ควันขาวขุ่นปกคลุมเมืองหลวงของอินเดียในวันพุธ คาดมลพิษทางอากาศที่เกิดจากการจุดดอกไม้ไฟและการเผาวัชพืชในฟาร์มเกษตรเป็นสาเหตุหลักในปีนี้

หมอกควันหนาทึบปกคลุมเส้นขอบฟ้าของกรุงนิวเดลี ประเทศอินเดีย เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม (Photo by Shubham KOUL / AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันพุธที่ 23 ตุลาคม 2567 กล่าวว่า กรุงนิวเดลี เมืองหลวงของอินเดีย เผชิญกับมลพิษทางอากาศจากการปกคลุมของควันสีขาวขุ่นทั่วพื้นที่
นิวเดลีเป็นที่อยู่อาศัยของประชากรมากกว่า 30 ล้านคนและได้รับการจัดอันดับให้เป็นพื้นที่เขตเมืองที่มีมลพิษมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพระบุว่า ผู้คนที่สูดอากาศผ่านหมอกควันพิษเหล่านี้เสียชีวิตไปแล้วหลายพันคนทุกปี และการป้องกันด้วยการสวมหน้ากากอนามัยไม่ได้รับการปฏิบัติอย่างเพียงพอ
หมอกควันล่าสุดนี้นอกจากบดบังทัศนวิสัยแล้ว ยังส่งกลิ่นเหม็นอีกด้วย
นิวเดลีถูกปกคลุมไปด้วยหมอกควันพิษทุกปี โดยสาเหตุหลักมาจากการเผาวัชพืชของเกษตรกรในบริเวณใกล้เคียง เพื่อถางไร่นา ทำให้ระดับของฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็ง พุ่งสูงขึ้นเกือบ 23 เท่าของค่าสูงสุดที่องค์การอนามัยโลกแนะนำต่อวัน
สารมลพิษดังกล่าวมีปริมาณสูงถึง 344 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ตามรายงานของบริษัทตรวจสอบ IQAir เมื่อวันพุธ ซึ่งระบุว่าอากาศในมหานครขนาดใหญ่แห่งนี้เป็น "อันตราย" และจัดอยู่ในกลุ่มที่แย่ที่สุดในโลก
คาดว่ามลพิษทางอากาศจะแย่ลงอีกในช่วงเทศกาลแห่งแสงสีของชาวฮินดู หรือเทศกาลดิวาลี ซึ่งตรงกับวันที่ 1 พฤศจิกายนของปีนี้ โดยจะมีการจุดพลุควันพิษที่พ่นสารอันตราย เป็นส่วนหนึ่งของการเฉลิมฉลอง
ในเดือนนี้ ทางการนิวเดลีได้สั่ง "ห้าม" การจุดประทัดทุกชนิดอย่างสิ้นเชิง ทั้งการผลิตและการขาย เพื่อรักษาผลประโยชน์สาธารณะในการควบคุมมลพิษทางอากาศที่สูงขึ้นเรื่อยๆ
แต่ในทางปฏิบัติ ข้อห้ามเหล่านี้มักถูกละเลย โดยตำรวจมักลังเลที่จะดำเนินการกับผู้ฝ่าฝืน เนื่องจากผู้ศรัทธาในศาสนาฮินดูมีความรู้สึกทางศาสนาที่แรงกล้าต่อวิถีการจุดประทัดเพื่อบูชา
นอกจากนี้ทางการยังสั่งห้ามการเผาวัชพืช โดยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ตำรวจในรัฐหรยาณาได้จับกุมเกษตรกรหลายคนในข้อหาจุดไฟเผาวัชพืชก่อนการไถพรวน
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา รัฐบาลอินเดียพยายามลดภาวะมลพิษด้วยการจำกัดการจราจรของยานพาหนะ รวมถึงโครงการที่อนุญาตให้รถยนต์ที่มีป้ายทะเบียนเลขคี่หรือเลขคู่วิ่งสลับวันกัน รวมทั้งสั่งห้ามงานก่อสร้างและห้ามรถยนต์ดีเซลเข้ามาวิ่งในเมืองในบางช่วงอีกด้วย
แต่ความพยายามของรัฐบาลก็ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาคุณภาพอากาศของประเทศได้
การศึกษาวิจัยในวารสารการแพทย์ Lancet ระบุว่าการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรของประชาชน 1.67 ล้านคนในปี 2562 ของประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในโลกแห่งนี้ เกิดจากมลพิษทางอากาศ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'ลำพูน วอริเออร์' เปิดตัว'The Air Pollution Jersey' เสื้อบอลแจ้งค่าฝุ่น PM2.5
ลำพูน วอริเออร์ สโมสรฟุตบอลไทยลีก ร่วมกับสภาลมหายใจภาคเหนือ เปิดตัวเสื้อแข่งคอลเลกชันพิเศษ ‘The Air Pollution Jersey’ หรือ ‘เสื้อบอลแจ้งค่าฝุ่น’ ซึ่งเป็นแคมเปญที่ต้องการสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับปัญหาฝุ่น PM2.5 ที่ส่งผลกระทบต่อผู้คนในภาคเหนือ โดยเฉพาะนักฟุตบอลที่ต้องใช้ชีวิตและแข่งขันกลางแจ้งตลอดทั้งฤดูกาล
ทหารภาค 3 ระดมกำลังอากาศยานดับไฟป่าแม้ฝนตก จุดความร้อนยังลุกลาม
ทหารภาค 3 ยังคงนำอากาศยานช่วยดับไฟป่าในหลายพื้นที่ แม้จุดความร้อนจะลดลงจากฝนตก แต่ไฟป่ายังคงลุกลามต่อเนื่องต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
เชียงใหม่เฝ้าระวังฝุ่น PM 2.5 แนะใช้หน้ากากป้องกันและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
สาธารณสุขเชียงใหม่แนะประชาชนตรวจสอบค่าฝุ่น PM 2.5 ก่อนออกจากบ้าน ใช้หน้ากากป้องกันตามกิจกรรม พร้อมกำชับหน่วยงานรับมือเชิงรุกดูแลสุขภาพประชาชน หลังค่าฝุ่นเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ
ค่าฝุ่น PM2.5 ช่วง 3-8 มี.ค. มีแนวโน้มทรงตัวถึงลดลง หลังการระบายอากาศอยู่เกณฑ์ดี
ศูนย์ข้อมูลคุณภาพอากาศกรุงเทพมหานคร รายงานสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) ในกรุงเทพมหานคร