จีนพร้อมเปิดประตูเจรจาการค้า หลังจากทรัมป์ส่งสัญญาณบรรเทาสงครามภาษีศุลกากร

จีนยืนยันว่าพร้อมเปิดประตูสู่การเจรจาการค้ากับสหรัฐ หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ส่งสัญญาณลดระดับความขึงขังในการเก็บภาษีศุลกากร

(Photo by Pedro Pardo / AFP)

เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันพุธที่ 23 เมษายน 2568 กล่าวว่า สงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีนมีแนวโน้มดุเดือดลดลง เมื่อประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แบะท่าว่าจะไม่เล่นงานสินค้าจีนด้วยการเรียกเก็บภาษีศุลกากรเต็มอัตราอย่างที่เคยประกาศก่อนหน้านี้

นับตั้งแต่กลับเข้าทำเนียบขาวเมื่อเดือนมกราคม ทรัมป์ได้กำหนดภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนโดยรวมเพิ่มขึ้น 145% ซึ่งรวมถึงภาษีที่เรียกเก็บจากบทบาทของจีนในห่วงโซ่อุปทานเฟนทานิล และภาษีที่เรียกเก็บจากการปฏิบัติที่รัฐบาลวอชิงตันเห็นว่าเอาเปรียบ

จีนตอบโต้ทรัมป์ด้วยการกำหนดภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ สูงถึง 125% แต่ล่าสุดรัฐบาลปักกิ่งยืนยันอีกครั้งว่ายังยินดีที่จะเข้าร่วมการเจรจาการค้ากับสหรัฐ

โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีนกล่าวในการแถลงข่าวประจำวันในกรุงปักกิ่งว่า "จีนได้ชี้ให้เห็นตั้งแต่เนิ่นๆ แล้วว่าสงครามภาษีและสงครามการค้าจะไม่มีผู้ชนะที่แท้จริง ดังนั้นประตูสู่การเจรจาจึงเปิดกว้างเสมอสำหรับผลประโยชน์ร่วมกัน"

ประธานาธิบดีสีจิ้นผิง ของจีนเตือนเช่นกันว่า สงครามการค้าจะบ่อนทำลายสิทธิและผลประโยชน์ที่ถูกต้องตามกฎหมายของทุกประเทศ, ทำร้ายระบบการค้าพหุภาคี และส่งผลกระทบต่อระเบียบเศรษฐกิจโลก

ทรัมป์ยอมรับว่าอัตราภาษี 145% นั้นเป็นระดับที่สูงเกินจริง และมีแนวโน้มว่าจะไปไม่ถึงจุดนั้นในทางปฏิบัติ ซึ่งรัฐบาลปักกิ่งย้ำประเด็นนี้ว่า "พวกเขา (สหรัฐฯ) จะไม่มีทางเข้าใกล้ตัวเลขนั้น แต่แน่นอนว่ามันจะไม่มีทางเป็นเลขศูนย์"

"ท้ายที่สุดแล้วพวกเขาต้องทำข้อตกลง เพราะไม่เช่นนั้นพวกเขาจะไม่สามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจในประเทศให้เติบโตได้" กระทรวงต่างประเทศจีนกล่าว

ความคิดเห็นดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐกล่าวยอมรับมื่อวันอังคารว่า การเรียกเก็บภาษีศุลกากรในระดับดังกล่าวเท่ากับเป็นการคว่ำบาตรทางการค้าแบบตอบแทน โดยเขาเองก็คาดว่าจะมีการลดระดับความตึงเครียดในอนาคตอันใกล้นี้ ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวน่าจะช่วยบรรเทาความกังวลของตลาดโลกลงได้บ้าง

เบสเซนต์กล่าวว่ายังมีสิ่งที่ต้องทำอีกมากมายกับจีน และอธิบายให้เห็นถึงความจำเป็นของการค้าที่เป็นธรรมและเชื่อว่าจีนจำเป็นต้องสร้างสมดุลใหม่ให้กับเศรษฐกิจของตน

รัฐมนตรีคลังเน้นย้ำว่าเป้าหมายไม่ใช่การแยกตัวจากจีน โดยสังเกตว่าการจองตู้คอนเทนเนอร์ระหว่างทั้งสองประเทศลดลงเมื่อเร็วๆ นี้ เนื่องจากความตึงเครียดด้านการค้าทวีความรุนแรงขึ้น

นอกจากนี้ โดนัลด์ ทรัมป์กล่าวด้วยว่าไม่มีความตั้งใจที่จะปลดเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ ออกจากตำแหน่ง เพื่อบรรเทาความวิตกของตลาดโลกที่หวาดกลัวต่อนโยบายการค้าที่ก้าวร้าวของเขา โดยคำวิจารณ์ล่าสุดของทรัมป์ต่อพาวเวลล์ทำให้เกิดความกลัวว่าเขาจะถูกแทรกแซงและหลุดจากตำแหน่ง จนส่งผลให้ตลาดโลกเกิดความวิตกกังวลมากขึ้นไปอีก

สมาชิกพรรครีพับลิกันวิพากษ์วิจารณ์พาวเวลล์ที่ออกมาเตือนว่านโยบายภาษีศุลกากรแบบครอบคลุมของทำเนียบขาวอาจทำให้เงินเฟ้อกลับมาพุ่งสูงขึ้นอีกครั้ง

"ผมไม่มีความตั้งใจที่จะไล่เขาออก ผมแค่อยากให้เขาแสดงท่าทีกระตือรือร้นมากขึ้นในแง่ของแนวคิดในการลดอัตราดอกเบี้ย เพราะนี่คือช่วงเวลาที่เหมาะสมในการลดอัตราดอกเบี้ย แต่ถ้าเขาไม่ทำจะเป็นอันจบเห่หรือเปล่า คำตอบคือไม่" ทรัมป์กล่าวเมื่อวันอังคาร

รัฐมนตรีคลังระดับโลกและเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางจะหารือกันที่วอชิงตันสัปดาห์นี้ และทุกฝ่ายกำลังจับตาดูความคืบหน้าของการเจรจาการค้า ขณะที่ประเทศต่างๆ เผชิญปัญหาภาษีศุลกากรใหม่ของทรัมป์

เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา หวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศจีนได้โทรศัพท์หารือกับรัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษและออสเตรีย โดยเรียกร้องให้อังกฤษและสหภาพยุโรปร่วมมือกับรัฐบาลปักกิ่งในการปกป้องการค้าระหว่างประเทศ

ขณะที่ญี่ปุ่นเตรียมลุ้นการเยือนวอชิงตันครั้งที่สองของเรียวเซอิ อากาซาวะ ผู้แทนการค้าของตนในสัปดาห์หน้า โดยสื่อท้องถิ่นรายงานว่ารัฐบาลโตเกียวเตรียมพิจารณาผ่อนปรนมาตรการบางอย่างเพื่อบรรเทาความตึงเครียดและช่วยให้การต่อรองกับทรัมป์ง่ายขึ้น.

เพิ่มเพื่อน