หุ้นเมตาร่วง 26% 'ซัคเคอร์เบิร์ก' รวยหด 2.9 หมื่นล้าน$

มูลค่าหุ้นของบริษัท เมตา เจ้าของเฟซบุ๊กและอินสตาแกรม ในการซื้อขายที่ตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กเมื่อวันพฤหัสบดีร่วงถึง 26% เป็นมูลค่ามากกว่า 200,000 ล้านดอลลาร์ หรือเท่ากับขนาดเศรษฐกิจของนิวซีแลนด์ และส่งผลให้ทรัพย์สินของมาร์ก ซัคเคอร์เบิร์ก ลดลงไปด้วย 2.9 หมื่นล้านดอลลาร์ในวันเดียว

รายงานรอยเตอร์และเอเอฟพีเมื่อวันศุกร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ 2565 กล่าวว่า มูลค่าหุ้นของเมตาที่ร่วงหนักเป็นผลมาจากนักลงทุนคลางแคลงต่ออนาคตของบริษัท ที่ใช้เงินลงทุนมหาศาลกับวิสัยทัศน์เมตาเวิร์สและปัญหากับธุรกิจโฆษณาหลัก ซึ่งทำให้เมตาคาดการณ์ว่าการเติบโตของบริษัทจะชะลอตัวลง อีกทั้งยังมีรายงานด้วยว่า แพลตฟอร์มเฟซบุ๊กที่เป็นหน้าเป็นตาของเมตา มีผู้ใช้งานรายวันลดลงเป็นครั้งแรกด้วย

มูลค่าหุ้นในการซื้อขายเมื่อวันพฤหัสบดีตามเวลานิวยอร์กที่ลดลง 26% หรือเท่ากับมากกว่า 200,000 ล้านดอลลาร์ เป็นการสูญเสียมูลค่าหุ้นมากที่สุดในรอบ 1 วันสำหรับบริษัทของสหรัฐ โดยฟอร์บส์กล่าวว่า ทำให้ซัคเคอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของเมตาซึ่งถือหุ้นอยู่ราว 12.8% สูญทรัพย์สินไป 29,000 ล้านดอลลาร์ ทำให้เขาเหลือทรัพย์สิน 85,000 ล้านดอลลาร์ รวยเป็นอันดับ 12 ของโลกตามเวลาแบบเรียลไทม์

ในวันเดียวกันนี้ เจฟฟ์ เบโซส ผู้ก่อตั้งบริษัท แอมะซอน ธุรกิจค้าปลีกอีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่ มีทรัพย์สินพอกพูนขึ้นอีก 20,000 ล้านดอลลาร์ โดยเขาถือหุ้นในบริษัทแอมะซอนราว 9.9% เบโซสยังเป็นบุคคลที่รวยเป็นอันดับ 3 ของโลกตามการจัดอันดับของฟอร์บส์

ทรัพย์สินที่หดลงในวันเดียวถึง 29,000 ล้านดอลลาร์ของซัคเคอร์เบิร์ก ทำให้เขาเป็นหนึ่งในมหาเศรษฐีที่สูญเสียทรัพย์สินมากที่สุดในวันเดียว ต่อจากอีลอน มัสก์ ผู้บริหารเทสลาซึ่งเป็นบุคคลรวยที่สุดในโลก ที่มูลค่าทรัพย์สินในกระดาษลดลง 35,000 ล้านดอลลาร์เมื่อเดือนพฤศจิกายน หลังจากเขาทำโพลถามทางทวิตเตอร์เรื่องการขายหุ้น 10% เทสลา ราคาหุ้นของเทสลายังคงไม่ฟื้นคืนดังเดิมหลังการขายหุ้นของมัสก์ครั้งนั้น.