คาร์นีย์ย้ำหนักแน่นว่าแคนาดาไม่ได้มีไว้ขาย ในการพบปะกับทรัมป์ที่ทำเนียบขาว

นายกรัฐมนตรีแคนาดาบอกกับประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในการพบกันที่ทำเนียบขาวว่าประเทศของเขาไม่ได้มีไว้ขาย ท่ามกลางความตึงเครียดเรื่องภาษีศุลกากรและอำนาจอธิปไตย

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ จับมือกับนายกรัฐมนตรีมาร์ก คาร์นีย์ ของแคนาดา (ซ้าย) ที่ห้องทำงานรูปไข่ของทำเนียบขาว ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม (Photo by Jim WATSON / AFP)

เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันพุธที่ 7 พฤษภาคม 2568 กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีมาร์ก คาร์นีย์ ของแคนาดาเดินทางเยือนทำเนียบขาวอย่างเป็นทางการครั้งแรก โดยมีประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯให้การต้อนรับและร่วมพูดคุย

ที่ห้องทำงานรูปไข่ ทรัมป์ยืนกรานกับคาร์นีย์ผู้ได้รับเลือกตั้งเมื่อไม่นานนี้ว่าจะเป็น "การจับคู่ที่แสนวิเศษ" หากแคนาดายอมรับการเรียกร้องซ้ำแล้วซ้ำเล่าของเขาในการผนวกเป็นรัฐที่ 51 ของสหรัฐฯ

แต่คาร์นีย์ได้ขอให้ทรัมป์หยุดเรียกร้องให้แคนาดาเข้าร่วมกับสหรัฐฯ

"อย่างที่ทราบกันดีจากวงการอสังหาริมทรัพย์ มีสถานที่บางแห่งที่ไม่เคยมีไว้ขาย" คาร์นีย์กล่าวกับทรัมป์ซึ่งเป็นเจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์ โดยเปรียบเทียบประเทศแคนาดากับห้องทำงานรูปไข่และพระราชวังบักกิงแฮมของอังกฤษ

"หลังจากได้พบปะกับเจ้าของแคนาดาตลอดช่วงการหาเสียงในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา เป็นที่แน่ชัดว่าแคนาดาไม่ได้มีไว้ขาย และจะไม่มีวันขายด้วย" คาร์นีย์กล่าว

จากนั้นทรัมป์ก็ตอบว่า "อย่าพูดว่าไม่มีวัน"

คาร์นีย์วัย 60 ปี ชนะการเลือกตั้งแคนาดาโดยให้คำมั่นว่าจะยืนหยัดต่อสู้กับทรัมป์ และเตือนว่าความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนบ้านในอเมริกาเหนือจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

ทรัมป์ได้จุดชนวนสงครามการค้าครั้งใหญ่กับแคนาดาด้วยภาษีศุลกากรของเขา ขณะเดียวกันก็เรียกร้องซ้ำแล้วซ้ำเล่าให้พันธมิตรนาโตและหุ้นส่วนการค้ารายใหญ่รายนี้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของสหรัฐฯ

ประธานาธิบดีสหรัฐฯ อ้างถึงการทะเลาะวิวาทที่ทำเนียบขาวกับโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครนในเดือนกุมภาพันธ์ และกล่าวยืนยันว่าจะไม่มีการทะเลาะวิวาทกับใครอีก

ทรัมป์กล่าวว่า "ถึงเราจะมีเรื่องขัดแย้งกันมากเพียงใด แต่การสนทนาครั้งนี้เป็นมิตรมาก"

หลังจากการประชุมสองชั่วโมง ผู้นำทั้งสองได้แสดงท่าทีในเชิงบวก

คาร์นีย์กล่าวในการแถลงข่าวว่าการเจรจาการค้านั้นซับซ้อน แต่การหารือสองชั่วโมงของเขากับทรัมป์นั้นสร้างสรรค์มาก

เมื่อถูกถามว่าทรัมป์พร้อมที่จะเลิกเก็บภาษีหรือไม่ในฐานะส่วนหนึ่งของข้อตกลง คาร์นีย์ตอบว่าทรัมป์ปรารถนาให้เกิดการเจรจาอย่างจริงจัง

ผู้นำแคนาดากล่าวเสริมว่าเขาได้ย้ำให้ทรัมป์หยุดเรียกร้องให้แคนาดาเป็นรัฐที่ 51 ได้แล้ว

คาร์นีย์กล่าวว่า "ผมบอกเขาว่าการพูดถึงเรื่องนี้ซ้ำๆ ไม่มีประโยชน์ แต่ประธานาธิบดีก็ยืนยันจะพูดในสิ่งที่เขาต้องการ"

ส่วนทรัมป์ตอบคำถามผู้สื่อข่าวว่า ไม่มีความตึงเครียดระหว่างการพบปะกับคาร์นีย์

"เราต้องการทำสิ่งที่ถูกต้องสำหรับประชาชนของเรา" ทรัมป์กล่าวโดยอ้างอิงภารกิจเกี่ยวกับฟุตบอลโลกปี 2026 ซึ่งสหรัฐอเมริกาจะเป็นเจ้าภาพร่วมกับแคนาดาและเม็กซิโก

การพบปะครั้งนี้เป็นที่รอคอยอย่างมากหลังจากการเลือกตั้งของแคนาดา ซึ่งคาร์นีย์ให้คำมั่นว่าสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นพันธมิตรทางการค้ารายใหญ่ที่สุดของแคนาดา จะไม่มีวันได้ครอบครองดินแดนแคนาดา

คาร์นีย์ให้คำมั่นว่าจะสร้างความสัมพันธ์ระหว่างแคนาดาซึ่งเป็นสมาชิกของนาโตกับสหรัฐอเมริกาขึ้นใหม่ ซึ่งอาจเป็นการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองและเศรษฐกิจครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2

ทรัมป์ได้กำหนดภาษีนำเข้าทั่วไปในอัตรา 25% ต่อประเทศแคนาดาและเม็กซิโก และกำหนดอัตราภาษีเฉพาะต่อการนำเข้ารถยนต์ ซึ่งบางรายการได้ถูกระงับไว้จนกว่าจะมีการเจรจากันต่อไป นอกจากนี้ เขายังกำหนดอัตราภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมในลักษณะเดียวกันอีกด้วย

เขายังกล่าวหาแคนาดาในวงกว้างว่า "ฉ้อโกง" สหรัฐอเมริกา และปฏิบัติต่อสหรัฐอเมริกาอย่างไม่เป็นธรรมในด้านการค้า ขณะเดียวกันก็เรียกร้องให้ทั้งแคนาดาและเม็กซิโกหยุดการเคลื่อนย้ายยาเฟนทานิลซึ่งเป็นยาเสพติดร้ายแรงข้ามพรมแดน.

เพิ่มเพื่อน