โดนัลด์ ทรัมป์ส่งสัญญาณความตึงเครียดด้านการค้าครั้งใหม่กับจีน โดยให้เหตุผลว่ารัฐบาลปักกิ่งละเมิดข้อตกลงลดภาษีศุลกากร พร้อมประกาศขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กเป็น 50%

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ปรบมือขณะกล่าวสุนทรพจน์ระหว่างการเยือนโรงงานของบริษัท US Steel - Irvin Works ในเมืองเวสต์มิฟฟลิน รัฐเพนซิลเวเนีย เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม เพื่อร่วมเฉลิมฉลองข้อตกลงระหว่าง Nippon Steel และ US Steel (Photo by SAUL LOEB / AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันอาทิตย์ที่ 1 มิถุนายน 2568 กล่าวว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ส่งสัญญาณความตึงเครียดด้านการค้าครั้งใหม่กับจีน โดยให้เหตุผลว่ารัฐบาลปักกิ่งละเมิดข้อตกลงลดภาษีศุลกากร พร้อมประกาศว่าจะพูดคุยกับสีจิ้นผิงเร็วๆนี้
ความเห็นของทรัมป์เกิดขึ้นหลังจากที่สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ กล่าวว่า การเจรจาการค้ากับจีนหยุดชะงักเล็กน้อย ในบทสัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ Fox News
เจ้าหน้าที่ระดับสูงจากสองประเทศเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดของโลกตกลงกันระหว่างการเจรจาที่เจนีวาในเดือนพฤษภาคมว่าจะลดภาษีศุลกากรที่สูงมากซึ่งทั้งสองประเทศกำหนดขึ้นต่อกันเป็นการชั่วคราวในช่วงพัก 90 วัน
อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ได้เขียนบนแพลตฟอร์ม Truth Social ของเขาว่า "จีนละเมิดข้อตกลงกับสหรัฐฯ อย่างสิ้นเชิง ซึ่งอาจไม่น่าแปลกใจสำหรับบางคน" โดยไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติม
ความชะงักงันดังกล่าวเกิดขึ้นในขณะที่จีนดำเนินการอย่างเชื่องช้าในการอนุมัติใบอนุญาตส่งออกแร่ธาตุหายากและธาตุอื่นๆ ที่จำเป็นต่อการผลิตยานยนต์และชิป ซึ่งทำให้สหรัฐฯ หงุดหงิด ตามรายงานของวอลล์สตรีทเจอร์นัล
รายงานระบุเพิ่มเติมว่ากุญแจสำคัญของข้อตกลงลดภาษีศุลกากรคือการเรียกร้องให้จีนกลับมาส่งออกแร่ธาตุหายากอีกครั้ง
ก่อนหน้านี้จามีสัน กรีเออร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ กล่าวว่า "จีนจงใจปฏิบัติอย่างเชื่องช้า ซึ่งถือว่าไม่สามารถยอมรับได้อย่างสิ้นเชิง"
แม้ว่ากรีเออร์จะไม่ได้ให้รายละเอียด แต่เขาได้กล่าวถึงรายงานที่ว่ารัฐบาลปักกิ่งยังคงชะลอการดำเนินการและปิดกั้นสินค้าบางอย่าง เช่น แร่ธาตุสำคัญและแม่เหล็กหายาก พร้อมทั้งกล่าวเสริมว่าการขาดดุลการค้าของสหรัฐฯ กับจีนยังคงมีจำนวนมหาศาล
กรีเออร์กล่าวว่าสหรัฐฯไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในพฤติกรรมของจีน
ทรัมป์กล่าวกับผู้สื่อข่าวในช่วงสุดสัปดาห์ว่า "ผมแน่ใจว่าผมจะได้พูดคุยกับประธานาธิบดีสี และหวังว่าเราจะสามารถหาทางออกได้"
นอกจากนี้ รัฐบาลวอชิงตันยังอยู่ระหว่างการเจรจาอย่างเข้มข้นกับคู่ค้ารายอื่นๆ อันได้แก่ มาเลเซีย, เวียดนาม และสหภาพยุโรป ในสัปดาห์หน้า
ขณะที่สำนักข่าวเกียวโดของญี่ปุ่นรายงานว่า รัฐบาลวอชิงตันและโตเกียวกำลังมีความคืบหน้าในการบรรลุข้อตกลง โดยอ้างคำพูดของเรียวเซอิ อากาซาวะ ผู้แทนด้านภาษีศุลกากรของญี่ปุ่น
อากาซาวะซึ่งได้พบกับเบสเซนต์และฮาเวิร์ด ลุตนิก รัฐมนตรีพาณิชย์ที่วอชิงตัน คาดว่าจะมีการเจรจารอบใหม่ก่อนกลางเดือนมิถุนายน
อย่างไรก็ตาม แผนภาษีศุลกากรของทรัมป์กำลังเผชิญกับการท้าทายทางกฎหมาย
ศาลการค้ากลางของสหรัฐฯ ตัดสินเมื่อสัปดาห์นี้ว่า ประธานาธิบดีใช้อำนาจเกินขอบเขตในการกำหนดภาวะเศรษฐกิจฉุกเฉินเพื่อใช้อำนาจพิเศษในการเรียกเก็บภาษีศุลกากรเพิ่มเติม
แต่คำตัดสินนี้ถูกระงับไว้ชั่วคราว เนื่องจากกระบวนการอุทธรณ์ยังคงดำเนินต่อไป ทำให้นโยบายเรียกเก็บภาษีของทรัมป์ต่อประเทศต่างๆยังสามารถเดินหน้าต่อได้ รวมถึงภาษีสินค้านำเข้าเฉพาะภาคส่วน เช่น เหล็กและรถยนต์
แม้ว่าสหรัฐฯ และจีนจะยอมลดภาษีนำเข้าระหว่างกันลงแล้วเป็นเวลาเบื้องต้น 90 วัน แต่ธุรกิจหลายแห่งยังคงชะลอการส่งสินค้าชั่วคราวเพื่อรอให้ทั้งสองรัฐบาลบรรลุข้อตกลง
ที่โรงงาน US Steel ในรัฐเพนซิลเวเนีย ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวว่าเขาจะขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กสองเท่าเป็นอัตรา 50% โดยกล่าวชื่นชมความร่วมมือระหว่างผู้ผลิตเหล็กสัญชาติอเมริกันรายนี้และบริษัท Nippon Steel ของญี่ปุ่นอีกด้วย
"เราจะเพิ่มภาษีนำเข้าเหล็กจาก 25% เป็น 50% ให้กับสหรัฐฯ ซึ่งจะช่วยรักษาความมั่นคงให้กับอุตสาหกรรมเหล็กมากยิ่งขึ้น ในแบบที่ใครก็ไม่อาจเลี่ยงได้" เขากล่าวในสุนทรพจน์ต่อหน้าคนงานของบริษัทฯ ในรัฐสมรภูมิที่ช่วยให้เขาได้รับชัยชนะจากการเลือกตั้งเมื่อปีที่แล้ว
"การเพิ่มภาษีเป็นสองเท่าจะเกิดขึ้นในสัปดาห์หน้า" ทำเนียบขาวกล่าวในโพสต์โซเชียลมีเดีย
ตั้งแต่กลับมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีในเดือนมกราคม ทรัมป์ได้กำหนดภาษีศุลกากรแบบกวาดล้างกับทั้งพันธมิตรและศัตรู ซึ่งส่งผลกระทบต่อระเบียบการค้าโลกและตลาดการเงิน
เขายังตั้งเป้าไปที่สินค้าเฉพาะกลุ่ม เช่น เหล็ก, อลูมิเนียม และรถยนต์ โดยกำหนดภาษีศุลกากร 25%
ทรัมป์ได้ออกมาปกป้องนโยบายการค้าของเขา โดยให้เหตุผลว่าภาษีศุลกากรช่วยปกป้องบริษัทของสหรัฐฯ ได้
เขาเสริมว่าโรงงานแห่งนี้จะไม่มีอยู่หากเขาไม่กำหนดภาษีนำเข้าเหล็กในช่วงรัฐบาลชุดแรกของเขา
ในสุนทรพจน์ของตนเอง ทรัมป์ยังเน้นย้ำด้วยว่าแม้ว่า US Steel และ Nippon Steel จะประกาศความร่วมมือกันเมื่อไม่นานนี้ แต่ US Steel จะยังคงอยู่ภายใต้การควบคุมของสหรัฐฯ ต่อไป
เขากล่าวเสริมว่าจะไม่มีการเลิกจ้างหรือจ้างงานจากภายนอกเนื่องมาจากข้อตกลงดังกล่าว
ข้อเสนอขาย US Steel มูลค่า 14,900 ล้านดอลลาร์ให้กับ Nippon Steel ได้รับการคัดค้านจากทั้งสองพรรคการเมืองก่อนหน้านี้ และอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดนได้ขัดขวางข้อตกลงดังกล่าวด้วยเหตุผลด้านความมั่นคงของชาติไม่นานก่อนอำลาจากตำแหน่ง
อย่างไรก็ตาม เงื่อนไขของความร่วมมือใหม่ยังคงคลุมเครือ
สหภาพแรงงาน United Steelworkers (USW) ซึ่งเป็นตัวแทนของพนักงานรายชั่วโมงหลายพันคนในโรงงานของ US Steel กล่าวในแถลงการณ์เมื่อสัปดาห์ก่อนว่าการประกาศความร่วมมือนี้ยังคงก่อให้เกิดคำถามมากกว่าคำตอบ
"Nippon ยังคงยืนกรานว่าจะลงทุนในโรงงานของ USS เฉพาะในกรณีที่เป็นเจ้าของบริษัทโดยสมบูรณ์เท่านั้น เรายังไม่เห็นอะไรในรายงานที่บ่งชี้ว่าจุดยืนดังกล่าวได้เปลี่ยนแปลงไป" แถลงการณ์ของสหภาพแรงงานระบุเพิ่มเติม
ก่อนหน้านี้ ทรัมป์กล่าวว่า US Steel จะยังคงอยู่ในอเมริกา โดยมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในเมืองพิตต์สเบิร์ก และเสริมว่าข้อตกลงกับ Nippon จะสร้างงานอย่างน้อย 70,000 ตำแหน่งและเพิ่มมูลค่า 14,000 ล้านดอลลาร์ให้กับเศรษฐกิจของสหรัฐฯ
อย่างไรก็ตาม ผู้นำสหภาพแรงงานกล่าวว่าพวกเขายังไม่ได้รับการยืนยันว่าเงิน 14,000 ล้านดอลลาร์จะถูกใช้ไปกับไซต์ที่สหภาพแรงงานเป็นตัวแทนหรือไม่
ทรัมป์คัดค้านแผนการเข้าซื้อกิจการของบริษัท Nippon Steel ระหว่างการหาเสียงเลือกตั้ง แต่หลังจากกลับมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี เขาก็ส่งสัญญาณว่าเขาจะเปิดรับการลงทุนในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งในที่สุด.