กลุ่มอนุรักษนิยมชนะเลือกตั้งเยอรมนี ขณะที่กลุ่มขวาจัดมีคะแนนเพิ่มขึ้นเป็นประวัติการณ์

กลุ่มอนุรักษนิยมของเยอรมนีคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งทั่วไปโดยฟรีดริช เมิร์ซ ผู้นำกลุ่มจะขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนต่อไป ตามมาด้วยกลุ่มขวาจัด AfD ในอันดับสองซึ่งมีคะแนนเพิ่มขึ้นเป็นประวัติการณ์

ฟรีดริช เมิร์ซ ผู้นำกลุ่มอนุรักษนิยมและว่าที่นายกรัฐมนตรีคนต่อไป กล่าวปราศรัยต่อผู้สนับสนุนหลังทราบผลการเลือกตั้งเบื้องต้นในเยอรมนี ที่กรุงเบอร์ลิน เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ (Photo by Odd ANDERSEN / AFP)

เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันจันทร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ 2568 กล่าวว่า กลุ่มอนุรักษนิยมของเยอรมนีคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันอาทิตย์ แต่ไม่ได้เสียงข้างมากแบบเบ็ดเสร็จ ทำให้ประเทศมีแนวโน้มสูงที่จะมีรัฐบาลผสมอีกครั้ง

ฟรีดริช เมิร์ซซึ่งเป็นผู้นำกลุ่มดังกล่าวและจะขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนต่อไป ได้เรียกร้องให้พรรคต่างๆมาร่วมจัดตั้งรัฐบาลผสมชุดใหม่โดยเร็ว โดยเตือนว่ารัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กำลังขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและรุนแรง ซึ่งเยอรมนีไม่อาจชักช้าได้

เขาย้ำว่าการที่ทรัมป์ติดต่อรัสเซียและแสดงความคิดเห็นที่ทำให้เกิดข้อสงสัยเกี่ยวกับความแข็งแกร่งในอนาคตของนาโต ทำให้ยุโรปจะต้องเพิ่มขีดความสามารถด้านการป้องกันประเทศ และกล่าวว่าเขาสามารถคาดการณ์บทบาทล่วงหน้าเกี่ยวกับรัฐบาลวอชิงตันชุดนี้ได้

ขณะที่พรรคโซเชียลเดโมแครต (เอสพีดี) ของอดีตนายกรัฐมนตรีโอลาฟ ชอลซ์ ล้มเหลวในการกลับมาตั้งรัฐบาลอีกสมัย โดยได้คะแนนตามมาเป็นลำดับสาม

ที่สร้างความประหลาดใจในการเลือกตั้งครั้งนี้คือการพุ่งขึ้นมารั้งอันดับสองของกลุ่มขวาจัด Alternative for Germany (AfD) ซึ่งได้คะแนนมากกว่าการเลือกตั้งครั้งก่อนเกือบสองเท่า หรือกว่า 20% โดยได้รับแรงหนุนจากความกลัวเกี่ยวกับปัญหาผู้อพยพและความปลอดภัย หลังจากเกิดการโจมตีนองเลือดหลายครั้งที่มีผู้ขอลี้ภัยเข้ามาเกี่ยวข้อง

ทั้งนี้ พรรคพันธมิตรอนุรักษนิยม (CDU/CSU) ของฟรีดริช เมิร์ซ ได้รับคะแนนเสียงมากกว่า 28% จากผลสำรวจหลังปิดหีบเลือกตั้งเมื่อเวลา 20.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น โดยเอาชนะพรรคโซเชียลเดโมแครต (SPD) ของโอลาฟ ชอลซ์ ซึ่งคาดว่าจะได้รับคะแนนเสียงต่ำสุดในประวัติศาสตร์ที่ 16%

เมิร์ซซึ่งเคยเป็นคู่แข่งของอดีตนายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคิล มาอย่างยาวนาน ได้ให้คำมั่นว่าจะปราบปรามผู้อพยพผิดกฎหมาย โดยหวังที่จะเรียกคะแนนเสียงกลับคืนมาจากพรรค AfD ซึ่งการก้าวขึ้นมาของพรรคนี้ทำให้หลายคนในประเทศที่ยังคงพยายามแก้ตัวจากประวัติศาสตร์นาซีอันมืดมนของประเทศต้องตกตะลึง

สำหรับตอนนี้ พรรค AfD ซึ่งได้รับการสนับสนุนอย่างแข็งขันจากพันธมิตรสำคัญอย่างโดนัลด์ ทรัมป์ จะยังคงดำรงตำแหน่งฝ่ายค้านต่อไป ขณะที่พรรคการเมืองอื่นๆ ทั้งหมดให้คำมั่นว่าจะกีดกันไม่ให้พรรคนี้มีอำนาจบริหารใดๆ เพราะไม่อยากให้ประเทศไปสู่แนวทางขวาจัด

อย่างไรก็ตาม อลิซ ไวเดล ผู้นำของพรรคฯได้แสดงความยินดีกับผลการเลือกตั้งที่เป็นหน้าประวัติศาสตร์ใหม่ และกล่าวอีกครั้งว่าพรรคของเธอพร้อมที่จะปกครองร่วมกับกลุ่มอนุรักษนิยมในฐานะรัฐบาล

ก่อนที่เมิร์ซ วัย 69 ปี จะเข้ารับตำแหน่ง เขาจะต้องจัดตั้งรัฐบาลผสมชุดใหม่ให้สำเร็จเสียก่อน ซึ่งกระบวนการนี้มักจะใช้เวลานาน แต่เขาก็ได้ให้คำมั่นว่าจะเสร็จสิ้นภายในช่วงเทศกาลอีสเตอร์

เงื่อนไขนี้อาจคุกคามการดำเนินงานของรัฐบาลเบอร์ลินที่อาจต้องหยุดชะงักไปอีกหลายสัปดาห์ เนื่องจากทรัมป์ได้บังคับให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ และทำให้พันธมิตรในยุโรปสั่นคลอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสงครามยูเครน

การเลือกตั้งเยอรมนีเกิดขึ้นท่ามกลางความปั่นป่วนในความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐอเมริกาและยุโรป ซึ่งเกิดจากการที่ทรัมป์พยายามข้ามหน้าข้ามตาบรรดาผู้นำยุโรปเพื่อติดต่อโดยตรงกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย ในการเจรจายุติสงครามยูเครนที่ดำเนินมาเป็นเวลา 3 ปี

"หลังจากคำแถลงของโดนัลด์ ทรัมป์ในสัปดาห์ที่แล้ว เป็นที่ชัดเจนว่าชาวอเมริกันไม่สนใจชะตากรรมของยุโรปเป็นส่วนใหญ่" เมิร์ซกล่าวในการดีเบตทางทีวีหลังการเลือกตั้ง

เขากล่าวว่า สิ่งสำคัญที่สุดของเขาคือการเสริมความแข็งแกร่งให้กับยุโรปโดยเร็วที่สุด เพื่อที่จะได้บรรลุอิสรภาพจากสหรัฐอเมริกาอย่างแท้จริง ในด้านการป้องกันประเทศ

ในการรวบรวมเสียงข้างมาก เมิร์ซอาจพยายามทาบทามพรรคโซเชียลเดโมแครตของโอลาฟ ชอลซ์ เป็นลำดับแรก แม้ว่าชอลซ์น่าจะวางมือ หลังแถลงขอโทษสำหรับความพ่ายแพ้อย่างขมขื่นของพรรค

หรือเมิร์ซอาจไปทาบทามพรรคกรีน ซึ่งได้คะแนน 12% และอยู่ในลำดับสี่

อีกหนึ่งพันธมิตรที่เป็นไปได้คือพรรค FDP ซึ่งเป็นพรรคเล็กๆ ที่จุดชนวนให้เกิดการแตกแยกในรัฐบาลของชอลซ์เมื่อปลายปีที่แล้ว และกำลังเผชิญหน้ากับการกลับเข้าสู่รัฐสภาด้วยคะแนนเสียง 5%

พรรคขวาจัด AfD นั้นได้รับการสนับสนุนจากทีมงานของทรัมป์ โดยมหาเศรษฐีอย่างอีลอน มัสก์ยกย่องว่าเป็นพรรคการเมืองเดียวที่สามารถ "ช่วยเยอรมนี" ได้ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจสำหรับการเมืองเยอรมนี

เมิร์ซกล่าวว่า "การแทรกแซงจากวอชิงตันนั้นไม่รุนแรงและไม่น่าห่วงเท่ากับการแทรกแซงจากมอสโก ดังนั้นเราจึงอยู่ภายใต้แรงกดดันอย่างหนักจากสองฝ่าย"

พรรค AfD ซึ่งแข็งแกร่งที่สุดในพื้นที่อดีตคอมมิวนิสต์ตะวันออก ยังได้รับชัยชนะในรัฐทางตะวันตกด้วยผลงานที่ดีที่สุดเป็นประวัติการณ์ หลังจากที่เยอรมนีต้องตกตะลึงกับเหตุการณ์โจมตีนองเลือดหลายครั้งและกล่าวโทษว่าเกิดจากผู้อพยพ

ในเดือนธันวาคม เหตุการณ์ขับรถพุ่งชนฝูงชนในตลาดคริสต์มาส ทำให้มีผู้เสียชีวิต 6 รายและบาดเจ็บอีกหลายร้อยคน

เหตุการณ์แทงเด็กอนุบาล ตามมาด้วยเหตุการณ์ขับรถพุ่งชนอีกครั้งในมิวนิก และเหตุการณ์ใช้อาวุธมีดโจมตีอนุสรณ์สถานฮอโลคอสต์ในเบอร์ลิน ล้วนแล้วแต่ผูกโยงกับปัญหาของผู้อพยพทั้งสิ้น

เมิร์ซเตือนว่ารัฐบาลชุดต่อไปจะต้องจัดการกับความกังวลเกี่ยวกับปัญหาการอพยพ และแก้ไขเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ไปพร้อมๆกัน ไม่เช่นนั้นฝ่ายขวาจัดอาจชนะการเลือกตั้งในครั้งหน้าก็เป็นได้.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เตหะรานเรียกทูตเยอรมันเข้าพบ หลังเมิร์ซลั่นเรื่อง 'งานสกปรก'

ภายหลังนายกรัฐมนตรีฟรีดริช เมิร์ซของเยอรมนี ออกแถลงการณ์ว่า อิสราเอลกำลัง “ทำงานสกปรก” ในอิหร่านเพื่อคนอื่นๆ อิหร่านจึงเรีย

ท่าทีของเยอรมนี หลังการประชุมสุดยอด G7

กลุ่มประเทศ G7 ต้องการเพิ่มแรงกดดันต่อรัสเซีย เพื่อโน้มน้าวเครมลินให้เจรจายุติสงครามในยูเครน ในการประชุมสุดยอด G7 ที่เมืองคานานาสกิส ประเทศ

นายกฯเยอรมนี เอาใจ 'ทรัมป์' ด้วยของขวัญเซอร์ไพรส์

นายกรัฐมนตรีฟรีดริช เมิร์ซเองก็รู้สึกตื่นเต้นกับของขวัญที่เขามอบให้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ นั่นคือสำเนาใบสูติบัตรเยอรมันของฟรีดริช-ปู่ขอ