ผู้พิพากษาสหรัฐสั่งให้กองทัพอากาศสหรัฐจ่ายค่าเสียหายมากกว่า 230 ล้านดอลลาร์ หรือกว่า 7,590 ล้านบาท แก่ผู้รอดชีวิตและญาติของเหยื่อที่เสียชีวิตในเหตุกราดยิงภายในโบสถ์ที่เทกซัสเมื่อปี 2560 ด้วยเหตุที่กองทัพไม่รายงานประวัติอาชญากรรมของมือปืนที่เคยเป็นทหารอากาศ
รายงานเอเอฟพีเมื่อวันอังคารที่ 8 กุมภาพันธ์ 2565 กล่าวว่า เหตุการณ์กราดยิงสังหารหมู่ภายในโบสถ์เฟิร์สต์แบปติสต์ในเมืองซัทเธอร์แลนด์สปริงส์ รัฐเทกซัส เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2560 ทำให้มีคนเสียชีวิต 26 คน และบาดเจ็บอีก 22 คน มือปืนคือ เดวิด แพทริก เคลลีย์ เป็นผู้ต้องโทษคดีอาญาร้ายแรง โดยมีประวัติก่อความรุนแรงในครอบครัวและมีปัญหาสุขภาพจิต ภายหลังก่อเหตุ เขายิงตัวตาย
คำตัดสินของผู้พิพากษาศาลกลางรัฐบาลกล่าวว่า ศาลได้ข้อสรุปว่ารัฐบาลล้มเหลวที่จะใช้ความระมัดระวังตามความสมควรในการยื่นประวัติอาชญากรรมของเคลลีย์ต่อสำนักสอบสวนกลาง (เอฟบีไอ) และรัฐบาลมีส่วนรับผิดชอบ 60% ต่อการบาดเจ็บของโจทก์
ครอบครัวของผู้เสียชีวิตและผู้รอดชีวิตในเหตุยิงสังหารหมู่ครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์เทกซัส ได้ยื่นฟ้องรัฐบาลสหรัฐ โดยอ้างว่ารัฐบาลควรป้องกันมือปืนรายนี้จากการครอบครองอาวุธปืนอย่างถูกกฎหมาย
โจทก์ในคำตัดสินคดีนี้คือ โจ โฮลโคมบ์ ที่ตัวเขาและภรรยา สูญเสียสมาชิกในครอบครัวไปถึง 9 คน รวมถึงลูก, หลาน และเหลน
เคลลีย์สามารถซื้ออาวุธปืนอย่างถูกกฎหมายได้ ทั้งๆ ที่โดยปกติแล้วผู้ต้องโทษคดีอาญาอุกฉกรรจ์จะไม่ได้รับอนุญาตให้ครอบครองปืน ผู้ขายปืนที่ได้รับการจดทะเบียนต้องตรวจสอบฐานข้อมูลระดับประเทศก่อนทำการซื้อขาย แต่เคลลีย์สามารถผ่านระบบการตรวจสอบภูมิหลังได้ เพราะกองทัพอากาศไม่ได้รายงานประวัติการต้องโทษคดีความรุนแรงในครอบครัว 2 คดีของเขาที่เกิดขึ้น 5 ปีก่อนหน้านั้น
รายงานนิวยอร์กไทมส์อ้างคำกล่าวของแอนน์ สเตฟาเน็ก โฆษกกองทัพอากาศว่า กองทัพเตรียมจะยื่นอุทธรณ์คำตัดสินนี้.
