โดนัลด์ ทรัมป์จัดขบวนพาเหรดทหารสหรัฐฯ ครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายทศวรรษ เนื่องในวันเกิดครบรอบ 79 ปีของตนเอง ขณะที่ผู้ประท้วงทั่วประเทศออกมาชุมนุมกันเพื่อประณามว่าเขาทำตัวเหมือนเผด็จการ

กองทหารสหรัฐฯ และยานเกราะเคลื่อนตัวข้ามสะพานเมโมเรียลระหว่างขบวนพาเหรดครบรอบ 250 ปีกองทัพสหรัฐฯ ที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน (Photo by Annabelle GORDON / AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันอาทิตย์ที่ 15 มิถุนายน 2568 กล่าวว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เป็นประธานในพิธีสวนสนามของทหารสหรัฐฯ ครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายทศวรรษและเป็นวันเกิดครบรอบ 79 ปีของตนเอง
ทรัมป์ยกย่องสหรัฐว่าเป็นประเทศร้อนแรงที่สุดในโลก หลังจากเห็นชบวนรถถัง, เครื่องบิน และกองทหารเดินผ่านเขาในกรุงวอชิงตันเพื่อร่วมเฉลิมฉลองวันครบรอบ 250 ปีกองทัพสหรัฐ
ขบวนพาเหรดของทรัมป์ในวันที่ท้องฟ้ามืดครึ้มของกรุงวอชิงตันเกิดขึ้นหลังจากกลุ่มผู้ประท้วงในแคมเปญ "No Kings" หลายแสนคนออกมาเดินขบวนตามท้องถนนในเมืองต่างๆ รวมถึงนิวยอร์ก, ฟิลาเดลเฟีย, ฮูสตัน และแอตแลนตา
การแสดงแสนยานุภาพทางทหารเกิดขึ้นในขณะที่ทรัมป์อวดอำนาจทั้งในประเทศและเวทีระหว่างประเทศ
ทรัมป์ใช้คำปราศรัยในขบวนพาเหรดเพื่อส่งคำเตือนฝ่ายตรงข้ามของรัฐบาลวอชิงตันถึงความพ่ายแพ้อย่างสมบูรณ์ โดยปัจจุบันสหรัฐฯ มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นที่จะเข้าไปพัวพันกับความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับอิหร่าน
"ศัตรูของอเมริกาได้เรียนรู้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าหากคุณคุกคามคนอเมริกัน ทหารของเราจะไปหาคุณ" ทรัมป์กล่าว
ตั้งแต่ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยแรก ทรัมป์ฝันอย่างเปิดเผยว่าจะมีขบวนพาเหรดทางทหารที่ยิ่งใหญ่อลังการแบบที่มักเห็นบ่อยในมอสโกหรือเปียงยาง
ขบวนพาเหรดครั้งสุดท้ายในสหรัฐอเมริกาจัดขึ้นหลังสงครามอ่าวเปอร์เซียสิ้นสุดลงในปี 1991
ทรัมป์ยืนแสดงความเคารพบนเวทีด้านนอกทำเนียบขาว ขณะที่รถถังเคลื่อนผ่าน, เครื่องบินบินอยู่เหนือศีรษะ และทหารเกือบ 7,000 นายเดินขบวนผ่านมา
ทหารและยุทโธปกรณ์จากยุคต่างๆ เคลื่อนผ่าน โดยโฆษกประกาศรายงานชัยชนะของสหรัฐฯ ในการต่อสู้กับกองกำลังญี่ปุ่น, เยอรมนี, จีน และเวียดนามในสงครามที่ผ่านมา
กองทัพบกกล่าวว่าขบวนพาเหรดนี้มีค่าใช้จ่ายสูงถึง 45 ล้านดอลลาร์
ฝูงชนที่มาเข้าร่วมต่างร้องเพลง "Happy Birthday" และมีการตะโกนว่า "สหรัฐอเมริกา สหรัฐอเมริกา!" เป็นครั้งคราว แต่บรรยากาศกลับไม่เข้มข้นเท่ากับการชุมนุมใหญ่ครั้งหนึ่งที่ส่งผลให้ทรัมป์ขึ้นสู่อำนาจ
ทำเนียบขาวอ้างว่ามีผู้รักชาติมากกว่า 250,000 คนเข้าร่วมในงานดังกล่าว โดยไม่ได้แสดงหลักฐาน ขณะที่สตีเวน เชียง ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารของรัฐบาลทรัมป์ กล่าวถึงการประท้วง "No Kings" ในหลายพื้นที่ว่าเป็นเพียงแค่ความล้มเหลวสิ้นเชิง
แกนนำการประท้วงแคมเปญ "No Kings" กล่าวว่าผู้ประท้วงรวมตัวกันในหลายร้อยสถานที่ โดยนักข่าวของเอเอฟพีพบว่ามีฝูงชนจำนวนมากในหลายเมือง
แกนนำกล่าวว่าพวกเขากำลังประท้วงการใช้อำนาจเผด็จการของทรัมป์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิ่งที่พวกเขาอธิบายว่าเป็นสัญลักษณ์ของบุรุษผู้เผด็จการในขบวนพาเหรดและการทำตัวเยี่ยงกษัตริย์
ในนิวยอร์กมีผู้คนหลายหมื่นคนเข้าร่วมการชุมนุม ขณะที่ผู้ประท้วงบางคนโจมตีที่ดินของทรัมป์ที่มาร์อาลาโกในปาล์มบีช รัฐฟลอริดา และยังมีกลุ่มเล็กๆ รวมตัวกันในต่างประเทศ เช่น ปารีส
ผู้คนหลายพันคนออกมาประท้วงที่ลอสแองเจลิสเพื่อต่อต้านการส่งทหารของทรัมป์ไปยังเมืองใหญ่อันดับสองของประเทศ หลังจากเกิดการปะทะกันอันเนื่องมาจากการบุกจับผู้อพยพ
หลังจากผ่านไปหนึ่งวันของการประท้วงอย่างสันติเป็นส่วนใหญ่ ตำรวจก็เริ่มไล่ต้อนผู้คนออกจากพื้นที่ประท้วงในลอสแองเจลิสโดยไม่คาดคิด ทำให้เกิดความสับสนและความโกรธในหมู่ผู้ประท้วงที่ไม่ทันตั้งตัวและไม่แน่ใจว่าจะไปที่ไหน
ตำรวจขี่ม้าผลักดันฝูงชนให้ถอยกลับ ขณะที่เจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายยิงแก๊สน้ำตาและระเบิดแสงแฟลชก่อนช่วงบังคับเคอร์ฟิวเวลา 20.00 น. หลายชั่วโมง
เจ้าหน้าที่ตำรวจอ้างว่า กลุ่มผู้ชุมนุมเริ่มขว้างก้อนหิน, ขวด และดอกไม้ไฟใส่เจ้าหน้าที่ พวกเขาจึงตัดสินใจใช้แก๊สน้ำตาและสั่งให้ฝูงชนสลายการชุมนุม
นอกจากนี้ ความรุนแรงที่บานปลายยังได้ทำลายความสงบในพื้นที่อื่นๆ ด้วยการยิงกันที่การชุมนุม "No Kings" ในเมืองซอลท์เลคซิตี้ ทางตะวันตกของสหรัฐฯ ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสอย่างน้อย 1 คนและมีผู้ถูกควบคุมตัว 3 คน.