สมัชชาแห่งชาติเวียดนามอนุมัติแผนการควบรวมจังหวัดและเมือง รวมทั้งเลิกจ้างพนักงานของรัฐเกือบ 80,000 คน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิรูปโครงสร้างการบริหารครั้งใหญ่ของประเทศ

สมาชิกรัฐสภาเวียดนามลงคะแนนเสียงเรื่องการรวมจังหวัดและเมือง ที่สมัชชาแห่งชาติในกรุงฮานอย เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน (Photo by Dang ANH / AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 12 มิถุนายน 2568 กล่าวว่า บรรดาสมาชิกสมัชชาแห่งชาติเวียดนามเปิดรัฐสภาลงมติอนุมัติแผนการควบรวมจังหวัดและเมือง รวมทั้งเลิกจ้างพนักงานของรัฐเกือบ 80,000 คน ในแผนปฏิรูปโครงสร้างการบริหารครั้งใหญ่ของประเทศ
สมาชิกรัฐสภาเห็นพ้องลดจำนวนหน่วยงานบริหารระดับจังหวัดและระดับเมือง 63 แห่งของประเทศให้เหลือเพียง 34 แห่ง เนื่องจากรัฐบาลต้องการลดรายจ่ายภาครัฐครั้งใหญ่
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่รัฐบาลลดจำนวนกระทรวงและหน่วยงานจาก 30 แห่งเหลือ 22 แห่งในเดือนกุมภาพันธ์ ส่งผลให้มีการเลิกจ้างพนักงาน 23,000 คน
การเปลี่ยนแปลงใหญ่ครั้งนี้สะท้อนถึงความพยายามแบบเดียวกันกับโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ต้องการตัดงบใช้จ่ายของรัฐบาล แต่กลับสร้างความไม่สบายใจให้กับบางคนในระบบคอมมิวนิสต์ที่การทำงานให้กับรัฐหมายถึงการมีงานทำตลอดชีวิตมาช้านาน
โต เลิม ผู้นำสูงสุดของเวียดนามกล่าวว่าจำเป็นต้องปรับโครงสร้างการบริหารประเทศครั้งใหญ่หากต้องการให้ประเทศบรรลุการพัฒนาที่รวดเร็ว, มั่นคง และยั่งยืน
ในการลงมติ สมัชชาซึ่งเป็นองค์กรที่มีอำนาจลงนามในระบบพรรคเดียว ได้อนุมัติแผนของรัฐบาลด้วยคะแนนเสียง 461 ต่อ 1 โดยมีผู้งดออกเสียง 3 คน
ทั้งนี้ มีเพียง 11 จังหวัดและเมืองเท่านั้นที่ไม่ได้รับการเปลี่ยนแปลงจากการปฏิรูป ส่วนที่เหลือทั้งหมดถูกรวมเข้าด้วยกัน
Pham Thi Thanh รัฐมนตรีมหาดไทยระบุว่า การปฏิรูปครั้งนี้ถือเป็นการปฏิวัติครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ก่อตั้งประเทศในปี 1945
"เจ้าหน้าที่ 79,339 คนจะต้องถูกปรับโครงสร้างใหม่ โดยลาออกจากงานหรือยื่นคำร้องขอเกษียณอายุก่อนกำหนดหลังจากการรวมจังหวัดและเมือง" รัฐมนตรีฯกล่าวต่อรัฐสภา
เจ้าหน้าที่ระดับจังหวัดคนหนึ่งบอกกับเอเอฟพีว่า เขาตกใจและเสียใจเนื่องจากเขาจะต้องออกจากตำแหน่งหลังจากรับใช้ประชาชนมานานกว่า 30 ปี
"ผมอาจได้รับเงินชดเชยเป็นพันล้านดอง แต่ผมไม่พอใจ ตอนนี้ผมไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี แม้ผมคิดว่าผมยังสามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ก็ตาม" สมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์วัย 58 ปีกล่าวโดยขอไม่เปิดเผยชื่อ
โด เลิม เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์และบุคคลที่ทรงอิทธิพลที่สุดในประเทศกล่าวว่า "จากนี้ไป หน่วยงานบริหารที่ได้รับการปรับปรุงใหม่จะเปลี่ยนจากการบริหารแบบเฉื่อยๆ ไปเป็นการบริการเพื่อประชาชน"
ตามที่รัฐบาลระบุ เมืองและจังหวัดทั้งหมดจะประกาศผู้นำคนใหม่ในวันที่ 30 มิถุนายน และเริ่มดำเนินการเต็มรูปแบบในช่วงต้นเดือนกรกฎาคม
ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า สมัชชาแห่งชาติจะลงคะแนนเสียงเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญที่แก้ไขใหม่ ซึ่งภายใต้รัฐธรรมนูญนี้ โครงสร้างการบริหารสามระดับของประเทศ ได้แก่ จังหวัด, เมือง และเขต จะลดลงเหลือสองระดับ โดยระดับเมืองจะถูกยกเลิกและระดับเขตจะขยายตัว
เวียดนามซึ่งเป็นศูนย์กลางการผลิตระดับโลก มีการเติบโตทางเศรษฐกิจ 7.1% ในปี 2024 และตั้งเป้าที่จะเติบโตถึง 8% ในปีนี้ โดยมีเป้าหมายที่จะเป็น "ประเทศรายได้ปานกลาง" ภายในปี 2030
อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจหลักของประเทศยังคงขึ้นอยู่กับการส่งออก และการที่ทรัมป์ขู่ขึ้นภาษีนำเข้าเวียดนาม 46% ทำให้เจ้าหน้าที่เร่งเจรจาเพื่อลดภาษี
การปฏิรูปโครงสร้างรัฐบาลเกิดขึ้นตามแคมเปญต่อต้านการทุจริตที่แพร่หลายและอื้อฉาวในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
แคมเปญนี้ซึ่งเรียกกันว่า "เตาเผาที่ลุกเป็นไฟ" ได้ขจัดผู้นำธุรกิจและบุคคลสำคัญในรัฐบาลหลายสิบคน รวมถึงประธานาธิบดี 2 คนและรองนายกรัฐมนตรี 3 คนตั้งแต่ปี 2021 เป็นต้นมา
การปฏิรูปครั้งใหญ่ที่นำโดยโต เลิมเกิดขึ้นหลังจากช่วงเวลาอันยาวนานที่การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอย่างช้าๆ โดยรัฐบาลเน้นย้ำถึงเสถียรภาพและความสงบเพื่อสร้างชื่อเสียงในทางบวกซึ่งจะช่วยในการดึงดูดนักลงทุนจากต่างชาติ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'นักวิชาการ' เปิด วิสัยทัศน์ผู้นำเวียดนามในสมรภูมิสงครามภาษี แนะไทยควรเรียนรู้กลยุทธ์
นายกมล กมลตระกูล นักวิชาการอิสระ เผยแพร่บทความ เรื่อง วิสัยทัศน์ของผู้นำเวียดนามในสมรภูมิสงครามภาษี มีเนื้อหาดังนี้


