ศาลอุทธรณ์คุ้มครองชั่วคราว ภาษีทรัมป์เดินหน้าบังคับใช้ตามเดิม

ภาษีศุลกากรของโดนัลด์ ทรัมป์ได้รับการผ่อนผันชั่วคราว โดยศาลอุทธรณ์ตัดสินให้มาตรการภาษีนำเข้าสามารถบังคับใช้อย่างครอบคลุมต่อจีนและคู่ค้าอื่นๆ สำหรับตอนนี้

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ (Photo by WIN MCNAMEE / GETTY IMAGES NORTH AMERICA / Getty Images via AFP)

เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันศุกร์ที่ 30 พฤษภาคม 2568 กล่าวว่า การอุทธรณ์คำสั่งศาลการค้าได้ผล มาตรการภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้รับการคุ้มครองชั่วคราวและยังสามารถบังคับใช้ได้ตามเดิมในตอนนี้

คำสั่งศาลอุทธรณ์ที่ผ่อนผันในระยะสั้นนี้จะช่วยให้กระบวนการอุทธรณ์ดำเนินต่อไปได้ หลังจากที่ศาลการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐฯ ได้สั่งระงับการบังคับใช้มาตรการภาษีศุลกากรส่วนใหญ่ที่ประกาศตั้งแต่ทรัมป์เข้ารับตำแหน่ง โดยตัดสินว่าเขาใช้อำนาจเกินขอบเขต

นับตั้งแต่ดำรงตำแหน่งวาระที่สองในเดือนมกราคม ทรัมป์ได้ดำเนินการปรับโครงสร้างความสัมพันธ์ทางการค้าของสหรัฐฯ กับโลกใหม่ โดยใช้มาตรการภาษีเพื่อบังคับให้รัฐบาลต่างชาติเข้าร่วมโต๊ะเจรจา

แต่การเรียกเก็บภาษีแบบบีบแล้วผ่อนซึ่งส่งผลกระทบต่อทั้งพันธมิตรและคู่แข่ง ได้ทำให้ตลาดปั่นป่วนและห่วงโซ่อุปทานมีปัญหา

ทำเนียบขาวมีเวลา 10 วันในการดำเนินการตามขั้นตอนบริหารเพื่อหยุดการขึ้นภาษีเหล่านั้น ตามคำสั่งของศาลการค้าฯ

รัฐบาลทรัมป์ประณามคำตัดสินดังกล่าวว่า "ผิดพลาดอย่างโจ่งแจ้ง" และแสดงความเชื่อมั่นว่าคำตัดสินจะถูกพลิกกลับในการอุทธรณ์

โฆษกทำเนียบขาวกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า "ผู้พิพากษาของศาลการค้าฯใช้อำนาจตุลาการในทางที่ผิดอย่างหน้าด้านๆ เพื่อแย่งชิงอำนาจของประธานาธิบดีทรัมป์"

คำตัดสินแยกต่างหากโดยผู้พิพากษาศาลแขวงกลางในเมืองหลวงของสหรัฐฯ พบว่าการจัดเก็บภาษีของทรัมป์บางรายการเป็นสิ่งผิดกฎหมายเช่นกัน โดยให้เวลาฝ่ายบริหาร 14 วันในการอุทธรณ์

ปีเตอร์ นาวาร์โร ที่ปรึกษาด้านการค้าของทรัมป์ กล่าวกับผู้สื่อข่าวหลังการประกาศของศาลอุทธรณ์ว่า ก่อนหน้านี้ฝ่ายบริหารได้รับสายโทรศัพท์จำนวนมากจากประเทศต่างๆซึ่งกล่าวว่าพวกเขาจะเจรจาด้วยความสุจริตใจต่อไป โดยไม่เปิดเผยชื่อประเทศเหล่านั้น

การจัดเก็บภาษีนำเข้าของทรัมป์มีจุดมุ่งหมายบางส่วนเพื่อลงโทษประเทศที่ค้าขายสินค้าเกินดุลกับสหรัฐอเมริกา

ประธานาธิบดีอ้างว่าการขาดดุลการค้าและภัยคุกคามจากการลักลอบขนยาเสพติดถือเป็น "ภาวะฉุกเฉินระดับชาติ" ที่ทำให้การจัดเก็บภาษีในวงกว้างนั้นสมเหตุสมผล แต่ศาลการค้าระหว่างประเทศไม่เห็นด้วย

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 2 เมษายน ทรัมป์ประกาศเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากคู่ค้าเกือบทั้งหมดโดยกำหนดอัตราพื้นฐานที่ 10% และอัตราภาษีที่สูงขึ้นแตกต่างกันไปกับหลายสิบประเทศ รวมถึงจีนและสหภาพยุโรป ซึ่งขณะนี้ได้ระงับการเรียกเก็บไปแล้ว แต่ยังคงมีการเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์, เหล็ก และอลูมิเนียมในอัตรา 25%

คำตัดสินของศาลฯยังสั่งยกเลิกภาษีที่ทรัมป์กำหนดต่อแคนาดา, เม็กซิโก และจีน โดยใช้อำนาจฉุกเฉิน

รัฐบาลปักกิ่งซึ่งได้รับผลกระทบจากภาษีนำเข้าสูงถึง 145% ก่อนที่จะปรับลดลงชั่วคราวเพื่อเปิดทางให้มีการเจรจา ได้ตอบสนองต่อคำตัดสินของศาลการค้าฯโดยระบุว่ารัฐบาลวอชิงตันควรยกเลิกภาษีนำเข้าดังกล่าว

เหอ หย่งเฉียน โฆษกกระทรวงพาณิชย์จีนกล่าวว่า "จีนเรียกร้องให้สหรัฐฯ รับฟังเสียงที่สมเหตุสมผลจากชุมชนระหว่างประเทศและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในประเทศ ตลอดจนยกเลิกมาตรการภาษีนำเข้าฝ่ายเดียวที่ผิดกฎหมายทั้งหมด"

ทั้งนี้ ศาลการค้าของรัฐบาลกลางได้ตัดสินคดีแยกกันสองคดีซึ่งยื่นฟ้องโดยองค์กรธุรกิจและรัฐบาลท้องถิ่น โดยให้เหตุผลว่าประธานาธิบดีได้ละเมิดอำนาจของรัฐสภาในการควบคุมการคลัง

คณะผู้พิพากษาสามคนเขียนไว้ในคำชี้แจงที่ไม่ได้ลงนามว่า "คำถามในคดีทั้งสองคดีที่อยู่ต่อหน้าศาลก็คือ บัญญัติอำนาจทางเศรษฐกิจฉุกเฉินระหว่างประเทศปี 1977 (IEEPA) ได้มอบสิทธิ์ขาดให้แก่ประธานาธิบดีในรูปแบบของอำนาจในการกำหนดภาษีศุลกากรที่ไม่จำกัดกับสินค้าจากเกือบทุกประเทศในโลกหรือไม่"

"ศาลพิจารณาบัญญัติฯแล้วไม่พบว่ามีการระบุให้ประธานาธิบดีมีอำนาจที่ไม่จำกัดดังกล่าว จึงออกคำสั่งยกเลิกภาษีศุลกากรที่ถูกโต้แย้งภายใต้กฎหมายฯ"

ศาลซึ่งพิจารณาคดีแพ่งที่เกิดจากข้อพิพาททางการค้ากล่าวว่าการตีความตามบัญญัติฯที่ว่า "มอบอำนาจในการกำหนดภาษีศุลกากรที่ไม่จำกัด" นั้น ขัดต่อรัฐธรรมนูญ

นักวิเคราะห์จากกลุ่มวิจัย Capital Economics ซึ่งตั้งอยู่ในลอนดอนกล่าวว่า คดีนี้อาจจบลงด้วยการพิจารณาของศาลสูง แต่ไม่น่าจะถือเป็นจุดสิ้นสุดของสงครามภาษีศุลกากร.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

‘เมลาเนีย ทรัมป์’ สตรีหมายเลขหนึ่งในโลกภาพยนตร์

สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งกำลังก้าวสู่แสงสปอตไลต์ เมลาเนีย ทรัมป์ เตรียมสร้างประวัติศาสตร์ด้วยภาพยนตร์สารคดี ซึ่งเรื่องราวจะถ่ายทอดช่วงเวลาไม่นานก่อนการเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีของสามีเธอ