หัวหน้าพรรคคอมมิวนิสต์ไต้หวันถูกฟ้องข้อหาแทรกซึมฝักใฝ่จีน

หัวหน้าพรรคคอมมิวนิสต์ในไต้หวันถูกตั้งข้อหากระทำการเป็นตัวแทนจีนแผ่นดินใหญ่และพยายามติดสินบนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง

(Photo by Sam Yeh / AFP)

เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันพุธที่ 4 ตุลาคม 2566 กล่าวว่า อัยการไต้หวันสั่งฟ้องหลิน เท-วัง ประธานพรรคคอมมิวนิสต์ประชาชนไต้หวัน ในข้อหาละเมิดกฎหมายต่อต้านการแทรกซึม

คำฟ้องดังกล่าวมีขึ้นในขณะที่ไต้หวันกำลังเข้าสู่การเลือกตั้งประธานาธิบดีและสมาชิกรัฐสภาในเดือนมกราคม ท่ามกลางความสัมพันธ์ที่ย่ำแย่ลงกับจีนแผ่นดินใหญ่ ซึ่งอ้างว่าเกาะที่ปกครองตนเองแห่งนี้เป็นดินแดนของตน

เจ้าหน้าที่รัฐบาลไต้หวันหลายคนเตือนว่า รัฐบาลปักกิ่งซึ่งเกลียดการบริหารงานของประธานาธิบดี ไช่ อิงเหวิน อาจพยายามแทรกซึมและมีอิทธิพลต่อผลการเลือกตั้งของเกาะแห่งนี้

สำนักงานอัยการเขตไทเปแถลงว่า หลินถูกฟ้องในข้อหารับเงินทุนจากจีนเพื่อลงสมัครรับตำแหน่งสมาชิกสภาเมืองไถหนานในปี 2561

นอกจากนี้ เขายังถูกกล่าวหาว่าสนับสนุนเงินทุนแก่สมาชิกพรรคเพื่อลงสมัครรับเลือกตั้งสภาเมืองอีกครั้งในปี 2565 แม้ว่าเขาจะรับรู้ว่ารัฐบาลปักกิ่งมีเป้าหมายที่จะแทรกซึมการเลือกตั้งของไต้หวัน

"เห็นได้ชัดว่าหลินเป็นตัวแทนของกองกำลังภายนอกที่ไม่เป็นมิตร และยังเป็นแหล่งของการแทรกซึมที่ไม่เป็นไปตามเกณฑ์ของพระราชบัญญัติต่อต้านการแทรกซึม" สำนักงานอัยการฯระบุในแถลงการณ์

อัยการกล่าวว่า หลินได้พบปะกับเจ้าหน้าที่จีน รวมถึงเจ้าหน้าที่จากสำนักงานกิจการไต้หวันของจีนซึ่งดูแลความสัมพันธ์ข้ามช่องแคบ และเชื้อเชิญกลุ่มคนจากจีนให้มาเยือนเกาะแห่งนี้หลายครั้ง

"ในการเลือกตั้งท้องถิ่นปี 2565 หลินพยายามติดสินบนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งด้วยชุดทดสอบโควิดที่เขาได้รับจากประเทศจีน แต่ถูกตรวจพบก่อนที่จะมีการแจกจ่ายจริง" อัยการกล่าว พร้อมเสริมว่าการเคลื่อนไหวนี้ยังละเมิดกฎหมายควบคุมอุปกรณ์ทางการแพทย์อีกด้วย

ทั้งนี้ พรรคการเมืองเล็กๆ ของหลิน ก่อตั้งขึ้นในปี 2560 พร้อมแนวคิดยืนหยัดว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีน

เมื่อปีที่แล้ว สามีภรรยาชาวไต้หวันคู่หนึ่งกลายเป็นกลุ่มแรกที่ถูกตั้งข้อหาภายใต้กฎหมายต่อต้านการแทรกซึม เนื่องจากถูกกล่าวหาว่าติดสินบนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งด้วยชุดทดสอบโควิดของจีนก่อนการเลือกตั้งท้องถิ่น

กฎหมายดังกล่าวซึ่งผลักดันโดยพรรคของประธานาธิบดีไช่ อิงเหวินในปี 2562 กำหนดมิให้กองกำลังต่างชาติที่ "เป็นศัตรู" ทำการรณรงค์, วิ่งเต้น, บริจาคเงินทางการเมือง หรือเผยแพร่ข้อมูลที่บิดเบือนเกี่ยวกับการเลือกตั้งของไต้หวัน.