สหภาพยุโรปขยับเข้าใกล้การเปิดตัวสกุลเงินยูโรดิจิทัล

สหภาพยุโรปขยับเข้าใกล้ก้าวแรกในการเปิดตัวสกุลเงินยูโรแบบดิจิทัล ซึ่งเป็นโครงการที่เป็นข้อถกเถียงและถูกตั้งคำถามมาตลอดโดยนักการเมืองและนักธนาคาร

สำนักงานใหญ่ธนาคารกลางยุโรป (The European Central Bank - ECB) ในนครแฟรงก์เฟิร์ต ประเทศเยอรมนี (Photo by Daniel ROLAND / AFP)

เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันพุธที่ 28 มิถุนายน 2566 กล่าวว่า ธนาคารกลางมากกว่า 100 แห่งทั่วโลกกำลังสำรวจหรือเตรียมพร้อมวางระบบสำหรับรองรับสกุลเงินดิจิทัล ในการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ที่เติบโตขึ้นในยุคปัจจุบันและอนาคต

ความเคลื่อนไหวเพื่อสร้างระบบเงินตราสกุลเดียวแบบดิจิทัล เริ่มขึ้นในปี 2563 เมื่อคริสติน ลาการ์ด ประธานธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) เสนอแนวคิดนี้ และหน่วยงานในแฟรงก์เฟิร์ตของเธอได้เปิดตัวเป็นโครงการเพื่อสำรวจความคิดเห็นสาธารณะ จนมีความคืบหน้าถึงปัจจุบัน

คณะกรรมาธิการยุโรป ซึ่งเป็นฝ่ายบริหารของสหภาพยุโรป ได้เผยแพร่รายละเอียดแนวคิดดังกล่าวในวันพุธ ซึ่งจะเป็นพื้นฐานทางกฎหมายที่ธนาคารกลางยุโรปสามารถใช้เปิดตัวสกุลเงินยูโรดิจิทัลได้

สกุลเงินนี้จะใช้ได้กับบุคคลที่อาศัยอยู่ในเขตยูโรโซน รวมทั้งผู้เดินทางในเขตดังกล่าว โดยจะทำหน้าที่เป็นตัวเลือกการชำระเงินสำหรับบุคคลในการทำธุรกรรมออนไลน์และออฟไลน์ด้วยกระเป๋าเงินดิจิทัลของตัวเอง แบบไม่ระบุความเป็นสกุลเงินใดสกุลหนึ่ง

ทั้งนี้ กระบวนการทางกฎหมายในขั้นตอนสุดท้ายจะต้องได้รับการสนับสนุนจาก 27 ประเทศสมาชิกของสหภาพยุโรปและรัฐสภายุโรป

ผู้ที่ชื่นชอบแนวคิดการใช้เงินยูโรดิจิทัลกล่าวว่า สกุลเงินนี้จะช่วยส่งเสริมกระแสการใช้จ่าย และปิดกั้นสกุลเงินดิจิทัลที่มีความปลอดภัยต่ำของภาคเอกชนไม่ให้เป็นที่นิยมในตลาด โดยเงินยูโรดิจิทัลนั้นมีความปลอดภัยสูงเพราะมีสหภาพยุโรปและธนาคารกลางยุโรปคอยกำกับดูแล

"เนื่องจากเงินยูโรเป็นสกุลเงินที่มีการซื้อขายมากเป็นอันดับ 2 ของโลกอยู่แล้ว จึงมีโอกาสสูงที่จะรองรับตลาดเพิ่มเติมในอนาคตด้วยสกุลเงินดิจิทัล" วัลดิส โดมโบรฟสกิส รองประธานคณะกรรมาธิการยุโรปด้านการค้า กล่าวกับผู้สื่อข่าว

นักวิจารณ์ตั้งคำถามถึงความจำเป็นของเงินยูโรดิจิทัล และนักธนาคารเตือนถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ ในขณะที่การศึกษาของธนาคารกลางยุโรปเองพบว่าประชาชนมีความกังวลเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวในการชำระเงิน

"ธนาคารกลางยุโรปและคณะกรรมาธิการยุโรปยังไม่ได้แสดงให้เห็นแนวคิดที่ชัดเจนว่าเหตุใดเราจึงต้องการเงินยูโรดิจิทัล รวมถึงมูลค่าเพิ่มที่ผู้ใช้จะได้รับจากการใช้เงินสุกลดังกล่าว" มาร์คัส เฟเบอร์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเยอรมนีแสดงความเห็น

ข้อเสนอของคณะกรรมาธิการยุโรประบุว่า "ผลประโยชน์ระยะยาวของเงินยูโรดิจิทัล มีมากกว่าต้นทุน" และเตือนว่า "การไม่ดำเนินการใดๆเลย อาจทำให้สูญเสียมากกว่า"

คริสติน ลาการ์ด กล่าวเมื่อเดือนมีนาคมว่า สกุลเงินดิจิทัลมีความสำคัญต่อความยืดหยุ่นและช่วยปกป้องความเป็นอิสระในการชำระเงินของยุโรป พร้อมเสริมว่า การพึ่งพาแหล่งชำระเงินเพียงแหล่งเดียว ไม่เป็นผลดี

ปัจจุบัน Visa และ Mastercard ยักษ์ใหญ่ของสหรัฐอเมริกา ครองตลาดการชำระเงินด้วยบัตรอิเล็กทรอนิกส์ทั่วโลก

อย่างไรก็ตาม ธนาคารต่างๆ ได้เตือนถึงความเสี่ยงที่อาจส่งผลต่อการดำเนินธุรกิจของธนาคาร เนื่องจากลูกค้าสามารถถือทั้งเงินของตนไว้ในบัญชียูโรดิจิทัลและในกระเป๋าเงินส่วนตัว ซึ่งจะทำให้กระแสเงินเหล่านั้นออกจากงบดุลของธนาคาร

"เพื่อป้องกันธนาคารจากความเสี่ยงของกระแสเงินฝากที่อาจหายไปและเพื่อจำกัดผลกระทบเชิงลบต่อความสามารถของธนาคารในการจัดหาเงินทุนให้กับเศรษฐกิจ สิ่งสำคัญคือต้องกำหนดขอบเขตที่เหมาะสมและมั่นคงในการถือครองและทำธุรกรรม" สมาพันธ์ธนาคารยุโรปกล่าวเมื่อวันพุธ

ข้อเสนอระบุว่า จะมีการจำกัดจำนวนเงินที่ผู้คนสามารถเก็บไว้ในสกุลเงินยูโรดิจิทัล โดยเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางยุโรปได้เสนอเพดานสูงสุดที่คนละไม่เกิน 3,000 ยูโร (ประมาณ 117,000 บาท)

สกุลเงินดิจิทัลจะได้รับสถานะ "เงินตราที่ชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย" ซึ่งหมายความว่าใช้จ่ายได้อย่างถูกกฏหมาย แต่ต้องอยู่ในเงื่อนไขการชำระเงินของผู้รับชำระด้วยเช่นกัน เช่น ธุรกิจขนาดเล็กที่ไม่ยอมรับการชำระเงินดิจิทัลทุกรูปแบบ

ธนาคารกลางยุโรปถูกกำหนดให้ไฟเขียวสกุลเงินดิจิทัลอย่างเป็นทางการในเดือนตุลาคม และคาดว่าจะเริ่มใช้ได้ตั้งแต่ปี 2570 เป็นต้นไป.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ปานปรีย์' ปัดข่าว EU แบนเอกชนไทย หลังสื่อนอกรายงานทำธุรกิจกับรัสเซีย

'ปานปรีย์' ปัดข่าว EU แบน เอกชนไทยหลังสื่อต่างประเทศรายงานอ้างทำธุรกิจกับรัสเซีย ชี้ เป็นเรื่องระหว่างเอกชนไม่เกี่ยวรัฐบาล