
(Photo by MARTIAL TREZZINI / FDFA / AFP)
หลังจากการเจรจารอบแรกในเจนีวาเมื่อเดือนที่แล้ว สหรัฐฯ และจีนจะนั่งลงที่โต๊ะเจรจาอีกครั้งในลอนดอน เพื่อพยายามรักษาการสงบศึกการค้าที่เปราะบาง แม้ว่าความตึงเครียดจะปะทุขึ้นก็ตาม
สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลัง, โฮเวิร์ด ลุตนิก รัฐมนตรีพาณิชย์ และจามีสัน กรีเออร์ ผู้แทนการค้า จะเป็นตัวแทนรัฐบาลวอชิงตันในการร่วมโต๊ะเจรจา ขณะที่เหอ หลี่เฟิง รองนายกรัฐมนตรีจีนจะเป็นผู้นำคณะเจรจาในลอนดอนเช่นกัน
"การประชุมครั้งนี้น่าจะผ่านไปได้ด้วยดี" ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวในโพสต์บนแพลตฟอร์ม Truth Social
แคโรไลน์ ลีวิตต์ โฆษกทำเนียบขาวกล่าวกับฟ็อกซ์นิวส์เมื่อวันอาทิตย์ว่า "เราต้องการให้จีนและสหรัฐฯ เดินหน้าต่อไปกับข้อตกลงที่บรรลุในเจนีวา"
แม้อังกฤษไม่มีส่วนได้เสียกับความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯและจีน แต่รัฐบาลลอนดอนยินดีเปินเวทีกลางสำหรับการเจรจา เนื่องจากมองว่าสงครามการค้าไม่เป็นผลดีกับทุกฝ่าย
การเจรจาในลอนดอนเกิดขึ้นหลังจากที่ทรัมป์และสีจิ้นผิงได้จัดการเจรจาทางโทรศัพท์เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ผู้นำสหรัฐกลับมาในวาระที่สอง
การโทรศัพท์ดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากความตึงเครียดระหว่างสองเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดของโลกพุ่งสูงขึ้น โดยทรัมป์กล่าวหาปักกิ่งว่าละเมิดข้อตกลงลดภาษีศุลกากรที่บรรลุในเจนีวาเมื่อกลางเดือนพฤษภาคม
ทำเนียบขาวกล่าวว่า "เราต้องการให้จีนปฏิบัติตามข้อตกลงในส่วนของพวกเขา และนั่นคือสิ่งที่ทีมการค้าจะหารือกันในลอนดอน"
เมื่อเดือนเมษายน ทรัมป์ได้เริ่มใช้ภาษีศุลกากรทั่วโลกที่กำหนดเป้าหมายจีนมากที่สุด
ครั้งหนึ่ง สหรัฐฯ เรียกเก็บภาษีสินค้าจากจีนเพิ่มอีก 145% และจีนตอบโต้สินค้าจากสหรัฐฯ ด้วยภาษีสูงถึง 125%
จากนั้นที่สวิตเซอร์แลนด์ หลังจากการเจรจาสองวัน ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะลดภาษีศุลกากรระหว่างกันเป็นเวลา 90 วัน
แต่ยังคงมีความขัดแย้งกันอยู่ รวมถึงข้อจำกัดของจีนในการส่งออกแร่ธาตุหายากที่ใช้ในผลิตภัณฑ์เทคโนโลยี
ผลกระทบดังกล่าวสะท้อนให้เห็นในข้อมูลการส่งออกอย่างเป็นทางการล่าสุดที่เผยแพร่โดยรัฐบาลปักกิ่ง ที่ระบุว่าการส่งออกไปยังสหรัฐฯ ลดลง 12.7% ในเดือนพฤษภาคมเมื่อเทียบกับเดือนเมษายน
ตลอดการเจรจากับรัฐบาลวอชิงตัน จีนยังได้เริ่มการหารือกับหุ้นส่วนการค้ารายอื่นๆ รวมทั้งญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ เพื่อสร้างแนวร่วมในการต่อต้านภาษีของทรัมป์
สัปดาห์ที่แล้ว รัฐบาลปักกิ่งหันไปหาแคนาดา โดยทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะปรับช่องทางการสื่อสารให้ถูกต้อง หลังจากความสัมพันธ์ตึงเครียดมาระยะหนึ่ง โดยนายกรัฐมนตรีมาร์ก คาร์นีย์ ของแคนาดาและนายกรัฐมนตรีหลี่ เฉียง ของจีน ยังได้หารือเกี่ยวกับการค้าและวิกฤตเฟนทานิลอีกด้วย
รัฐบาลปักกิ่งเสนอให้จัดตั้ง "ช่องทางสีเขียว" เพื่อผ่อนปรนการส่งออกแร่ธาตุหายากไปยังสหภาพยุโรป และเร่งอนุมัติใบอนุญาตส่งออกบางส่วน
ข้อเสนอดังกล่าวจากกระทรวงพาณิชย์ในกรุงปักกิ่งเกิดขึ้นหลังจากการเจรจาระหว่างหวัง เหวินเทา รัฐมนตรีพาณิชย์ของจีน และมารอส เซฟโควิช กรรมาธิการด้านการค้าของสหภาพยุโรป
จีนคาดว่าจะจัดการประชุมสุดยอดกับสหภาพยุโรปในเดือนกรกฎาคม ซึ่งถือเป็นการครบรอบ 50 ปี นับตั้งแต่รัฐบาลปักกิ่งและองค์กรความร่วมมือยุโรปสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกัน.