ทส. มอบกรมธรรม์ประกันชีวิตให้จนท.ดับไฟป่า 4,496 คน สร้างขวัญกำลังใจผู้พิทักษ์ป่า

รมว.ทส. เป็นประธานพิธีมอบกรมธรรม์ประกันชีวิตหมู่ให้กับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านการป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า กรมป่าไม้ ครบทั้ง 4,496 คนทั่วประเทศ โดยมี ทีพีไอ โพลีน ร่วมสนับสนุนกรมธรรม์ประกันชีวิต สร้างขวัญกำลังใจผู้พิทักษ์ป่า

14 ก.พ.2565 - นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (รมว.ทส.) เป็นประธานในพิธี “มอบกรมธรรม์ประกันชีวิตหมู่ให้กับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านการป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า กรมป่าไม้” โดยมี นายอนุชา สะสมทรัพย์ ผู้ช่วย รมว.ทส. นายยุทธพล อังกินันท์ ที่ปรึกษา รมว.ทส. นายธเนศพล ธนบุณยวัฒน์ เลขานุการ รมว.ทส. และผู้บริหารกระทรวงฯ ร่วมในพิธี นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด(มหาชน) กล่าวถึงความเป็นมาในการสนับสนุนกรมธรรม์ประกันชีวิตหมู่ให้กับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านการป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า กรมป่าไม้ และนายสุรชัย อจลบุญ อธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวรายงาน ณ ห้องประชุมอารีย์สัมพันธ์ กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม

นายวราวุธ เปิดเผยว่า กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นหน่วยงานหลักในการป้องกันดูแลรักษาพื้นที่ป่าที่มีความอุดมสมบูรณ์ และเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับประเทศ ควบคู่ไปกับการเฝ้าระวังไม่ให้เกิดการบุกรุกพื้นที่ป่าใหม่เกิดขึ้น ตามนโยบายของรัฐบาล และคณะกรรมการนโยบายป่าไม้แห่งชาติ (คปช.) ควบคู่ไปกับการประชาสัมพันธ์สร้างความรับรู้ ความเข้าใจ และสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาร่วมกับประชาชนตลอดจนการบังคับใช้กฎหมายต่อผู้กระทำผิดอย่างเคร่งครัด ซึ่งปฏิบัติการดังกล่าว “เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า” มีบทบาทสำคัญเป็นอย่างยิ่งในการทำหน้าที่ปกป้อง ดูแล และรักษาทรัพยากรป่าไม้ของประเทศ ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเสียสละ ทุ่มเท และอุตสาหะ เพื่อทำให้ประเทศไทยยังคงมีทรัพยากรธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์จนถึงปัจจุบัน

นายวราวุธ กล่าวย้ำว่า ประเทศไทยเรามีพื้นที่ป่าอยู่มากมายหลายล้านไร่ มีเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าที่ทำหน้าที่ป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดและการบุกรุกทำลายทรัพยากรป่าไม้ รักษาป่า ควบคุมไฟป่าของกรมป่าไม้ จำนวน 4,496 คน ที่ต้องออกตรวจตรา ลาดตระเวนในพื้นที่ถิ่นทุรกันดาร ห่างไกล และอาจพักแรมในพื้นที่ป่าเป็นปกติวิสัย ในบางครั้งอาจประสบภัยอันตรายต่าง ๆ จากกลุ่มบุคคลผู้หวังประโยชน์จากทรัพยากรป่าไม้ จนถึงขั้นบาดเจ็บ พิการหรือทุพพลภาพ หรือถึงแก่ชีวิต ทำให้ครอบครัวที่อยู่เบื้องหลังต้องได้รับความยากลำบากในการดำรงชีวิต

“ด้วยเล็งเห็นความสำคัญของเจ้าหน้าที่ดังกล่าว จึงได้มอบนโยบายให้กรมป่าไม้ดำเนินการสร้างหลักประกันความมั่นคงให้กับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านการป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า ซึ่งทางบริษัททีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) ก็ได้เห็นถึงความสำคัญของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านการป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า ซึ่งเป็นผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่ในการป้องกันรักษาทรัพยากรป่าไม้ของชาติ ด้วยความยากลำบากและเสี่ยงภัยอันตรายจนถึงขั้นได้รับบาดเจ็บ พิการหรือทุพพลภาพ หรือถึงแก่ชีวิต จึงได้ร่วมให้การสนับสนุน โดยมอบกรมธรรม์ประกันชีวิตหมู่ให้กับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านการป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า กรมป่าไม้ ทั้ง 4,496 คน” นายวราวุธ กล่าว

ด้าน นายธเนศพล ธนบุณยวัฒน์ เลขานุการ รมว.ทส. กล่าวเพิ่มเติมว่า การมอบกรมธรรม์ประกันชีวิตหมู่ให้กับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านการป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า กรมป่าไม้ ที่ดำเนินการตามนโยบายของนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ถือว่า เป็นการสร้างหลักประกันความมั่นคง และสร้างขวัญกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานด้านการป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า ช่วยให้เกิดการปฏิบัติงานได้อย่างเต็มกำลังความสามารถ และปฏิบัติงานกับทุกภาคส่วนในการป้องกันและอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้

“ที่สำคัญอีกประการ ยังเป็นการช่วยทำให้ทุกภาคส่วนเกิดความตระหนัก ตื่นตัว และเห็นถึงความสำคัญในการป้องกันรักษาป่า ตลอดจนผลกระทบที่เกิดขึ้นการบุกรุกพื้นที่ป่า นำมาสู่การบูรณาการในการแก้ไขปัญหาและเข้ามามีส่วนร่วมอย่างจริงจังในการป้องกันรักษาป่า ดัง เช่น บริษัททีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) ที่ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญ และได้เข้ามามีส่วนร่วมสนับสนุน โดยมอบกรมธรรม์ประกันชีวิตหมู่ให้แก่เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าในครั้งนี้

นายยุทธพล อังกินันท์ ที่ปรึกษา รมว.ทส. กล่าวว่า ถือเป็นเรื่องที่น่าชื่นชม สามารถสร้างขวัญและกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานด้านป้องกันและปราบปราม ที่มีความเสี่ยงอยู่ตลอดเวลา ต้องขอบคุณท่าน รมว.ทส. และทุกภาคส่วนที่ได้ร่วมมือกันจนสามารถสร้างหลักประกันให้เจ้าหน้าที่ของกรมป่าไม้ได้และคิดว่าโครงการดี ๆ แบบนี้จะดำเนินการต่อไปอย่างต่อเนื่องและขยายผลไปถึงหน่วยงานในสังกัด ทส. จะก่อให้เกิดประโยชน์กับเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานด้านป้องกันรักษาป่าได้อย่างทั่วถึง

https://drive.google.com/file/d/1IrcOp02zux3l9Qha0co7hviuRhrh_frm/view

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ทส. มอบของขวัญปีใหม่ 2569 เปิดแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติฟรีทั่วประเทศ เติมสุขประชาชน

กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เดินหน้ามอบของขวัญปีใหม่ พ.ศ. 2569 ให้แก่ประชาชนทั่วประเทศ เปิดให้เข้าชมแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ โดยยกเว้นค่าธรรมเนียม พร้อมจัดบริการอำนวยความสะดวกและกิจกรรมส่งความสุขช่วงเทศกาลปีใหม่ เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่าย เติมเต็มความสุข และส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์อย่างยั่งยืน

“รมว.ทส. มอบนโยบายขับเคลื่อนการบริหารทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน เน้นรับมือไฟป่า ดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยว และแก้ปัญหาช้างป่า

วันนี้ (25 ธันวาคม 2568) เวลา 10.00 น. นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ลงพื้นที่เพื่อตรวจราชการในพื้นที่จังหวัดจันทบุรี และมอบนโยบายด้านการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนแก่ผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่ในสังกัดกระทรวงฯ ณ ห้องประชุมอาคาร กปร.

ทส. จัดกิจกรรม “พิทักษ์ผืนป่า ถวายพระมารดาแห่งแผ่นดิน” สืบสานพระราชปณิธาน สมเด็จพระราชชนนีพันปีหลวง ณ อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี

วันนี้ (24 ธันวาคม 2568) เวลา 11.00 น. ดร.รวีวรรณ ภูริเดช ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานเปิดกิจกรรม “พิทักษ์ผืนป่า ถวายพระมารดาแห่งแผ่นดิน” โดยมีคณะผู้บริหาร ตลอดจนเจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กรมป่าไม้ และกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง

'วราวุธ' เผยอบอุ่น-มีพลังอยู่บ้านภูมิใจไทย ไม่แคร์ 'ยศชนัน' เปิดซิงสุพรรณฯ ลั่นเจาะได้ก็ลองกันดู

“วราวุธ​” ลั่น​ "เจาะได้ก็ลองกันดู" หลัง​ “ยศนัน” หอบคณะเพื่อไทย​ ลงพื้นที่หาเสียงสุพรรณบุรี​ บอก​ แย่งพื้นที่ได้หรือไม่ประชาชนเป็นผู้ตัดสิน​ ​

“รองนายกฯ สุชาติ สั่ง คพ. จับตาลักลอบทิ้งสารเคมี 24 ชม. รุกสร้างเครือข่ายเฝ้าระวังสิ่งแวดล้อมฉะเชิงเทรา ตรวจพบต้องสอบทันที”

นายสุรินทร์ วรกิจธำรง อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) เปิดเผยว่า นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีความห่วงใยต่อสถานการณ์การลักลอบทิ้งกากของเสียและสารอันตรายในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) โดยเฉพาะจังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งมีแนวโน้มทวีความรุนแรงและซับซ้อนมากขึ้น