ทรัมป์ให้คำมั่นนำอเมริกาสู่ยุคทอง ในพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ

โดนัลด์ ทรัมป์ประกาศเริ่มต้น "ยุคทอง" ของสหรัฐฯ หลังจากสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยที่สอง พร้อมมั่นใจว่าจะกอบกู้สังคมที่พังทลายให้กลับมาดีกว่าเดิม

โดนัลด์ ทรัมป์ทำพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ขณะที่เมลาเนีย ทรัมป์, อิวานกา ทรัมป์, โดนัลด์ ทรัมป์ จูเนียร์ และอีริก ทรัมป์ เฝ้าดูอยู่ไม่ห่าง ระหว่างพิธีที่จัดขึ้น ณ ห้องโถงกลมของอาคารรัฐสภา ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมื่อวันที่ 20 มกราคม (Photo by Chip Somodevilla / AFP)

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และรองประธานาธิบดี เจ.ดี. แวนซ์ แสดงความเคารพต่อเพลงชาติสหรัฐอเมริกา ระหว่างพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งที่จัดขึ้น ณ ห้องโถงกลมของอาคารรัฐสภา ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมื่อวันที่ 20 มกราคม (Photo by Julia Demaree Nikhinson / POOL / AFP)

เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันอังคารที่ 21 มกราคม 2568 กล่าวว่า โดนัลด์ ทรัมป์ เสร็จสิ้นพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา และกล่าวสุนทรพจน์ด้วยความมาดมั่นว่าจะนำอเมริกากลับมายิ่งใหญ่กว่าเดิม

"ยุคทองของอเมริกาเริ่มต้นขึ้นแล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ประเทศของเราจะเจริญรุ่งเรืองและได้รับการเคารพอีกครั้งทั่วโลก" ทรัมป์กล่าวที่อาคารรัฐสภาสหรัฐฯ ซึ่งเป็นสถานที่จัดพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของเขาที่ปรับเปลี่ยนมาดำเนินการในร่มเนื่องจากข้อกังวลด้านสภาพอากาศที่หนาวเย็น

แม้ให้สัญญาว่าจะนำประเทศกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง แต่โทนเสียงของทรัมป์นั้นมืดมนตามแบบฉบับของเขา และประณามสิ่งที่เขากล่าวว่าเป็น "การทรยศต่อชาวอเมริกันโดยสถาบันที่หัวรุนแรงและฉ้อฉล"

ทรัมป์กล่าวว่า "เป็นเวลาหลายปีแล้วที่สถาบันซึ่งนิยมความรุนแรงและฉ้อฉลได้ดึงอำนาจและความมั่งคั่งจากพลเมืองของเราไป ในขณะที่เสาหลักทางสังคมของเราพังทลายและดูเหมือนจะทรุดโทรมลงอย่างสิ้นเชิง"

"นับจากนี้เป็นต้นไป ความเสื่อมโทรมของอเมริกาสิ้นสุดลงแล้ว" ทรัมป์กล่าวอย่างหนักแน่น

นักการเมืองจากพรรครีพับลิกันวัย 78 ปี ซึ่งปัจจุบันเป็นผู้ที่มีอายุมากที่สุดที่เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ เตรียมที่จะเริ่มต้นวาระใหม่ของเขาด้วยคำสั่งเร่งด่วนเกี่ยวกับการย้ายถิ่นฐานและสงครามวัฒนธรรมในประเทศ

"ผมจะประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินระดับชาติที่ชายแดนทางใต้ของเรากับเม็กซิโก" ทรัมป์กล่าวท่ามกลางเสียงเชียร์อันดังจากผู้สนับสนุนภายในโรทันดา (ห้องโถงกลมของอาคารรัฐสภา) ที่ตกแต่งอย่างวิจิตรงดงาม โดยให้คำมั่นว่าจะเนรเทศผู้อพยพผิดกฎหมายจำนวนหลายล้านคน

ทรัมป์ให้คำสาบานด้วยพระคัมภีร์ไบเบิลที่แม่ของเขาให้มา พร้อมยกมือข้างหนึ่งขึ้นในอากาศ และกลายเป็นประธานาธิบดีคนที่ 47

เขาเดินทางไปที่อาคารรัฐสภาพร้อมกับโจ ไบเดน ประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครตที่กำลังจะพ้นจากตำแหน่ง ซึ่งทำตามประเพณีด้วยการเสิร์ฟชาแก่ผู้สืบทอดตำแหน่งของเขาที่ทำเนียบขาว

"ยินดีต้อนรับกลับบ้าน" ไบเดนกล่าวกับทรัมป์ขณะที่เขาและจิล ไบเดน สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง ทักทายประธานาธิบดีคนใหม่และเมลาเนีย ภริยาของทรัมป์ ที่ทำเนียบขาว

ในฐานะประธานาธิบดีคนที่ 45 ทรัมป์ถือเป็นคนนอกทางการเมืองในพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งครั้งแรกเมื่อปี 2017 แต่คราวนี้เขาถูกรายล้อมไปด้วยคนร่ำรวยและทรงอิทธิพลของอเมริกา

ชายที่รวยที่สุดในโลกอย่างอีลอน มัสก์, ซีอีโอของบริษัทเมตา (Meta) อย่างมาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก, เจฟฟ์ เบโซส ซีอีโอของแอมะซอน (Amazon) และซุนดาร์ พิชัย ซีอีโอของกูเกิล (Google) ต่างก็มีตำแหน่งชั้นดีในรัฐสภาควบคู่ไปกับครอบครัวและสมาชิกคณะรัฐมนตรีของทรัมป์

มัสก์ซึ่งสนับสนุนเงินทุนให้กับแคมเปญหาเสียงของทรัมป์เป็นจำนวนกว่า 250 ล้านดอลลาร์และสนับสนุนนโยบายขวาจัดในเครือข่ายโซเชียล X จะเป็นผู้นำในการลดต้นทุนในรัฐบาลชุดใหม่

แม้ว่าทรัมป์ปฏิเสธที่จะเข้าร่วมพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของไบเดนในปี 2021 หลังจากกล่าวอ้างการทุจริตการเลือกตั้งด้วยความเท็จ แต่ครั้งนี้ไบเดนมีความกระตือรือร้นที่จะฟื้นคืนความรู้สึกของประเพณี

ไบเดนเข้าร่วมพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีร่วมกับอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา, จอร์จ ดับเบิลยู บุช และบิล คลินตัน ที่รัฐสภา โดยอดีตสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งฮิลลารี คลินตัน และลอร่า บุช ก็อยู่พร้อมหน้าเช่นกัน ยกเว้นมิเชล โอบามา อดีตสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งที่พยายามอยู่ห่างๆจากกลุ่มของบรรดาอดีตผู้นำ

พิธีครั้งนี้ค่อนข้างแหกขนบธรรมเนียมอยู่บ้างในประเด็นผู้นำต่างชาติที่ปกติแล้วจะไม่ได้รับเชิญ แต่ประธานาธิบดีฮาเวียร์ มิลเล ของอาร์เจนตินาซึ่งเป็นฝ่ายขวาจัดได้เข้าร่วมพิธีนี้ พร้อมกับนายกรัฐมนตรีจอร์เจีย เมโลนีจากฝ่ายขวาจัดของอิตาลี

อากาศที่หนาวเย็นรุนแรงทำให้พิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของทรัมป์ต้องจัดขึ้นในร่มเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่พิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของโรนัลด์ เรแกนในปี 1985 ทำให้พลาดโอกาสพบปะกับฝูงชนจำนวนมากตามปกติที่เนชั่นแนล มอลล์

ภายใต้พิธีอันโอ่อ่าและอลังการ มหาเศรษฐีผู้นี้กำลังเริ่มต้นวาระชาตินิยมฝ่ายขวาของเขาด้วยคำสั่งฝ่ายบริหารราว 100 ฉบับที่เตรียมการประกาศใช้ทันทีเพื่อทำลายมรดกที่ไบเดนทิ้งไว้

ทรัมป์จะให้กองทัพสหรัฐฯ มีบทบาทสำคัญในการบุกเบิกชายแดน และยุติการให้สัญชาติโดยกำเนิด เนื่องจากเขาต้องการปราบปรามผู้อพยพที่ไม่มีเอกสาร

เขาจะลงนามในคำสั่งให้รัฐบาลสหรัฐฯ ยอมรับเพศทางชีววิทยาได้เพียง 2 เพศ และพยายามยกเลิกโครงการความหลากหลายของรัฐบาลกลางเมื่อเขารับตำแหน่ง

ก่อนเวลาทองในฐานะประธานาธิบดีจะหมดลง โจ ไบเดนได้ออกคำสั่งอภัยโทษล่วงหน้าเป็นกรณีพิเศษแก่พรรคพวกของเขา เพื่อปกป้องจาก "การสืบสวนที่ไม่มีมูลความจริงและมีแรงจูงใจทางการเมือง"

เขายังอภัยโทษให้กับแอนโทนี เฟาซี อดีตที่ปรึกษาโควิด-19 รวมทั้งมาร์ก มิลลีย์ นายพลเกษียณอายุและสมาชิกคณะกรรมการสภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐฯ ที่สอบสวนเหตุการณ์โจมตีอาคารรัฐสภาสหรัฐฯ โดยผู้สนับสนุนทรัมป์ เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2021

ไบเดนกล่าวว่าเขาได้ฟื้นฟูประเพณีการฝากจดหมายให้กับผู้สืบทอดตำแหน่งของเขาด้วย และระบุว่าเนื้อหาในจดหมายนั้นจะเป็นความลับระหว่างเขากับทรัมป์เพียงสองคน

ทรัมป์เป็นประธานาธิบดีคนที่สองในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ ที่กลับมามีอำนาจอีกครั้งหลังจากถูกโหวตออกจากตำแหน่ง ต่อจากโกรเวอร์ คลีฟแลนด์ ในปี 1893

ปัจจัยที่น่าสังเกตอีกประการหนึ่งคือประวัติอาชญากรรมของทรัมป์ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการจ่ายเงินให้ดาราหนังโป๊เพื่อปิดปากระหว่างการลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีครั้งแรก และการสืบสวนอาชญากรรมที่ร้ายแรงกว่านั้นมากมายกลับถูกยกเลิกไปหลังจากที่ทรัมป์ชนะการเลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายน

สำหรับส่วนอื่นๆ ของโลก การกลับมาของทรัมป์หมายถึงการตั้งรับกับสิ่งที่ไม่อาจคาดคิด ตั้งแต่การขู่เข็ญเม็กซิโกและแคนาดาด้วยประเด็นชายแดนและการขึ้นภาษี ไปจนถึงการคุกคามดินแดนกรีนแลนด์และปานามา และการตั้งคำถามถึงการช่วยเหลือยูเครน ซึ่งดูเหมือนว่าทรัมป์พร้อมที่จะสั่นคลอนระเบียบโลกอีกครั้ง.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ลุงสุทิน' ลากไส้ UNHCR ทิ้งขี้ให้แพทย์ไทยตามเช็ด นึกไม่ถึง 'ทรัมป์' จะรู้ทันตัดงบช่วยเหลือ

นายสุทิน วรรณบวร อดีตผู้สื่อข่าวสำนักข่าวต่างประเทศ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ถ้าเราเป็นแพทย์อยู่ ร.พ.ชายแดนแลัวถูกสั่งให้ไปดูแลคนป่วยในค่ายผู้ลี้ภัยที่ ICRC กับ UHNCR สร้างภาระ (ขี้) ทิ้งไว้

'ทรัมป์' โกรธจัด โคลอมเบียไม่อนุญาตให้เที่ยวบินเนรเทศของสหรัฐฯ ลงจอด

โดนัลด์ ทรัมป์ประกาศ “การเนรเทศผู้อพยพจำนวนมาก” ในเบื้องต้นประธานาธิบดีของโคลอมเบียไม่ยอมให้เครื่องบินทหารลงจอด แต่ปฏิกิริยาโกรธเก