โดนัลด์ ทรัมป์ประกาศจัดเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์ 25% และจะออกมาตรการภาษีการค้าเพิ่มเติมในสัปดาห์หน้า ขณะที่ประเทศคู่ค้าโวยหนักพร้อมตอบโต้
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ แสดงคำสั่งฝ่ายบริหารที่เขาลงนามเพื่อประกาศจัดเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ 25% ที่ห้องทำงานรูปไข่ของทำเนียบขาว ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมื่อวันที่ 26 มีนาคม (Photo by Mandel NGAN / AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 27 มีนาคม 2568 กล่าวว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ประกาศจัดเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์ในอัตรา 25% จนคู่ค้าหลายประเทศส่งเสียงประท้วงพร้อมเตรียมมาตรการตอบโต้
ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทร่วงลงก่อนที่ทรัมป์จะประกาศมาตรการดังกล่าวในช่วงบ่ายวันพุธ ขณะที่หุ้นของบริษัทโตโยต้าซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์ที่มียอดขายสูงสุดของโลก ร่วงลงมากกว่า 3%
นายกรัฐมนตรีชิเงรุ อิชิบะ ของญี่ปุ่นกล่าวว่า รัฐบาลของเขากำลังพิจารณาใช้มาตรการตอบโต้ทุกรูปแบบ ในขณะที่นายกรัฐมนตรีมาร์ก คาร์นีย์ ของแคนาดาประณามการขึ้นภาษีของทรัมป์ว่าเป็นการโจมตีซึ่งหน้าต่อภาคแรงงานแคนาดา
ประธานาธิบดีลูอิซ อินาซิโอ ลูลา ดา ซิลวา ของบราซิลกล่าวเช่นกันว่า ประเทศของเขาไม่สามารถนิ่งเฉยในการตอบสนองต่อการเก็บภาษีดังกล่าว
ทรัมป์กล่าวขณะลงนามคำสั่งในห้องทำงานรูปไข่ว่า "สิ่งที่เราจะทำคือการจัดเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ 25% จากรถยนต์ทั้งหมดที่ไม่ได้ผลิตในสหรัฐฯ"
ภาษีดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ในเวลา 00.01 น. ตามเวลาท้องถิ่น ของวันที่ 3 เมษายน และจะมีผลต่อรถยนต์และรถบรรทุกขนาดเบาที่ผลิตในต่างประเทศ เช่นเดียวกับชิ้นส่วนรถยนต์
ทรัมป์ขู่แคนาดาและสหภาพยุโรปว่าจะตอบโต้ด้วยมาตรการภาษีศุลกากรในระดับเข้มข้นซึ่งสูงกว่าที่วางแผนไว้ในปัจจุบันมาก หากทั้งสองร่วมมือกันก่อให้เกิดอันตรายทางเศรษฐกิจแก่สหรัฐฯ
หลังการแถลงของทรัมป์ ปีเตอร์ นาวาร์โร ที่ปรึกษาอาวุโสด้านการค้าและการผลิตของเขาได้กล่าวโจมตี "ผู้โกงการค้าต่างประเทศ" ที่ได้เปลี่ยนภาคการผลิตของอเมริกาให้กลายเป็น "โรงงานประกอบชิ้นส่วนต่างประเทศที่มีค่าจ้างต่ำ"
เขาเล็งเป้าไปที่เยอรมนีและญี่ปุ่นที่สงวนการสร้างชิ้นส่วนที่มีมูลค่าสูงไว้แต่ในประเทศของตน
แต่การจัดเก็บภาษีของรัฐบาลวอชิงตันดูเหมือนจะทำให้เกิดความประหลาดใจแก่คนใกล้ตัว รวมถึงจากอีลอน มัสก์ พันธมิตรของทรัมป์และเจ้าของเทสลา ที่กล่าวว่ามาตรการนี้จะส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตรถยนต์ของบริษัทเขา
"เพื่อให้ชัดเจนขึ้น เรื่องนี้จะส่งผลต่อราคาชิ้นส่วนนำเข้าจากต่างประเทศ และจะกระทบต่อต้นทุนการผลิตของเทสลาไม่ใช่น้อย" เขาโพสต์ผ่านโซเชียลมีเดีย
สมาคมผู้ผลิตรถยนต์แห่งอเมริกา (Ameri-American Automakers) ระบุในแถลงการณ์เมื่อวันพุธว่า ภาษีศุลกากรของทรัมป์จะต้องถูกดำเนินการในลักษณะที่หลีกเลี่ยงการขึ้นราคาสำหรับผู้บริโภค และรักษาความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมไว้
นับตั้งแต่เริ่มดำรงตำแหน่งวาระที่สองในเดือนมกราคม ทรัมป์ได้กำหนดภาษีนำเข้าสินค้าจากแคนาดา, เม็กซิโก และจีน ซึ่งเป็นพันธมิตรทางการค้ารายใหญ่ของสหรัฐฯ นอกเหนือไปจากการขึ้นภาษีเหล็กกล้าและอลูมิเนียม 25%
โดยอัตราล่าสุดจะเป็นการเรียกเก็บเพิ่มเติมจากอัตราที่มีอยู่แล้วสำหรับผลิตภัณฑ์
อย่างไรก็ตาม ทำเนียบขาวกล่าวเสริมว่า รถยนต์ที่เข้าร่วมภายใต้ข้อตกลงสหรัฐฯ, เม็กซิโก และแคนาดา (USMCA) อาจมีสิทธิ์ได้รับอัตราภาษีที่ต่ำลงได้ ขึ้นอยู่กับข้อตกลงในแต่ละบริบท
ในทำนองเดียวกัน ชิ้นส่วนรถยนต์ที่สอดคล้องกับ USMCA จะยังคงปลอดภาษี เนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้กำหนดกระบวนการให้ครอบคลุมเฉพาะผลิตภัณฑ์จากต่างภูมิภาค
ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับแผนการค้าและความกังวลของทรัมป์อาจกระตุ้นให้เกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ, ส่งผลให้ตลาดการเงินปั่นป่วน และความมั่นใจของผู้บริโภคก็ลดลงในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาเช่นกัน
ทรัมป์ปกป้องมาตรการเก็บภาษีดังกล่าว เพราะต้องการให้เป็นช่องทางในการเพิ่มรายได้ของรัฐบาลและฟื้นฟูอุตสาหกรรมของอเมริกา
แต่การกำหนดเป้าหมายรถยนต์นำเข้าอาจทำให้ความสัมพันธ์ตึงเครียดกับพันธมิตรใกล้ชิดเช่น ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, แคนาดา, เม็กซิโก และเยอรมนี
เวนดี คัตเลอร์ รองประธานสถาบัน 'Asia Society Policy Institute' และอดีตผู้เจรจาการค้าของสหรัฐฯ กล่าวว่า "การกำหนดภาษีนำเข้ารถยนต์ 25% จะส่งผลกระทบร้ายแรงต่อพันธมิตรการค้าที่ใกล้ชิดของเราหลายราย"
ทั้งนี้ ประมาณ 50% ของรถยนต์ที่ขายในสหรัฐอเมริกาถูกผลิตภายในประเทศ ขณะที่การนำเข้าประมาณครึ่งหนึ่งมาจากเม็กซิโกและแคนาดา โดยมีญี่ปุ่น, เกาหลีใต้ และเยอรมนีเป็นซัพพลายเออร์หลักเช่นกัน ส่วนรถยนต์ที่ผลิตในสหรัฐฯ มากกว่าครึ่งหนึ่งก็ประกอบจากชิ้นส่วนจากต่างประเทศ
'American Automotive Policy Council' ซึ่งเป็นตัวแทนของผู้ผลิตรถยนต์สามรายใหญ่ของเมืองดีทรอยต์ ได้แก่ Ford, General Motors และ Stellantis ได้ออกแถลงการณ์เกี่ยวกับมาตรการภาษีศุลกากรฉบับนี้อย่างระมัดระวัง และหวังว่านโยบายดังกล่าวจะช่วยกระตุ้นการผลิตรถยนต์ของสหรัฐฯ พร้อมเน้นย้ำว่าสิ่งสำคัญคือต้องดำเนินการภาษีในลักษณะที่หลีกเลี่ยงการขึ้นราคาสำหรับผู้บริโภค
ก่อนหน้านี้ศูนย์วิจัยยานยนต์เคยประมาณการว่าภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ซึ่งรวมถึงภาษีที่เรียกเก็บกับโลหะและรถยนต์นำเข้า อาจทำให้ราคาของรถยนต์เพิ่มขึ้นหลายพันดอลลาร์ และส่งผลกระทบต่อตลาดงาน
นอกจากอุตสาหกรรมยานยนต์แล้ว ทรัมป์ยังกำลังจับตาดูภาษีศุลกากรเฉพาะภาคส่วน เช่น สินค้าเวชภัณฑ์, เซมิคอนดักเตอร์ และไม้
ความเคลื่อนไหวล่าสุดนี้เกิดขึ้นก่อนที่ทรัมป์จะประกาศ "วันปลดปล่อยอเมริกา" ในวันที่ 2 เมษายน
เขาได้สัญญาว่าจะเรียกเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้โดยปรับให้เหมาะสมกับหุ้นส่วนทางการค้ารายอื่น เพื่อแก้ไขการปฏิบัติที่เขาเห็นว่าไม่ยุติธรรมต่อสหรัฐฯ และภาษีเหล่านี้จะส่งผลกระทบต่อทุกประเทศ
แม้ว่าทรัมป์จะใช้พลังอำนาจทางเศรษฐกิจในสถานการณ์ฉุกเฉินเพื่อเรียกเก็บภาษีนำเข้าบางส่วน แต่การจัดเก็บภาษีรถยนต์ของเขาก็มีพื้นฐานมาจากผลวิจัยของรัฐบาลที่เสร็จสิ้นในปี 2019 ซึ่งระบุว่าการนำเข้าที่มากเกินไปทำให้เศรษฐกิจภายในประเทศอ่อนแอลงและอาจกระทบต่อความมั่นคงของชาติ.
