ฟิลิปปินส์เริ่มเก็บกวาด หลังพายุไต้ฝุ่นหยินซิ่งพัดถล่มชายฝั่งทางเหนือ

ฟิลิปปินส์เริ่มเก็บกวาดเศษซากต้นไม้ที่หักโค่นในภาคเหนือของประเทศ ขณะที่พายุไต้ฝุ่นหยินซิ่งเคลื่อนตัวออกสู่ทะเลแล้ว หลังจากพัดถล่มชายฝั่งเมื่อคืนก่อนหน้า ส่งผลให้บ้านเรือนได้รับความเสียหาย และทำให้ผู้คนหลายพันคนต้องอพยพไปหลบภัย

ชาวฟิลิปปินส์กำลังเดินไปตามถนน หลังพายุไต้ฝุ่น 'หยินซิ่ง' พัดถล่มในเมืองบาเลสเทอรอส จังหวัดคากายัน เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน (Photo by Nathan Tamayo / AFP)

เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันเสาร์ที่ 9 พฤศจิกายน 2567 กล่าวว่า พายุไต้ฝุ่น 'หยินซิ่ง' พัดถล่มภาคเหนือของฟิลิปปินส์ ส่งผลให้บ้านเรือนได้รับความเสียหาย และทำให้ผู้คนหลายพันคนต้องอพยพไปหลบภัยยังพื้นที่อื่นหรือพื้นที่ที่ทางการท้องถิ่นเตรียมไว้รองรับ

แม้ว่าประชาชนเกือบ 30,000 คนต้องพลัดถิ่นชั่วคราวก่อนพายุหยินซิ่งพัดขึ้นฝั่ง แต่ไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากพายุดังกล่าวซึ่งเกิดขึ้นเพียงสองสัปดาห์หลังจากพายุลูกใหญ่เพิ่งคร่าชีวิตผู้คนไปกว่า 150 ราย

พายุหยินซิ่งซึ่งมีความเร็วลม 175 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้ทำให้เสาไฟฟ้าหัก, ต้นไม้ถูกโค่นจากพื้นดิน และบ้านเรือนเสียหาย ภายหลังขึ้นฝั่งทางเหนือของประเทศ

"ต้นไม้หลายต้นถูกโค่นล้ม และดินบางส่วนก็ถูกกัดเซาะ แต่โชคยังดีที่มันไม่ได้ก่อให้เกิดดินถล่มแบบรุนแรงตามมา" รูเอลี ราปซิง หัวหน้าฝ่ายบรรเทาสาธารณภัยประจำจังหวัดคากายัน กล่าว โดยหน่วยงานของเขาระบุว่าจนถึงขณะนี้ยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต

ในเขตเทศบาลปัมโปลนาของจังหวัดคากายัน กระแสลมแรงพัดหลังคาปลิวว่อนไปทั่ว และประชาชนต้องดิ้นรนหาที่หลบภัย

"ลมแรงที่เราเผชิญเมื่อคืนนี้เป็นลมแรงที่สุดเท่าที่เราเคยสัมผัสและเคยเห็นมาในเมืองนี้" ชายฟิลิปปินส์วัย 35 ปีกล่าวกับเอเอฟพี

ล่าสุดพายุลูกดังกล่าวได้เคลื่อนตัวออกไปทางทะเลจีนใต้แล้ว ตามรายงานของสำนักงานอุตุนิยมวิทยาฟิลิปปินส์

หน่วยงานรัฐเร่งซ่อมแซมเสาไฟฟ้าที่หักโค่น ขณะหลายพื้นที่เริ่มจัดการเก็บกวาดเมืองและชุมชน โดยตำรวจ, นักดับเพลิง และหน่วยกู้ภัยใช้รถขุดและอุปกรณ์อื่นๆ เพื่อฟื้นฟูถนนสายหลัก

พายุหยินซิ่งเป็นพายุลูกที่สามในรอบไม่ถึงหนึ่งเดือนที่คุกคามฟิลิปปินส์ หลังจากพายุ 'จ่ามี' และ 'กองเร็ย' ทำให้มีผู้เสียชีวิตรวมกัน 158 ราย ตามรายงานของสำนักงานภัยพิบัติแห่งชาติ

ทั้งนี้ พายุขนาดใหญ่ประมาณ 20 ลูกพัดถล่มประเทศหมู่เกาะแห่งนี้หรือพื้นที่น้ำโดยรอบทุกปี ส่งผลให้บ้านเรือนและโครงสร้างพื้นฐานได้รับความเสียหาย และคร่าชีวิตผู้คนไปหลายสิบราย

การศึกษาล่าสุดแสดงให้เห็นว่าพายุในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกกำลังก่อตัวใกล้ชายฝั่งมากขึ้น, ทวีความรุนแรงขึ้นอย่างรวดเร็ว และกินเวลานานขึ้นบนพื้นดิน เนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ดร.ธรณ์' ชี้อากาศแปรปรวนหนัก ภาคใต้ไม่มีพายุ แต่ปริมาณน้ำฝนเทียบเท่า 'ไต้ฝุ่น'

ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ อาจารย์ประจำภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ นักวิชาการด้านทะเลและสิ่งแวดล้อม โ

กรมอุตุฯ ออกประกาศ ฉ.1 พายุไต้ฝุ่น ‘หม่านหยี่’ บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน

พายุไต้ฝุ่น “หม่านหยี่” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน มีศูนย์กลางอยู่ที่ละติจูด 17.9 องศาเหนือ ลองจิจูด 118.9 องศาตะวันออก มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 130 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

อัปเดตพายุไต้ฝุ่น ‘หม่านหยี่’ เช้าตรู่ 18 พ.ย.เคลื่อนผ่านเกาะลูซอล ลงสู่ทะเลจีนใต้

คาดว่าจะเคลื่อนผ่านเกาะลูซอล ลงสู่ทะเลจีนใต้เช้าตรู่วันที่ 18 พ.ย.67 และเคลื่อนตัวทางตะวันตกเข้าใกล้เกาะไหหลำ และจะอ่อนกำลังลงตามลำดับ