอร์เนชันแนลไอดีอีเอจากสวีเดนเผยรายงาน "สถานะประชาธิปไตยโลก" ประจำปี 2564 เมื่อวันจันทร์ จัดให้สหรัฐอเมริกาอยู่ในกลุ่มประเทศที่ประชาธิปไตย "เสื่อมถอย" เป็นครั้งแรก ด้วยอานิสงส์จาก "โดนัลด์ ทรัมป์" ที่ไม่ยอมรับผลการเลือกตั้ง

เอเอฟพีรายงานเมื่อวันจันทร์ที่ 22 พฤศจิกายน 2564 ว่าสถาบันระหว่างประเทศเพื่อประชาธิปไตยและความช่วยเหลือด้านการเลือกตั้ง (อินเตอร์เนชันแนลไอดีอีเอ) จากกรุงสตอกโฮล์ม เผยแพร่รายงาน "สถานะประชาธิปไตยโลก 2564" ที่มาจากการสำรวจตัวบ่งชี้ทางประชาธิปไตยใน 160 ประเทศทั่วโลก โดยจัดแบ่งเป็น 3 ประเภท ได้แก่ ประเทศที่เป็นประชาธิปไตย (รวมถึงประเทศที่ประชาธิปไตยเสื่อมถอย), ประเทศที่มีรัฐบาลแบบลูกผสม และระบอบอำนาจนิยม
รายงานฉบับนี้กล่าวว่า ปัจจุบันประชาชนทั่วโลกเกิน 1 ใน 4 มีชีวิตอยู่ในระบอบประชาธิปไตยที่กำลังเสื่อมถอย โดยสัดส่วนจะเพิ่มเป็นมากกว่า 2 ใน 3 เมื่อรวมกับระบอบอำนาจนิยมหรือระบอบลูกผสม และปีนี้ยังเป็นครั้งแรกที่สหรัฐอเมริกาถูกจัดให้เป็นประเทศประชาธิปไตยเสื่อมถอย แม้รายงานจะระบุว่า ข้อมูลของสถาบันบ่งชี้ว่า ภาวะเสื่อมถอยในสหรัฐนั้นเริ่มมาตั้งแต่ปี 2559 เป็นอย่างน้อย
อเล็กซานเดอร์ ฮัดสัน ผู้ร่วมเขียนรายงาน กล่าวกับเอเอฟพีว่า สหรัฐเป็นประเทศประชาธิปไตยประสิทธิภาพสูง ทั้งยังปรับปรุงประสิทธิภาพในตัวบ่งชี้ของการบริหารที่เป็นกลาง (การคอร์รัปชันและการบังคับใช้ที่คาดการณ์ได้) ในปี 2563 ทว่าความถดถอยในเสรีภาพพลเรือนและการตรวจสอบรัฐบาลบ่งชี้ว่ามีปัญหาร้ายแรงกับรากฐานของประชาธิปไตย
"จุดเปลี่ยนครั้งประวัติศาสตร์เกิดในปี 2563-2564 เมื่ออดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ตั้งคำถามถึงความชอบด้วยกฎหมายของผลการเลือกตั้งในสหรัฐเมื่อปี 2563" รายงานกล่าว
ยิ่งกว่านั้น ฮัดสันชี้ถึง "ความถดถอยในคุณภาพของเสรีภาพในการรวมตัวและการชุมนุมระหว่างการประท้วงเมื่อฤดูร้อนปี 2563" ภายหลังเหตุการณ์ที่ตำรวจทำให้จอร์จ ฟลอยด์ ชายผิวสี เสียชีวิต
ในภาพรวม รายงานกล่าวว่า จำนวนประเทศประชาธิปไตยเสื่อมถอยเพิ่มขึ้นเท่าตัวในทศวรรษที่ผ่านมา โดยตอนนี้เท่ากับ 1 ใน 4 ของประชากรโลก นอกเหนือจากประชาธิปไตยเก่าแก่อย่างสหรัฐแล้ว รายชื่อในกลุ่มนี้ยังรวมถึงประเทศในสหภาพยุโรป (อียู) อย่างฮังการี, โปแลนด์ และสโลวีเนีย
ยูเครนและนอร์ทมาซิโดเนียเคยอยู่กลุ่มนี้เมื่อปีที่ผ่านมา แต่ปีนี้ถูกถอดออกเพราะสถานการณ์ดีขึ้น ส่วนมาลีและเซอร์เบียไม่อยู่ในกลุ่มนี้ เพราะไม่ถือว่าเป็นประเทศประชาธิปไตยอีกต่อไปแล้ว
ปี 2563 ที่ผ่านมา เป็นปีที่ 5 ติดต่อกัน ที่ประเทศที่หันเหไปสู่ระบอบอำนาจนิยมมีมากกว่าประเทศที่เข้าสู่ระบอบประชาธิปไตย และอินเตอร์เนชันแนลไอดีอีเอคาดการณ์ว่าแนวโน้มนี้จะยังคงต่อเนื่องถึงปี 2564
การประเมินชั่วคราวของสถาบันนี้สำหรับปี 2564 ทั่วโลกมีประเทศประชาธิปไตย 98 ประเทศ ต่ำที่สุดในรอบหลายปี และมีรัฐบาล "ลูกผสม" 20 ประเทศ ซึ่งรวมถึงรัสเซีย, โมร็อกโก, ตุรกี ส่วนประเทศที่อยู่ใต้ระบอบอำนาจนิยมนั้นมี 47 ประเทศ อาทิ จีน, ซาอุดีอาระเบีย, อิหร่าน, เกาหลีเหนือ, เมียนมา และไทย.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ขำไม่ออก! อดีต รมว.กต. โวรัฐบาลอิ๊งค์เจรจาสหรัฐ-จีน กดดันกัมพูชาเคารพข้อตกลงสันติภาพได้สำเร็จ
"มาริษ" แนะดึงจีนร่วมกดดันกัมพูชาให้เคารพข้อตกลง-รักษาสมดุลมหาอำนาจ-สื่อสารสหรัฐฯ โดยตรงไม่ผ่านคนกลาง
ลั่นไทยไม่ใช่นักเรียนประถม! จวกสหรัฐทำตัวเป็นครูใหญ่ถือไม้เรียวขู่
จวกสหรัฐอเมริกาใช้กำแพงภาษีขู่ไทยเหมือนครูใหญ่คุมเด็กประถม พร้อมชี้ไทยไม่ใช่สนามเด็กเล่นของวอชิงตัน และอธิปไตยไม่ใช่ของแลกผลประโยชน์ทางภูมิรัฐศาสตร์กับใครทั้งนั้น
ดร.กิตติธัช มองระงับเจรจาการค้าไทย-สหรัฐฯ แค่แสดงอำนาจสไตล์อเมริกา ไม่เกี่ยวปมเขมร
นักวิชาการ มองในเชิงการเมืองระหว่างประเทศจะเห็นได้ชัดว่า สหรัฐฯ จงใจเลือกเล่น "เกมแสดงอำนาจ" ให้เห็นในช่วงเวลาที่ไทยกำลังกระชับสัมพันธ์การทูต
นักวิชาการแนะนายกฯ ตั้งคณะทำงานรับมือ MOUแร่แรร์เอิร์ธ
'นักวิชาการสิ่งแวดล้อม' แนะนายกฯ ตั้งคณะทำงานศึกษา-รับมือ เอ็มโอยูสหรัฐรุกไทยแร่หายาก ค้านตั้งเหมือง เต็มที่แค่ตั้งโรงงานสกัด เหตุเสี่ยงเจอมลพิษ สารปนเปื้อน กัมมันตภาพรังสี
'ศรีญาดา' ชี้ MOU แรร์เอิร์ธเข้าข่ายหนังสือสัญญา!
'ศรีญาดา'จี้ 'นายกฯ หนู' ชี้แจง MOU แรร์เอิร์ธ เข้าข่ายหนังสือสัญญา ต้องให้สภาฯ พิจารณา เหตุกังวลข้อตกลงสำรวจ เสี่ยงกระทบความมั่นคง


