ผู้นำสูงสุดของอิหร่านกล่าวเทศนาต่อประชาชน โดยปกป้องการโจมตีด้วยขีปนาวุธต่ออิสราเอลในสัปดาห์นี้ และยกย่องความห้าวหาญของกลุ่มพันธมิตรที่ผนึกกำลังกันจนทำให้สงครามในภูมิภาคส่อเค้าลุกลามรุนแรง
อยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดของอิหร่านกล่าวเทศนาระหว่างพิธีละหมาดวันศุกร์ ในกรุงเตหะราน เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม (Photo by KHAMENEI.IR / AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันเสาร์ที่ 5 ตุลาคม 2567 กล่าวว่า อยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดของอิหร่านปรากฏตัวในการเทศนาต่อประชาชนทั่วประเทศ ซึ่งมักไม่ค่อยเกิดขึ้นบ่อยนัก และอาจหมายความว่าการเทศนาครั้งนี้เป็นเรื่องสำคัญ
คาเมเนอีกล่าวต่อหน้าผู้คนนับหมื่นที่มัสยิดในกรุงเตหะรานว่า กลุ่มติดอาวุธในตะวันออกกลางจะไม่ยอมล่าถอย แม้ว่าอิสราเอลจะสังหารผู้นำกลุ่มต่างๆไปแล้วหลายครั้ง
ในการเทศนาต่อสาธารณชนครั้งแรกในรอบเกือบ 5 ปี คาเมเนอีได้พูดเป็นภาษาอาหรับเพื่อหารือเกี่ยวกับการต่อสู้กับอิสราเอลโดยอาศัย "แกนต่อต้าน" ที่เป็นพันธมิตรกับอิหร่าน ซึ่งรวมถึงกลุ่มฮิซบุลเลาะห์ในเลบานอน และกลุ่มฮามาสในปาเลสไตน์
"กลุ่มพันธมิตรในภูมิภาคจะไม่ยอมถอยเพียงเพราะการพลีชีพที่ผ่านมา และจะได้รับชัยชนะอย่างแน่นอน" คาเมเนอีกล่าวกับฝูงชนที่มัสยิดใหญ่อิหม่ามโคมัยนี ซึ่งผู้สนับสนุนหลายคนถือรูปผู้นำกลุ่มฮิซบุลเลาะห์และฮามาสที่ถูกสังหาร
เขาชื่นชมการตอบโต้ที่ดุเดือดของกลุ่มเหล่านี้ต่อกองกำลังอิสราเอลในช่วงปีที่ผ่านมา เนื่องจากการโจมตีของกลุ่มฮามาสเมื่อวันที่ 7 ตุลาคมได้จุดชนวนให้เกิดสงครามในฉนวนกาซา ซึ่งต่อมาได้แพร่กระจายไปยังเลบานอนและพื้นที่อื่นๆ ในตะวันออกกลาง
คาเมเนอีกล่าวว่า กลุ่มพันธมิตรที่ได้รับการสนับสนุนจากเตหะรานได้ดำเนินการอย่างมีเหตุผลและถูกต้องแล้วต่ออิสราเอล และไม่มีใครมีสิทธิวิพากษ์วิจารณ์พวกเขาเหล่านั้นในทางอื่นได้
คาเมเนอีกล่าวเทศนาโดยมีปืนไรเฟิลอยู่ข้างๆ ซึ่งเป็นประเพณีทั่วไปในอิหร่านสำหรับอิหม่ามชีอะห์ที่นำละหมาดวันศุกร์ โดยมีจุดประสงค์เพื่อแสดงความพร้อมในการเผชิญหน้ากับศัตรู
ก่อนการกล่าวเทศนา มีพิธีรำลึกที่จัดให้แก่ฮัสซัน นัสรุลเลาะห์ หัวหน้ากลุ่มฮิซบุลเลาะห์ซึ่งถูกสังหารในการโจมตีของอิสราเอลทางตอนใต้ของเบรุตเมื่อวันที่ 27 กันยายน พร้อมกับอับบาส นิลฟูรูซาน ผู้บัญชาการกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติ
การปรากฏตัวของคาเมเนอีเกิดขึ้นไม่กี่วันก่อนวันครบรอบ 1 ปีของสงครามกาซา และในสัปดาห์นี้ อิหร่านได้ยิงขีปนาวุธโจมตีอิสราเอลประมาณ 200 ลูกเพื่อตอบโต้การสังหารนัสรุลเลาะห์, นิลฟูรูซาน รวมถึงอิสมาอิล ฮานีเยห์ ผู้นำกลุ่มฮามาส
"สิ่งที่กองกำลังติดอาวุธของเราทำคือการลงโทษขั้นต่ำสำหรับอาชญากรรมของระบอบไซออนิสต์ที่กำลังแย่งชิงอำนาจในภูมิภาค" คาเมเนอีกล่าวถึงการยิงขีปนาวุธ ซึ่งเป็นการโจมตีโดยตรงครั้งที่สองของอิหร่านต่ออิสราเอลที่มีสหรัฐฯเป็นพันธมิตรทางทหาร
ผู้นำสูงสุดของอิหร่านกล่าวหาอิสราเอลว่าเป็นเพียง "ระบอบการปกครองชั่วร้ายที่ยืนหยัดได้เพียงเพราะได้รับการสนับสนุนจากอเมริกา และระบอบการปกครองนี้จะอยู่ได้ไม่นาน"
คาเมเนอีกล่าวว่า "ชาวปาเลสไตน์ทำถูกต้องแล้วที่โจมตีอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม โดยเรียกการกระทำดังกล่าวว่า "เป็นการกระทำที่มีเหตุผลและถูกต้องตามกฎหมาย"
แม้อิหร่านจะยกย่องการโจมตีของกลุ่มฮามาส แต่ก็ออกตัวปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ
รัฐบาลเตหะรานไม่ยอมรับอิสราเอล และให้การสนับสนุนปาเลสไตน์เป็นหัวใจสำคัญของนโยบายต่างประเทศตั้งแต่การปฏิวัติอิสลามในปี 2522
คาเมเนอีเป็นผู้นำละหมาดวันศุกร์ครั้งสุดท้ายในเดือนมกราคม 2563 หลังจากที่อิหร่านยิงขีปนาวุธใส่ฐานทัพสหรัฐฯ ในอิรัก เพื่อตอบโต้การโจมตีที่สังหารคาเซม โซไลมานี ผู้บัญชาการกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติคนสำคัญ
กลุ่มฮามาส, ฮิซบุลเลาะห์ และกลุ่มติดอาวุธอื่นๆ ในตะวันออกกลาง เป็นส่วนหนึ่งของ "แกนต่อต้าน" ที่เป็นพันธมิตรของอิหร่าน ในการต่อต้านอิสราเอลและพันธมิตรอย่างสหรัฐอเมริกา
เมื่อเดือนเมษายน อิหร่านได้ยิงขีปนาวุธและโดรนโจมตีใส่อิสราเอล เพื่อตอบโต้การโจมตีของอิสราเอลต่อสถานกงสุลอิหร่านในกรุงดามัสกัสที่เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต
ในการโจมตีทั้งสองครั้ง ขีปนาวุธเกือบทั้งหมดถูกอิสราเอลหรือพันธมิตรสกัดกั้นไว้ได้ ตามรายงานของทางการอิสราเอล.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ฝนและความหนาวเย็นทำให้สถานการณ์ของผู้พลัดถิ่นและตัวประกันในฉนวนกาซารุนแรงขึ้น
ชาวปาเลสไตน์ประมาณ 90 เปอร์เซ็นต์ในฉนวนกาซาต้องพลัดถิ่นตั้งแต่เริ่มสงคราม ขณะนี้พวกเขากำลังเผชิญกับภาว