สมาชิกรัฐสภาในเปรูลงมติถอดถอนประธานาธิบดีหญิงออกจากตำแหน่ง เพื่อยุติช่วงเวลาการทำงานที่เต็มไปด้วยการประท้วง, การสืบสวนการทุจริต และอาชญากรรมที่แพร่หลาย

แฟ้มภาพ ประธานาธิบดีดีนา โบลูอาร์เต (ขวา) ของเปรู กำลังทำท่าทางประกอบในขณะยืนคู่กับโฮเซ เฌรี โอเร ประธานรัฐสภาเปรู ก่อนการกล่าวสุนทรพจน์ต่อประชาชน เนื่องในวันประกาศอิสรภาพ ณ รัฐสภาแห่งชาติในกรุงลิมา (Photo byJAIRO DIAZ / PERUVIAN PRESIDENCY / AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันศุกร์ที่ 10 ตุลาคม 2568 กล่าวว่าประธานาธิบดีดีนา โบลูอาร์เต ของเปรูถูกสมาชิกสภานิติบัญญัติลงมติถอดถอนออกจากตำแหน่ง จากความล้มเหลวในการบริหารงานโดยเฉพาะด้านการป้องกันอาชญากรรม
โฮเซ เฌรี โอเร ประธานรัฐสภาวัย 38 ปี เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีรักษาการของเปรูทันที โดยบอกกับสมาชิกสภานิติบัญญัติว่าเขาจะนำรัฐบาลเฉพาะกาลไปจนถึงการเลือกตั้งในเดือนเมษายน 2026
หลังเสร็จสิ้นพิธีสาบานตน เฌรีให้คำมั่นว่าจะใช้เวลาที่เหลือของวาระการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีในการปราบปรามความรุนแรงที่แผ่ขยายมากขึ้นในประเทศ
"ศัตรูหลักอยู่ภายนอกบนท้องถนน ทั้งแก๊งอาชญากร, กลุ่มอาชญากร เราต้องประกาศสงครามกับพวกเขา" ผู้นำคนใหม่กล่าว
การปลดโบลูอาร์เตออกจากตำแหน่งถือเป็นครั้งล่าสุดในบรรดาเหตุการณ์ทางการเมืองที่พลิกผันของเปรู ซึ่งในช่วงเก้าปีที่ผ่านมามีประธานาธิบดีถึง 7 คน
โดยอ้างถึง "ความบกพร่องทางศีลธรรมเรื้อรัง" ของโบลูอาร์เต รัฐสภาจึงได้เริ่มกระบวนการถอดถอนอย่างรวดเร็วในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา และได้รับการสนับสนุนจากทุกฝ่ายทางการเมือง รวมถึงพรรคการเมืองที่เคยภักดีต่อเธอ
สมาชิกสภานิติบัญญัติได้เรียกตัวโบลูอาร์เตมาปรากฏตัวต่อหน้ารัฐสภาในเวลา 23.30 น. แต่เธอกลับไม่เข้าร่วมการพิจารณาคดี ซึ่งไม่นานหลังจากนั้นก็จบลงด้วยคะแนนเสียง 118 เสียงในการถอดถอนเธอ
ทนายความของอดีตประธานาธิบดีผู้ถูกปลดออกจากตำแหน่ง โต้แย้งว่าเธอได้รับเวลาเตรียมตัวน้อยเกินไป และการกระทำของรัฐสภาถือเป็นการขัดขวางกระบวนการยุติธรรม
ผู้สื่อข่าวเอเอฟพีรายงานว่า นอกรัฐสภาในกรุงลิมา ประชาชนหลายสิบคนรวมตัวกันเพื่อเฉลิมฉลองการปลดโบลูอาร์เต
ป้ายที่ผู้ประท้วงคนหนึ่งถืออยู่ระบุว่า "ออกจากตำแหน่งไปซะ"
นอร์มา ยาร์โรว์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากพรรค Popular Renewal ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายขวา กล่าวว่า "ประเทศนี้ถูกคณะรัฐมนตรีและประธานาธิบดีปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม ทั้งการกรรโชกทรัพย์และอาชญากรรมเพิ่มขึ้น เธอจึงสมควรได้รับการลงโทษ"
โบลูอาร์เต วัย 63 ปี ปฏิเสธข้อกล่าวหาคอร์รัปชันมาโดยตลอด และสัญญาว่าจะต่อสู้กับอาชญากรรมในบ้านเมือง
ในแถลงการณ์ผ่านวิดีโอที่เผยแพร่หลังการลงมติถอดถอน เธอได้ปกป้องความสำเร็จของเธอตลอดช่วงเวลาที่ดำรงตำแหน่ง
เธอเข้ารับตำแหน่งในเดือนธันวาคม 2022 หลังจากอดีตประธานาธิบดีเปโดร กัสติโย ถูกถอดถอนจากการปราบปรามการประท้วงที่คร่าชีวิตผู้คนอย่างน้อย 50 ราย
ถึงกระนั้นเธอกลับไม่ได้รับความนิยมมากนัก และการดำรงตำแหน่งของเธอถูกต่อต้านตั้งแต่เริ่มต้น จนเธอต้องเผชิญกับความพยายามหลายครั้งที่จะถูกปลดออกจากตำแหน่ง
ความคับข้องใจทวีความรุนแรงขึ้นตลอดระยะเวลาที่เธอดำรงตำแหน่ง ซึ่งเต็มไปด้วยเรื่องอื้อฉาว, การสืบสวน, ข้อโต้แย้ง และความรุนแรงจากขบวนการอาชญากรที่เพิ่มสูงขึ้น
เธอตกเป็นเป้าหมายของการสอบสวนหลายครั้ง รวมถึงกรณีที่เธอถูกกล่าวหาว่าไม่แจกแจงการครอบครองของขวัญที่เป็นอัญมณีและนาฬิกาหรู ซึ่งเป็นเรื่องอื้อฉาวที่เรียกกันว่า "โรเล็กซ์เกต"
นอกจากนี้ เธอยังขึ้นเงินเดือนให้ตัวเองเป็นจำนวนมากเมื่อเดือนสามเดือนก่อน
การประท้วงต่อต้านรัฐบาลทวีความรุนแรงขึ้นในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากกฎหมายเมื่อวันที่ 5 กันยายนกำหนดให้คนหนุ่มสาวต้องส่งเงินสมทบเข้ากองทุนบำเหน็จบำนาญส่วนบุคคล แม้กำลังเผชิญความไม่มั่นคงในการทำงานและอัตราการจ้างงานที่ไม่เป็นทางการสูงกว่า 70% ก็ตาม
การประท้วงทวีความรุนแรงขึ้นมาตลอดช่วงหกเดือนหลัง ขณะที่เปรูกำลังต่อสู้กับคลื่นความรุนแรงที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ซึ่งเชื่อมโยงกับการรีดไถและการฆาตกรรมโดยกลุ่มอาชญากร
ทั้งนี้ โบลูอาร์เตเป็นประธานาธิบดีคนที่ 3 ที่ถูกรัฐสภาปลดออกจากตำแหน่งในช่วงเก้าปีที่ผ่านมา ขณะที่อีกสองคนลาออกก่อนที่จะถูกถอดถอน และอีกหนึ่งคนดำรงตำแหน่งรักษาการ.


