จีนควบคุมคลองปานามาตามที่ทรัมป์อ้างหรือไม่?

ประตูน้ำมิราฟลอเรสของคลองปานามา ในกรุงปานามาซิตี เมืองหลวงของประเทศปานามา (Photo by ARNULFO FRANCO / AFP)

ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าการคุกคามของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ที่จะยึดคลองปานามาโดยอ้างอิทธิพลของจีนที่เข้ามาเกี่ยวพันอย่างไม่เหมาะสมนั้น แท้จริงแล้วอาจมุ่งเป้าไปที่การจำกัดการปรากฏตัวทางการทูตและเศรษฐกิจที่เพิ่มมากขึ้นของรัฐบาลปักกิ่งในละตินอเมริกา

มีความเห็นพ้องต้องกันของฝ่ายการเมืองระหว่างประเทศว่า การใช้กำลังเพื่อยึดเส้นทางเดินเรือข้ามมหาสมุทรซึ่งคิดเป็น 5% ของการค้าทางทะเลของโลก และ 40% ของการขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ของสหรัฐฯ ดูเหมือนจะเป็นความพยายามที่ไม่น่าจะเป็นไปได้

ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น

- ใครเป็นเจ้าของคลองนี้? -

คลองปานามาสร้างโดยสหรัฐฯ เป็นหลัก ด้วยแรงงานชาวแอฟริกัน-แคริบเบียน, เปิดดำเนินการในปี 1914 และอยู่ภายใต้การบริหารของสหรัฐฯ จนถึงปี 1977 เมื่อมีการลงนามสนธิสัญญาภายใต้การบริหารของจิมมี คาร์เตอร์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในขณะนั้นเพื่อส่งมอบคลองนี้ให้กับปานามา

ตั้งแต่มีการส่งมอบในปี 1999 คลองปานามาได้รับการบริหารจัดการโดยสำนักงานคลองปานามา (ACP) ซึ่งเป็นองค์กรปกครองตนเองที่มีคณะกรรมการบริหารที่ได้รับการแต่งตั้งจากสภานิติบัญญัติและประธานาธิบดีของปานามา

รัฐบาลได้ให้สัมปทานแก่บริษัทเอกชน Hutchinson Ports ที่เป็นบริษัทลูกของ CK Hutchison Holdings ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทที่มีฐานอยู่ในฮ่องกง เพื่อดำเนินการท่าเรือในทั้งสองฝั่งของทางน้ำยาว 82 กิโลเมตร (51 ไมล์)

ที่ผ่านมารัฐบาลปานามาได้ให้เกียรติสนธิสัญญาเกี่ยวกับคลองปานามาด้วยการรักษาการดำเนินงานของคลองอย่างมีประสิทธิภาพและรับรองความเป็นกลาง

อย่างไรก็ตาม ในคำปราศรัยรับตำแหน่งประธานาธิบดีวาระสองของโดนัลด์ ทรัมป์ เขาบ่นออกมาว่าจีนเป็นผู้ดำเนินการคลองปานามา ทั้งๆที่สหรัฐไม่ได้มอบคลองนี้ให้จีน แต่มอบให้ปานามา

ประธานาธิบดีโฮเซ ราอูล มูลิโน ของปานามาตอบโต้คำกล่าวนั้นว่า "จีนไม่ได้ดำเนินการหรือควบคุมคลองปานามา"

- การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นได้หรือไม่? -

จุดศูนย์กลางของการแย่งชิงคือ บริษัทท่าเรือฮัทชินสัน ซึ่งดำเนินการท่าเรือบัลโบอาและคริสโตบัลมาตั้งแต่ปี 1997

มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศของทรัมป์ ตั้งคำถามว่าบริษัทจีนจะเข้าควบคุมท่าเรือตามคำสั่งของรัฐบาลปักกิ่ง และสั่งปิดท่าเรือหรือขัดขวางการขนส่งของสหรัฐได้หรือไม่

ประธานาธิบดีปานามายืนกรานว่าประเทศของเขาดำเนินการคลองดังกล่าวโดยยึดหลักการเป็นกลางตามสนธิสัญญา

เบนจามิน เกดาน ผู้อำนวยการโครงการลาตินอเมริกาของศูนย์วิลสันในกรุงวอชิงตัน กล่าวกับเอเอฟพีว่า "มีข้อกังวลที่สมเหตุสมผลเกี่ยวกับการมีอยู่จริงของบริษัทจีน"

เกดานกล่าวว่า "คลองดังกล่าวมีคุณค่ามหาศาลต่อสหรัฐอเมริกาทั้งในเชิงพาณิชย์และเชิงยุทธศาสตร์ และอาจเป็นเป้าหมายของจีนหากต้องการใช้อิทธิพลเหนือท่าเรือฮัทชินสัน หรือแม้แต่ยึดเป็นสมบัติของตนเอง

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลปักกิ่งกล่าวโต้ว่า "ไม่เคยแทรกแซง และไม่มีส่วนร่วมในการบริหารจัดการและการดำเนินงานของคลองดังกล่าว" ซึ่งสหรัฐอเมริกาเป็นผู้ใช้บริการรายใหญ่ที่สุด รองลงมาคือจีน

ท่าเรือฮัทชินสันเองระบุว่าจากการตรวจสอบเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมาโดยสำนักงานการเดินเรือปานามาและสำนักงานผู้ควบคุมบัญชีซึ่งดูแลการใช้จ่ายของภาครัฐ พบว่าบริษัทปฏิบัติตามข้อผูกพันตามสัญญาอย่างเต็มที่

เพื่อให้เกิดความโปร่งใส สำนักงานผู้ควบคุมบัญชีจึงได้ประกาศการตรวจสอบอีกครั้งหลังจากทรัมป์ข่มขู่

- ศิลปะแห่งการทำข้อตกลง? -

ทรัมป์บ่นว่าเรือของสหรัฐฯ รวมถึงเรือของกองทัพเรือสหรัฐฯ ถูก "เรียกเก็บเงินเกินจริงอย่างมาก" สำหรับการใช้ท่าเรือแห่งนี้

แต่ยูคลิดส์ ตาเปีย ศาสตราจารย์ด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่มหาวิทยาลัยปานามาเห็นว่า ประเด็นดังกล่าวดูเหมือนจะเป็น "ข้อโต้แย้งเท็จ" เพื่อปกปิดเป้าหมายที่แท้จริงของทรัมป์ นั่นคือ "ปานามาต้องลดความสัมพันธ์กับจีนให้เหลือน้อยที่สุด"

ทั้งนี้ ปานามาตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับไต้หวันแล้วหันไปสนับสนุนรัฐบาลปักกิ่งในปี 2017 ซึ่งทำให้รัฐบาลวอชิงตันผิดหวังอย่างมาก

ตั้งแต่นั้นมา อิทธิพลจีนได้ขยายตัวอย่างรวดเร็วในปานามา เช่นเดียวกับในละตินอเมริกาที่เหลือ โดยส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับโครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางของจีน (BRI)

สหรัฐอเมริกายังคงเป็นพันธมิตรทางการเมืองและการค้าหลักของปานามา แต่บริษัทลูกของบริษัทจีนได้สร้างท่าเรือมูลค่า 206 ล้านดอลลาร์ที่ทางเข้าคลองในมหาสมุทรแปซิฟิกในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และใช้เงินราว 1,400 ล้านดอลลาร์ในการสร้างสะพานข้ามคลอง

"เขา (ทรัมป์) พยายามขู่ปานามาอย่างแน่นอน" นาตาชา ลินด์สเตดท์ ผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของมหาวิทยาลัยเอสเซกซ์กล่าว

เธอเสริมว่า "นี่เป็นเครื่องมือในการเจรจาหรือเป็นสิ่งที่ทำให้ไขว้เขว หรืออาจเป็นทั้งสองอย่าง"

- มีแนวโน้มว่าจะใช้กำลังหรือไม่? -

ภายใต้สนธิสัญญาปี 1977 ปานามาให้คำมั่นว่าจะเปิดให้ทุกประเทศเข้าใช้คลองได้อย่างเท่าเทียมกัน

"ไม่มีข้อใดกล่าวถึงหรือแม้กระทั่งอนุญาตให้สหรัฐฯ ยึดคืนหรือเรียกร้องคลองคืน" ตามการระบุของจูลิโอ เหยา อดีตที่ปรึกษานโยบายรัฐบาลซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของทีมปานามาที่เจรจาสนธิสัญญาดังกล่าว

ขณะที่ศาสตราจารย์ด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่มหาวิทยาลัยปานามาระบุว่า รัฐบาลวอชิงตันได้เสนอการแก้ไขสนธิสัญญาที่อนุญาตให้เฉพาะกองกำลังทหารของสหรัฐฯ ฝ่ายเดียวเท่านั้นที่สามารถปกป้องภัยคุกคามของการปิดคลอง

เขาเชื่อว่า "มีเพียงการสร้างปฏิบัติการหลอกลวงเท่านั้นที่สามารถอ้างเหตุผลในการใช้กำลังทหารในปานามาได้ภายใต้เงื่อนไขที่มีอยู่ และสิ่งนี้จะสามารถเกิดขึ้นได้ก็เพราะต้องการให้คลองเปิดอยู่เท่านั้น ไม่ใช่เพื่อยึดครองและแสวงหาประโยชน์ทางเศรษฐกิจ"

นักวิเคราะห์มองว่าการแทรกแซงทางทหารนั้นไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ แต่ทรัมป์อาจใช้วิธีกดดันปานามาผ่านวิธีอื่นแทน เช่น การใช้มาตรการภาษีศุลกากร.

เพิ่มเพื่อน