#อิชิบะอย่าลาออก : กระแสสนับสนุนที่แทบไม่เคยเป็นของนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น

นายกรัฐมนตรีชิเงรุ อิชิบะ ของญี่ปุ่น (Photo by Franck ROBICHON / POOL / AFP)

อนาคตของนายกรัฐมนตรีชิเงรุ อิชิบะยังไม่แน่นอน แต่การรณรงค์ที่เหนือความคาดหมายเพื่อให้เขาอยู่ต่อ กำลังขยายตัวทางออนไลน์ในสัปดาห์นี้ รวมถึงจากผู้ที่เป็นคู่แข่งทางการเมืองโดยธรรมชาติของเขา

ประเด็นสำคัญปรากฏขึ้นหลังจากการเลือกตั้งวุฒิสมาชิกเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ทำให้พรรคร่วมรัฐบาลของอิชิบะสูญเสียเสียงข้างมากในสภาสูง หลังจากที่พรรคร่วมรัฐบาลประสบกับหายนะที่คล้ายกันในสภาล่างเมื่อหลายเดือนก่อน

แม้ว่าอิชิบะ วัย 68 ปี จะยืนยันว่าเขาไม่ได้หารือเรื่องการลาออกกับสมาชิกพรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) ของเขา แต่รายงานหลายฉบับระบุว่าเป็นเพียงเรื่องของเวลา

สมาชิกพรรค LDP ฝ่ายอนุรักษนิยมบางคนกำลังรวบรวมรายชื่อจัดการประชุมพิเศษเพื่อหารือเกี่ยวกับการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคเพื่อขับไล่อิชิบะ ตามรายงานของสถานีโทรทัศน์ฟูจิทีวี

หนึ่งในผู้ที่รายงานว่าลงนามคือ ซานาเอะ ทาคาอิจิ นักชาตินิยมหัวรุนแรงและอดีตมือกลองเฮฟวีเมทัล ซึ่งพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคให้กับอิชิบะเมื่อเดือนกันยายน

ทาคาอิจิ วัย 64 ปี มีแนวโน้มที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งหัวหน้าพรรคอีกครั้ง และจะกลายเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของญี่ปุ่นหากเธอชนะ และอิชิบะลาออก

โอกาสที่จะมีนายกรัฐมนตรีที่มีมุมมองเชิงแข็งกร้าวต่อประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นและจีน ได้จุดชนวนให้เกิดเสียงเรียกร้องทางออนไลน์ให้อิชิบะซึ่งเป็นผู้นำสายกลาง ยังคงดำรงตำแหน่งต่อไป ภายใต้แฮชแท็ก #อิชิบะ อย่าลาออก

บางส่วนของการเรียกร้องนั้นยังมาจากนักการเมืองฝ่ายค้านฝ่ายซ้าย รวมถึงสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ในสภาท้องถิ่น

สมาชิกสภานิติบัญญัติคนหนึ่งจากพรรคสังคมประชาธิปไตยที่เพิ่งได้รับการเลือกตั้งใหม่ แสดงความเห็นว่า อิชิบะถือเป็นผู้นำพรรค LDP ที่มีเหตุผลมากที่สุดในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

"หากเขาลาออก รัฐบาลฝ่ายขวาจัดจะถือกำเนิดขึ้น" เขากล่าว

ทาโร ยามาโมโตะ หัวหน้าพรรคฝ่ายค้านขนาดเล็ก เป็นหนึ่งในบุคคลแรกๆ ที่แสดงความกังวลเกี่ยวกับการแทนที่อิชิบะ

"คำถามคือ หากเขาไม่อยู่ต่อ ใครจะเข้ามาแทนที่เขา แม้นโยบายเศรษฐกิจของเขาไม่เป็นผลดี แต่การที่อิชิบะอยู่ต่อ ก็ยังถือเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยกว่า" เขากล่าวกับผู้สื่อข่าวในการแถลงข่าว

หลังการเลือกตั้งวันอาทิตย์ไม่นาน ผลสำรวจของ Kyodo News ระบุว่าคะแนนนิยมต่อรัฐบาลอิชิบะเหลืออยู่ที่เพียง 22.9%

แต่ในผลสำรวจเดียวกันนี้ ประชาชน 45.8% เชื่อว่าอิชิบะไม่จำเป็นต้องลาออก

พรรค LDP บริหารประเทศมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 1955 แต่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งกลับละทิ้งพรรคฯ รวมถึงหันไปสนับสนุนกลุ่มนอกรีตอย่างกลุ่มซันเซอิโตะที่ชูนโยบาย "ญี่ปุ่นต้องมาก่อน"

ปัจจัยต่างๆ ได้แก่ ราคาข้าวที่สูงขึ้น, มาตรฐานการครองชีพที่ตกต่ำ และความโกรธแค้นต่อเรื่องอื้อฉาวคอร์รัปชันภายในพรรค LDP

ขณะที่พรรคร่วมฝ่ายค้านเองก็ถูกมองว่าแตกแยกเกินกว่าจะจับมือจัดตั้งรัฐบาลทางเลือกได้

แต่การที่อิชิบะเป็นเสียงข้างน้อยในทั้งสองสภา หมายความว่ารัฐบาลผสมของเขาต้องการการสนับสนุนจากพรรคอื่นๆ ในการผ่านกฎหมาย

เรื่องนี้เกิดขึ้นในขณะที่ญี่ปุ่นกำลังเผชิญกับความท้าทายมากมาย รวมถึงงบประมาณด้านประกันสังคมที่พุ่งสูงขึ้นเพื่อจ่ายเงินบำนาญให้กับประชากรสูงอายุ ตลอดจนปัญหาประชากรที่ลดลงอย่างรวดเร็ว

นอกจากนี้ ข้อตกลงการค้าฉบับใหม่ที่ประกาศในสัปดาห์นี้กับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ จะทำให้สินค้าส่งออกของญี่ปุ่นต้องเผชิญกับภาษีนำเข้าที่สูงถึง 15% ซึ่งจะถูกประเมินสถานการณ์ทุกไตรมาส และหากทรัมป์ไม่พอใจ พวกเขาก็จะย้อนกลับมาเก็บภาษีนำเข้าที่ 25% อีกครั้ง.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

นักวิชาการสิ่งแวดล้อม แนะการแสดงออกของผู้นำในภาวะวิกฤติ ทำอย่างไรได้ใจประชาชน

นายกรัฐมนตรีของไทยลงพื้นที่เยี่ยมประชาชนถูกน้ำท่วมใหญ่ที่ อ. หาดใหญ่ จ.สงขลา กล่าวขอโทษประ ชาชนที่ผิดพลาดจะเร่งฟื้นฟูใหม่โดยเร็ว

SCB EIC ชี้ปี69อุตฯอาหารทะเลไทยเผชิญปัจจัยเสี่ยงทั้งภาษีทรัมป์-แข่งขันรุนแรง

SCB EIC มองอุตสาหกรรมอาหารทะเลของไทยในปี 2569 มีแนวโน้มเผชิญปัจจัยเสี่ยงด้านลบสูงขึ้น ทั้งจากอุปสงค์ที่อ่อนแอ ภาษีทรัมป์ และการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น