ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์เรียกทูตจีนชี้แจงกรณีเรือจีนยิงเลเซอร์ใส่

ประธานาธิบดีของฟิลิปปินส์เรียกเอกอัครราชทูตจีนเข้าพบด่วน เพื่อขอคำชี้แจงกรณีเรือตรวจการณ์ของจีนลำหนึ่งส่องแสงเลเซอร์เกรดทหารไปยังเรือตรวจการณ์ของฟิลิปปินส์ในพื้นที่พิพาทบริเวณทะเลจีนใต้

ประธานาธิบดีเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ ของฟิลิปปินส์ (ขวา) พูดคุยกับหวง ซีเหลียน เอกอัครราชทูตจีนประจำฟิลิปปินส์ (ซ้าย) ในกรณีพิพาททางทะเลล่าสุดของสองชาติ ที่เรือตรวจการณ์ของจีนส่องแสงเลเซอร์เกรดทหารไปยังเรือตรวจการณ์ของฟิลิปปินส์ในทะเลจีนใต้ ที่ทำเนียบประธานาธิบดีในกรุงมะนิลา เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ (Photo by Handout / Presidential Communications Office / AFP)

เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันอังคารที่ 14 กุมภาพันธ์ 2566 กล่าวว่า สืบเนื่องจากกรณีหน่วยยามฝั่งฟิลิปปินส์อ้างว่าพบเรือตรวจการณ์ของจีนลำหนึ่งส่องแสงเลเซอร์เกรดทหารไปยังเรือตรวจการณ์ของฟิลิปปินส์ในทะเลจีนใต้ และถูกเปิดเผยออกมาเมื่อวันจันทร์

เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ บริเวณ 20 กิโลเมตรห่างจากสันดอนเซ็กคันด์โทมัสโชลในหมู่เกาะสแปรตลี ซึ่งมีนาวิกโยธินฟิลิปปินส์ประจำการอยู่

ก่อนหน้านี้ กระทรวงการต่างประเทศของฟิลิปปินส์ได้ยื่นประท้วงต่อสถานทูตจีนเพื่อประณามการกระทำที่ก้าวร้าวของเรือตรวจการณ์จีน ที่ทำให้ลูกเรือชาวฟิลิปปินส์สูญเสียการมองเห็นไปชั่วขณะ

ขณะที่ หวัง เหวินปิน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีน ออกมาโต้เมื่อวันอังคารว่า เจ้าหน้าที่หน่วยตรวจการณ์ของจีนปฏิบัติงานด้วยความเป็นมืออาชีพและพิจารณาอย่างถี่ถ้วนในทุกการกระทำ พร้อมเสริมว่า ทั้งสองประเทศได้พูดคุยกันทางโทรศัพท์ในประเด็นดังกล่าวแล้ว

จนล่าสุด ประธานาธิบดีเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ ของฟิลิปปินส์ ดำเนินการทางการทูตขั้นสูงด้วยการเชิญหวง ซีเหลียน เอกอัครราชทูตจีนประจำฟิลิปปินส์ มาเข้าพบเพื่อชี้แจงเหตุดังกล่าวด้วยตัวเอง และใช้โอกาสนี้พูดคุยเกี่ยวกับเหตุกระทบกระทั่งทางทะเลที่เกิดขึ้นหลายครั้งระหว่างสองชาติที่ต่างก็อ้างอธิปไตยในะเลจีนใต้

สถานเอกอัครราชทูตจีนออกมาเปิดเผยว่า ในการพูดคุยดังกล่าว ทั้ง 2 ฝ่ายได้หารือเกี่ยวกับวิธีการจัดการความแตกต่างทางทะเลระหว่างจีนและฟิลิปปินส์อย่างเหมาะสม

ทั้งนี้ จากการพบกันของสองผู้นำที่ปักกิ่งเมื่อเดือนที่แล้ว เฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ และสีจิ้นผิง เห็นพ้องร่วมกันที่จะใช้วิธีการจัดการความแตกต่างทางทะเลผ่านการทูตและการเจรจา โดยไม่ใช้กำลังและการข่มขู่.