
สถิติใหม่ไม่น่าจะเป็นที่ถูกใจของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผลสำรวจพบว่า ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 47 เปอร์เซ็นต์ปฏิเสธที่จะเลือกเขาเป็นประธานาธิบดีอีกครั้ง แต่ก็มีสิ่งปลอบใจเล็กๆ ตรงที่ว่า คู่แข่งคนสำคัญของเขาก็มีคะแนนนิยมไม่ดีไปกว่านี้มากนัก
การเลือกตั้งประธานาธิบดีที่กำลังจะมีขึ้นในเดือนพฤศจิกายนปีนี้ ผลการสำรวจความนิยมล่าสุดดูเหมือนจะบ่งชี้ว่าประมุขของสหรัฐอเมริกาคนปัจจุบันยังอยุ่รั้งท้าย จากการสำรวจของสถาบันวิจัยวิทยาลัยเซียนา (SCRI) ซึ่งจัดทำโดย New York Times ระบุว่า โจ ไบเดนได้รับคะแนนไม่เห็นด้วย 47 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นคะแนนการสำรวจเชิงลบสูงสุดตลอดวาระที่เขาดำรงตำแหน่ง
ผลสำรวจที่เผยแพร่เมื่อวันเสาร์ยังแสดงให้เห็นว่า ปัจจุบันไบเดนมีคะแนนนิยมตามหลังโดนัลด์ ทรัมป์ 43 ต่อ 48 เปอร์เซ็นต์ ในกลุ่มผู้ลงคะแนนเสียงที่ลงทะเบียนทั่วประเทศ ซึ่งขณะนี้ผู้สมัครรับเลือกตั้งมีแนวโน้มมากขึ้นสำหรับพรรครีพับลิกัน อดีตประธานาธิบดีทรัมป์เพิ่งชนะการเลือกตั้งขั้นต้นของพรรครีพับลิกันในรัฐมิชิแกนอย่างชัดเจน
ผลการสำรวจยังแสดงให้เห็นด้วยว่า มีผู้มีสิทธิเลือกตั้งประมาณหนึ่งในสี่เท่านั้นที่เชื่อว่าประเทศกำลังพัฒนาไปในทิศทางที่ถูกต้อง ผู้มีสิทธิเลือกตั้งจำนวนมากกว่าสองเท่ามีความเห็นว่า นโยบายของไบเดนทำร้ายพวกเขาเป็นการส่วนตัว “ในบรรดากลุ่มตัวอย่างทั่วประเทศของผู้มีสิทธิลงคะแนนที่ไม่พอใจอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มีคะแนนนำเหนือประธานาธิบดีโจ ไบเดน 4 คะแนน” ดอน เลวี-ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยวิทยาลัยเซียนากล่าว “ผู้ตอบแบบสอบถาม 59 เปอร์เซ็นต์ไม่เห็นด้วยกับผลการปฏิบัติงานของไบเดน และแม้ว่าส่วนใหญ่ 53 เปอร์เซ็นต์กล่าวว่าทรัมป์ก่ออาชญากรรมร้ายแรงต่อรัฐบาลกลาง แต่ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ 46 ถึง 41 เปอร์เซ็นต์คาดการณ์ว่าทรัมป์จะชนะตำแหน่งประธานาธิบดีกลับคืนมา”
การสำรวจดังกล่าวเป็นเพียงหนึ่งในหลายๆ ครั้งที่แสดงให้เห็นว่าผู้มีสิทธิลงคะแนนไม่พอใจประธานาธิบดีคนปัจจุบัน รวมถึงการสำรวจของสำนักข่าว Bloomberg ก็แสดงให้เห็นว่าไบเดนมีคะแนนตามหลังหลัมป์ในรัฐวิกฤตหลายรัฐ ทั้งในแอริโซนา จอร์เจีย เพนซิลเวเนีย มิชิแกน นอร์ธแคโรไลนา เนวาดา และวิสคอนซิน ในการสำรวจของ Bloomberg นั้นผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่แสดงความกังวลเกี่ยวกับอายุของไบเดนด้วย และโดยเฉพาะเรื่องสุขภาพของไบเดนเป็นหัวข้อที่ยังคงได้รับความสนใจในช่วงก่อนการเลือกตั้ง
ในการสำรวจความคิดเห็นของ Times 19 เปอร์เซ็นต์ของผู้มีสิทธิเลือกตั้งระบุว่า พวกเขาไม่เห็นด้วยกับผู้สมัครทั้งสองคน อย่างไรก็ตามในกลุ่มพวกเขา ไบเดนถูกเกลียดน้อยกว่าเล็กน้อย โดยคะแนนความเกลียดของไบเดนอยู่ที่ 38 เปอร์เซ็นต์ ส่วนของทรัมป์อยู่ที่ 45 เปอร์เซ็นต์.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ทรัมป์เตือนอิสราเอล อย่าแทรกแซงซีเรีย
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เตือนอิสราเอลไม่ให้แทรกแซงซีเรีย “เป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งที่อิสราเอลจะต้องรักษาการเจรจาที่มั่นคงและจริงใจกับซีเรีย และต้องไม่มีการกระทำใด ๆ ที่อาจขัดขวางการพัฒนาซีเรียให้กลายเป็นประเทศที่เจริญรุ่งเรือง” ทรัมป์โพสต์บนแพลตฟอร์ม Truth Social ของเขาเมื่อวันจันทร์ เขายังเสริมด้วยว่า “ยังมีโอกาสครั้งประวัติศาสตร์ในการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ”
'ไทยภักดี' ไม่สนหลุดโพล! ลุยช่วยน้ำท่วม หาดใหญ่จบไปต่อปัตตานี
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า เดินหน้าช่วยน้ำท่วมหาดใหญ่แม้ไม่มีไทยภักดีในผลโพล
นิด้าโพลชี้ ปชป. มาแรงในภาคใต้ คะแนนนิยม อภิสิทธิ์ นำ อนุทิน
ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจ เรื่อง “กระแสการเมือง ภาคใต้” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 18 - 24 พฤศจิกายน 2568 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป และมีสิทธิเลือกตั้งในภาคใต้ (จำนวน 14 จังหวัด ประกอบด้วย ชุมพร นครศรีธรรมราช พัทลุง สุราษฎร์ธานี
‘โบว์ ณัฏฐา’ ชี้ภาพเลือกตั้งเริ่มชัด เหลือสองพรรคที่ขยับขึ้นมาเด่น
“โบว์ ณัฏฐา” วิเคราะห์แนวโน้มจากโพลชุดล่าสุด ระบุศูนย์กลางการแข่งขันเริ่มขยับเหลือสองพรรคที่โดดขึ้นมา ขณะที่เพื่อไทยถูกทิ้งระยะ แม้คนยังไม่ตัดสินใจมีจำนวนมาก แต่สุดท้ายก็ต้องเลือกระหว่างตัวเลือกที่เด่นที่สุดในตอนนี้
'เทพไท' ชี้กลยุทธ์พรรคการเมือง เสนอ 3 แคนดิเดตนายกฯ หวังกระตุ้นเรตติ้งพรรค
พรรคการเมืองจะปรับกลยุทธ์เข้าสู่สนามเลือกตั้ง จะประกาศแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีครบ3คนหรือไม่ ก็เป็นกลยุทธ์และยุทธศาสตร์ของพรรคการเมืองแต่ละพรรค
เช็กกระแสภาคตะวันออก ‘เท้ง-ปชน.’ มีคะแนนนำเหนือคู่แข่ง
ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจ เรื่อง “กระแสการเมือง ภาคตะวันออก” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 13 - 18 พฤศจิกายน 2568 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป และมีสิทธิเลือกตั้งในภาคตะวันออก (จำนวน 8 จังหวัด ประกอบด้วย ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด นครนายก ปราจีนบุรี และสระแก้ว


