
(Photo by Kayla Bartkowski / GETTY IMAGES NORTH AMERICA / Getty Images via AFP)
เวียดนาม, ญี่ปุ่น และไต้หวัน ซึ่งเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ของเอเชีย เป็นกลุ่มเศรษฐกิจกลุ่มแรกๆ ที่เปิดการเจรจากับรัฐบาลวอชิงตันเกี่ยวกับภาษีศุลกากรครั้งใหญ่ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โดยเร่งใช้ประโยชน์จากช่วงเวลาผ่อนผัน 90 วันต่อจากนี้ โดยปราศจากจีนซึ่งเผชิญกับการเก็บภาษีโดยรวมสูงถึง 145% จากสินค้าหลายรายการและไม่ได้รวมอยู่ในระยะพักการขึ้นภาษีดังกล่าว
- เวียดนาม -
เวียดนามเร่งเปิดการเจรจาก่อนที่ทรัมป์ประกาศเมื่อวันที่ 9 เมษายนว่าจะระงับภาษีศุลกากรเสียอีก
รองนายกรัฐมนตรีเวียดนามอยู่ที่วอชิงตันหลายวัน โดยได้หารือกับจามีสัน กรีเออร์ ซึ่งเป็นผู้แทนการค้าของสหรัฐฯ
รัฐบาลฮานอยซึ่งถูกคุกคามด้วยภาษีนำเข้า 46% กล่าวว่าต้องการซื้อสินค้าของสหรัฐฯ เพิ่มเติม รวมถึงอุปกรณ์ป้องกันประเทศ
มหาอำนาจด้านการผลิตของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีดุลการค้ากับสหรัฐฯ มากเป็นอันดับ 4 โดยอยู่ที่ 123,500 ล้านดอลลาร์ในปี 2567
เพื่อบรรลุข้อตกลง รัฐบาลฮานอยอาจต้องเอาชนะข้อสงสัยของรัฐบาลวอชิงตันที่ว่าเวียดนามกำลังช่วยจีนหลีกเลี่ยงภาษีศุลกากรของสหรัฐฯอยู่หรือไม่
- ญี่ปุ่น -
เมื่อวันที่ 16 เมษายน เรียวเซอิ อากาซาวะ ผู้แทนเจรจาของญี่ปุ่น ได้พบกับโดนัลด์ ทรัมป์, จามีสัน กรีเออร์ และสก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ที่วอชิงตัน แต่ไม่มีความคืบหน้าใดๆ อย่างเป็นรูปธรรม
การประชุมครั้งที่สองมีกำหนดในช่วงปลายเดือนเมษายน
"การหารือที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอาจจะไม่ง่าย แต่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ แสดงความเต็มใจที่จะให้ความสำคัญสูงสุดกับการเจรจากับญี่ปุ่น" นายกรัฐมนตรีชิเงรุ อิชิบะกล่าว และเสริมว่าเขาพร้อมที่จะพบกับทรัมป์ด้วยตัวเอง
ญี่ปุ่นซึ่งเป็นพันธมิตรใกล้ชิดของรัฐบาลวอชิงตันและเป็นแหล่งลงทุนต่างประเทศชั้นนำของสหรัฐฯ เผชิญกับภาษีนำเข้าเพิ่มเติม 24% สำหรับสินค้าส่งออกของตน รวมถึงภาษีรถยนต์ 25% ที่กำหนดไว้ก่อนหน้าแล้ว
โดยปีที่แล้ว การส่งออกรถยนต์ของญี่ปุ่นไปยังสหรัฐฯคิดเป็นประมาณ 28%
- ไต้หวัน -
ไต้หวันกล่าวว่าได้จัดการประชุมทางวิดีโอครั้งแรกกับเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เมื่อวันที่ 11 เมษายน
ประธานาธิบดีไล่ ชิงเต๋อกล่าวว่า ไต้หวันซึ่งหวังจะปกป้องผู้ส่งออกของตนจากภาษีสูงถึง 35% อยู่ในรายชื่อการเจรจาช่วงแรกของรัฐบาลสหรัฐฯ
สหรัฐฯเป็นผู้ค้ำประกันหลักด้านความปลอดภัยของไต้หวันจากการคุกคามของจีน ทรัมป์จึงไม่ลังเลที่จะเชื่อมโยงความสัมพันธ์ด้านความมั่นคงของวอชิงตันกับไทเปเข้ากับประเด็นการค้า
สินค้าเทคโนโลยีที่ส่งออกไปสหรัฐฯ ประมาณ 60% เช่น เซมิคอนดักเตอร์ จนถึงขณะนี้ยังได้รับการยกเว้นภาษีนำเข้า แต่แรงกดดันจากคำขู่ว่าจะเรียกเก็บภาษีเพิ่มสำหรับสินค้าประเภทนี้ทำให้บริษัท TSMC ผู้ผลิตชิปชั้นนำของไต้หวันได้เปิดเผยแผนการลงทุนเพิ่มเติมอีก 100,000 ล้านดอลลาร์ในสหรัฐฯ
- เกาหลีใต้ -
รัฐบาลโซลได้ประกาศให้ความช่วยเหลือมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์แก่บริษัทเซมิคอนดักเตอร์และรถยนต์ เพื่อเป็นกันชนในการรับมือกับภาษีนำเข้าของทรัมป์
อย่างไรก็ตาม เกาหลีใต้ยังคาดหวังให้มีการเจรจากัน โดยรัฐมนตรีคลังโซลและวอชิงตันจะพบกันในสัปดาห์หน้า
ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์ของเกาหลีใต้ประเมินว่ารัฐบาลโซลจะต้องขยายการค้าที่เน้นไปยังสหรัฐฯ และลดการพึ่งพาการส่งออกไปยังจีนให้เหลือต่ำกว่าครึ่งหนึ่งของระดับปัจจุบัน เพื่อเอาใจทรัมป์
- อินโดนีเซียและไทย -
รัฐมนตรีเศรษฐกิจอินโดนีเซียเป็นผู้นำคณะผู้แทนการค้าไปยังสหรัฐฯ และจะใข้เวลาที่นั่นราว 1 สัปดาห์
รัฐบาลจาการ์ตาซึ่งเสี่ยงต่อการถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้า 32% มีแผนจะเพิ่มการซื้อสินค้าของสหรัฐฯ เช่น ไฮโดรคาร์บอน เพื่อลดส่วนเกินดุล 17,900 ล้านดอลลาร์กับรัฐบาลวอชิงตัน
ขณะที่รัฐมนตรีคลังของไทยจะเดินทางไปวอชิงตันในสัปดาห์นี้และพร้อมให้คำมั่นว่าจะซื้อสินค้าเกษตรและพลังงานของสหรัฐฯ มากขึ้น
นายกรัฐมนตรีของไทยกล่าวว่า รัฐบาลเตรียมข้อเสนอที่แข็งแกร่งพอที่รัฐมนตรีคลังจะใช้ในระหว่างการเจรจาวันที่ 23 เมษายนนี้
- สิงคโปร์และออสเตรเลีย -
รองนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์กล่าวว่า เขาได้พูดคุยกับผู้แทนการค้าของสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 15 เมษายน เพื่ออธิบายถึงสถานะพิเศษของนครรัฐแห่งนี้ในฐานะประเทศเศรษฐกิจเปิดขนาดเล็ก
"เราเพียงแค่ต้องอธิบายเรื่องนี้และอธิบายต่อไป และหวังว่าสหรัฐฯ จะเข้าใจสถานการณ์ของเราดีขึ้น เพราะเราเองมีดุลการค้าขาดดุลกับสหรัฐฯ" รองนายกฯสิงคโปร์กล่าว
ขณะที่นายกรัฐมนตรีออสเตรเลียกล่าวว่า รัฐบาลของเขาได้ส่งข้อเสนอต่อสหรัฐฯแล้ว และจะใช้วิธีการทางการทูตมากกว่าตอบโต้ เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของชาติที่เผชิญกับภาษีนำเข้า 10%.