จีนไม่จบ ทบภาษีสู้อเมริกาอัตราเดียวกัน 125%

จีนประกาศว่าจะขึ้นภาษีสินค้าจากสหรัฐฯ เป็น 125% และจะเพิกเฉยต่อการเพิ่มตัวเลขภาษีของโดนัลด์ ทรัมป์ต่อจากนี้ เนื่องจากมองว่าเป็นแค่เกมขู่รายวันโดยไม่ได้มีพื้นฐานทางเศรษฐกิจ

 

ประธานาธิบดีสีจิ้นผิง ของจีน และประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ (Photo by Andres MARTINEZ CASARES and SAUL LOEB / various sources / AFP)

เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันศุกร์ที่ 11 เมษายน 2568 กล่าวว่า รัฐบาลปักกิ่งเตรียมขึ้นภาษีสินค้าจากสหรัฐฯเป็น 125% ให้เท่ากับที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เรียกเก็บจากสินค้าจีน เพื่อเป็นการตอบโต้ในสิ่งที่เรียกว่าการข่มขู่ทางเศรษฐกิจ

หลังจากตลาดเกิดความวุ่นวายมาหนึ่งสัปดาห์เมื่อสองประเทศขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลกผลัดกันสร้างกำแพงภาษีต่อกันและกัน ล่าสุดจีนปัดความพยายามที่จะใส่ใจตัวเลขภาษีก่อกวนของทรัมป์ เพราะมองว่าเป็นเรื่องน่าขันของเกมเพิ่มตัวเลขเพื่อเอาชนะกันโดยไม่มีความเกี่ยวพันกับสภาวะเศรษฐกิจที่แท้จริง

จีนกล่าวหาทรัมป์ว่าทำให้เกิดความปั่นป่วนในตลาดด้วยการจัดเก็บภาษีศุลกากรครั้งใหญ่ที่ส่งผลกระทบต่อการค้าโลก และกล่าวว่าสหรัฐฯควรรับผิดชอบทั้งหมดสำหรับความโกลาหลดังกล่าว

ทรัมป์ได้จัดเก็บภาษีศุลกากรครั้งใหญ่ รวมถึงการขึ้นภาษีตอบโต้ต่อคู่ค้าหลักหลายสิบประเทศ เพื่อบังคับทางอ้อมให้ผู้ผลิตมาตั้งฐานการผลิตในสหรัฐฯ และเพื่อให้ประเทศต่างๆ ลดกำแพงภาษีศุลกากรต่อสินค้าสหรัฐฯ

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ตลาดเกิดความวุ่นวายในสัปดาห์นี้ เขาก็เริ่มที่จะผลักดันการปฏิรูประบบการค้าโลกหลังสงคราม และระงับการขึ้นภาษีหลายรายการเป็นเวลา 90 วัน แม้ว่าเขาจะขึ้นภาษีสำหรับจีนโดยรวมเป็นจำนวนมหาศาลถึง 145% ก็ตาม

การตอบโต้รอบล่าสุดของรัฐบาลปักกิ่งทำให้กำแพงภาษีของจีนต่อสหรัฐเพิ่มขึ้นเป็น 125% โดยจะมีผลในวันที่ 12 เมษายน

แต่กระทรวงการคลังของจีนกล่าวว่า จีนจะไม่สนใจการดำเนินการใดๆของสหรัฐฯเพิ่มเติมต่อจากนี้อีกแล้ว เนื่องจากในระดับภาษีปัจจุบัน ไม่มีความเป็นไปได้ที่สินค้าของสหรัฐฯ ที่ส่งออกมายังจีน จะได้รับการยอมรับจากตลาด

กระทรวงพาณิชย์ของจีนกล่าวว่า "การที่สหรัฐฯ ขึ้นภาษีจีนในอัตราที่สูงผิดปกติหลายรอบนั้นกลายเป็นเกมตัวเลขที่ไม่มีความสำคัญเชิงปฏิบัติในทางเศรษฐกิจ"

โฆษกของรัฐบาลปักกิ่งกล่าวว่า "หากสหรัฐฯ ยังคงเล่นเกมภาษีตัวเลขต่อไป จีนก็จะไม่สนใจอีกแล้ว" และเสริมว่า "จีนจะยื่นฟ้ององค์การการค้าโลกเกี่ยวกับการกำหนดภาษีอย่างไร้ระบบรอบล่าสุดนี้"

โดนัลด์ ทรัมป์ยอมรับว่า การเปลี่ยนผ่านและปัญหาที่อาจเกิดตามมาจากกลยุทธ์ภาษีของเขานั้นมีต้นทุนและความเสี่ยง ถึงกระนั้นเขาก็ไม่สนใจความวุ่นวายใดๆในตลาดโลก เพราะท้ายที่สุดแล้วน่าจะมีบทสรุปที่สวยงาม

เขากล่าวถึงสหภาพยุโรปว่าฉลาดมาก ที่งดเว้นการเรียกเก็บภาษีตอบโต้

"สหภาพยุโรปพร้อมที่จะประกาศการตอบโต้ แต่พอพวกเขาได้ยินเกี่ยวกับสิ่งที่เราทำกับจีน ทุกอย่างจึงสงบนิ่ง" ทรัมป์กล่าว

แต่ประธานสหภาพยุโรปที่มีสมาชิก 27 ประเทศ กล่าวว่าสหภาพยุโรปยังคงมีมาตรการตอบโต้ที่หลากหลาย หากการเจรจากับทรัมป์ไม่ประสบผลสำเร็จ

"ตัวอย่างเช่น เราสามารถเรียกเก็บภาษีจากรายได้โฆษณาของบริการดิจิทัล ซึ่งจะบังคับใช้ทั่วทั้งสหภาพยุโรป" ประธานสหภาพยุโรปกล่าว

ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศสเรียกร้องให้สหภาพยุโรปเตรียมการดำเนินการเพื่อตอบโต้ภาษีศุลกากรต่อไป โดยสถานะปัจจุบันคือถูกระงับไว้ แต่ยังไม่ถูกยกเลิก

"คณะกรรมาธิการยุโรปต้องแสดงให้เห็นว่าเราเข้มแข็ง ยุโรปต้องทำงานต่อไปในมาตรการตอบโต้ที่จำเป็นทั้งหมด" เขากล่าวผ่านโซเชียลมึเดีย

ในการเจรจากับนายกรัฐมนตรีเปโดร ซานเชซ ของสเปนเมื่อวันศุกร์ สื่อของรัฐอ้างคำพูดของสี จิ้นผิงที่กล่าวว่าจีนและสหภาพยุโรปควรร่วมมือกันในประเด็นนี้

"จีนและยุโรปควรปฏิบัติตามความรับผิดชอบระหว่างประเทศของตน และร่วมกันต่อต้านการกลั่นแกล้งฝ่ายเดียว" ผู้นำจีนกล่าว

เขาย้ำว่าสิ่งนี้ไม่เพียงแต่จะปกป้องสิทธิและผลประโยชน์อันชอบธรรมของตนเองเท่านั้น แต่ยังปกป้องความยุติธรรมและความเป็นธรรมในระดับนานาชาติด้วย

ขณะเดียวกัน ทรัมป์ได้เตือนว่าการขึ้นภาษีอาจกลับมาอีกครั้งหลังครบ 90 วัน

"หากเราไม่สามารถบรรลุข้อตกลงที่เราต้องการได้ เราก็จะกลับไปที่เดิม" เขากล่าว

นายกรัฐมนตรีมาร์ก คาร์นีย์ ของแคนาดากล่าวว่า การกลับลำของทรัมป์ถือเป็นการผ่อนปรนที่น่ายินดี และเสริมว่ารัฐบาลออตตาวาจะเริ่มเจรจากับวอชิงตันเกี่ยวกับข้อตกลงทางเศรษฐกิจฉบับใหม่หลังการเลือกตั้งในวันที่ 28 เมษายน

เวียดนามกล่าวว่าได้ตกลงกับสหรัฐฯ ที่จะเริ่มเจรจาการค้า ขณะที่ปากีสถานกำลังส่งคณะผู้แทนไปยังวอชิงตัน

ในสัปดาห์หน้า ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงจะเดินทางไปยังเวียดนาม, มาเลเซีย และกัมพูชาซึ่งเจอกำแพงภาษีระดับสูงเช่นกัน เพื่อเริ่มหาพันธมิตรในการต่อต้านสงครามการค้าของทรัมป์.

เพิ่มเพื่อน