สถานการณ์ไทย-กัมพูชา มันมีการเซตอัปขึ้นมา ใครด่าผมคลั่งชาติ ก็ช่างมัน

สถานการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนี้ ผมเชื่อว่ามันมีการเซตอัปขึ้นมา มีการคุยกัน มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญหรือเรื่องที่เกิดขึ้นโดยไม่ได้มีใครวางแผน เชื่อว่ามันมีการวางแผนไว้หมด...เราต้องไม่ไปเดินตามเกมเขมร เขมรมันอยากพูดเรื่องอะไรก็เรื่องของมัน หากมันรุกล้ำเข้ามาเราต้องรักษาอธิปไตย และเมื่อบอกว่าปราสาททั้ง 3 เป็นของเขมรแล้วจะเอาคืน  ถ้ามันอยากเอาคืน มึงก็ต้องยกกองทัพมา มึงอย่าไปศาลโลก มึงแน่จริงมึงยกกองทัพมา

สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ยังคงเป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องติดตามกันต่อไป แม้หลายวันที่ผ่านมาสถานการณ์ที่ช่องบก จ.อุบลราชธานี จะคลายความตึงเครียดลง หลังกัมพูชามีการปรับกำลังทหารและดำเนินการกลบคูเลตให้กลับคืนสู่สภาพธรรมชาติตามเดิมตามข้อเสนอของฝ่ายไทย สาเหตุเพราะกัมพูชายังคงเดินหน้ายื่นเรื่องต่อศาลโลกเพื่อขอชี้ขาด 4 พื้นที่พิพาทริมชายแดน คือปราสาทตาเมือนธม, ตาเมือนโต๊ด, ปราสาทตาควาย และพื้นที่สามเหลี่ยมมรกต ขณะที่ฝ่ายไทยประกาศไม่ยอมรับอำนาจศาลโลก และต้องการให้แก้ปัญหาพื้นที่พิพาทผ่านกลไกคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC)

รายการ ไทยโพสต์ อิสรภาพแห่งความคิด  สัมภาษณ์ "วีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน (คปต.), นักเคลื่อนไหวการเมืองและสังคม" ที่ก่อนหน้านี้เคยติดคุกที่กัมพูชาเป็นเวลาราว 3 ปี หลังถูกทหารกัมพูชาจับกุมตัวเมื่อ  21 ส.ค. 2553 พร้อมกับคณะอีก 7 คน และถูกศาลประเทศกัมพูชาตัดสินจำคุกข้อหาเข้าประเทศโดยผิดกฎหมายในยุครัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และต่อมาในยุครัฐบาล คสช. นายวีระได้รับการปล่อยตัวเมื่อ 1 ก.ค. 2557 โดยเรื่องปัญหาไทย-กัมพูชาในเวลานี้ ล่าสุดนายวีระได้ไปร่วมเคลื่อนไหวกับกลุ่มนายสนธิ ลิ้มทองกุล, นายจตุพร พรหมพันธุ์ คปท.ด้วยการยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 10 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยมีข้อเรียกร้องต่างๆ เช่น การให้รัฐบาลยกเลิก MOU 2543 เป็นต้น

"วีระ" กล่าวถึงการออกมาเคลื่อนไหวในครั้งนี้ว่า เพราะเห็นว่าสถานการณ์ต้องออกมา สถานการณ์ชายแดนไทย-เขมร ก็คิดว่าหากวันหนึ่งข้างหน้า หากเราต้องเสียดินแดนให้กับเขมรอีก หรือเกิดความเสียหายตามแนวชายแดนอีก ทั้งที่ผมสามารถออกมาพูด ออกมาเตือน ออกมาบอกกับสังคม ก็อาจทำให้มีการแก้ไข ทำให้ไม่ต้องเสียหาย เพราะหากมันเกิดความเสียหายขึ้นมา แล้วตัวเองต้องมานั่งเสียใจว่าทำไมวันนั้นไม่ออกมาพูด การมานั่งเสียใจ มันจะได้ประโยชน์อะไร จึงต้องออกมาเคลื่อนไหว 

สถานการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนี้ ผมเชื่อว่ามันมีการเซตอัปขึ้นมา มีการคุยกัน มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญหรือเรื่องที่เกิดขึ้นโดยไม่ได้มีใครวางแผน ผมเชื่อว่ามันมีการวางแผนไว้หมด

ขอเล่าเหตุการณ์ย้อนไปตั้งแต่ปี 2551 ตอนนั้น นายนพดล ปัทมะ อดีต รมว.ต่างประเทศเวลานั้นไปลงนามเอกสารยอมให้กัมพูชา นำพื้นที่โดยรอบปราสาทเขาพระวิหาร 4.6 ตารางกิโลเมตรให้กัมพูชาแต่เพียงฝ่ายเดียวเอาไปขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก แล้วคณะกรรมการมรดกโลกก็ได้ประกาศในปีนั้นรับรอง ให้ตัวปราสาทและพื้นที่ตรงนั้นเป็นพื้นที่มรดกโลก ทั้งที่คำพิพากษาของศาลโลกในปี พ.ศ. 2505 ศาลโลกพิจารณาแค่เพียงให้เฉพาะตัวปราสาทเท่านั้นที่ให้เป็นของเขมร และที่ให้เป็นของเขมร ศาลโลกก็มีความเห็นว่า แผนที่ผนวกหนึ่งที่มันไม่ใช่การตกลงกันในสนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส

 เพราะแผนที่ดังกล่าวฝรั่งเศสทำเพียงฝ่ายเดียวในปีค.ศ. 1908 หรือปี พ.ศ. 2451 แต่ตัวสนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส พ.ศ. 2471 ใช้มาตราส่วน 1 ต่อ 50,000 ซึ่งแผนที่ 1 ต่อ 50,000 เป็นแผนที่สากลที่โลกใช้กัน เขตแดนเขมรกับเวียดนามก็ใช้ 1 ต่อ 50,000 แต่พอเขตแดนไทยกับเขมร ทางเขมรจะมาอ้างใช้ 1 ต่อ 200,000 ซึ่งประเทศไทยไม่เคยทำสนธิสัญญาเขตแดนกับเขมร ทำกับฝรั่งเศสเท่านั้น แต่เขมรไปได้ประโยชน์จากสนธิสัญญาฉบับนี้ในปี พ.ศ. 2496 ที่ฝรั่งเศสให้เอกราชกับเขมร เขมรก็เลยได้ประโยชน์จากสนธิสัญญานี้ไปด้วย ไทยไม่เคยทำกับเขมร

แต่ทุกวันนี้เขมรก็ไปอ้างประโยชน์จากสนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส แต่เขมรไม่ได้เอาตัวสนธิสัญญา แต่ไปเอาตัวแผนที่ผนวกแนบท้ายที่ฝรั่งเศสทำขึ้น ซึ่งการตัดสินของศาลโลกเมื่อปี พ.ศ. 2505 ในเรื่องปราสาทเขาพระวิหาร ทางศาลโลกตัดสินว่าแม้ฝรั่งเศสจะทำเพียงฝ่ายเดียว  ไทยไม่ได้ทำ ไม่ได้รับรู้ด้วย แต่แผนที่ดังกล่าวฝรั่งเศสส่งมาให้ไทยแล้ว 50 ปี จนถึงวันที่มีคำพิพากษาเมื่อปี พ.ศ. 2505 ศาลโลกเห็นว่าเมื่อไทยไม่คัดค้านก็ถือว่ายอมรับโดยปริยาย เราแพ้ตรงนี้ นี่คือที่เขาอ้างเรื่องแผนที่ 1 ต่อ 200,000 ทั้งที่สนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศสตรงไหนที่ไม่มีสันปันน้ำ ให้ใช้ 1 ต่อ 50,000 แต่แผนที่ผนวกหนึ่ง ฝรั่งเศสที่ไปทำฝ่ายเดียวเมื่อปี 2451 ฝรั่งเศสเสียดายตัวปราสาท พอทำสนธิสัญญาเสร็จก็เลยนึกขึ้นได้ ก็เสียหาย เลยไปทำแผนที่ผนวก ให้ใช้แผนที่ 1 ต่อ 200,000 เพราะมันจะได้ลากเส้นรอบตัวปราสาท บนสันปันน้ำ หลายคนอาจสงสัยทำไมตอนนั้นไทยไม่กล้าค้าน  ที่ไม่ค้านเพราะขณะนั้นเรากำลังดีล กำลังต่อรองเพื่อเอาจังหวัดตราด กับอำเภอด่านซ้าย จังหวัดด่านซ้าย ที่จังหวัดเลย คืนจากฝรั่งเศส 

-มีการมองกันว่าปัญหาไทย-กัมพูชาที่เกิดขึ้นช่วงนี้ เกิดจากปัญหาการเมืองภายในกัมพูชา บ้างก็ว่าเพราะฮุน เซน ต้องการสถาปนาระบอบฮุน เซน ให้แก่ลูกชาย ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา และต้องการดินแดนเพิ่มเติม?

เขาต้องการเปลี่ยนเขตแดนใหม่ทั้งหมด โดยเริ่มตั้งแต่หลักที่ 1 ที่ช่องสะงำ ไปจนถึงหลักที่ 73 ที่จังหวัดตราด  เพราะเมื่อใช้แผนที่ 1 ต่อ 200,000 ทำให้ 7 จังหวัดของไทยที่ติดกับอยู่กับเขมรจะต้องถูกล้ำเข้ามา 200 เมตรอย่างต่ำ บางจุด 2 กิโลเมตร คิดคร่าวๆ ที่เราอาจเสียดินแดน ตั้งแต่หลักที่ 1 มาจนถึงหลักที่ 73 เฉพาะทางบก อย่างต่ำสุดเอาแค่ 200 เมตรตลอดแนวชายแดน เราจะเสียประมาณ 1 ล้าน 7 แสนไร่ แต่จริงๆ มากกว่านั้นอีก

และที่สำคัญที่จะต้องเสียตาม MOU 44 ที่ทักษิณ ชินวัตรไปทำไว้ มันคือผลประโยชน์ในอ่าวไทย เพราะพอไปถึงหลักเขตที่ 73 จะทำให้การลากเส้นแบ่งอาณาเขตทางทะเลเราจะเสียเกาะกูด เสียพื้นที่ให้กัมพูชาที่มันหมายถึงทำให้กัมพูชาได้พื้นที่ทางทะเลเพิ่มขึ้น ที่หมายถึงส่วนแบ่งผลประโยชน์ก๊าซ-น้ำมันจะเพิ่มมากขึ้น คนที่รอผลประโยชน์ตรงนี้คือฝรั่งเศส อันนี้คือฝั่งเขมร

ส่วนฝั่งไทยเรามีพญาละแวก มีผู้ที่รู้ข้อมูลและยืนยันข้อมูลกับคณะของเรา บอกว่ามันเริ่มตั้งแต่ที่ทักษิณเป็น รมว.ต่างประเทศ ยุครัฐบาลชวน หลีกภัย 1 ในปี 2537 ที่เราเชื่อว่าทักษิณตกลงกับฮุน เซน ที่ต้องการผลประโยชน์จากอ่าวไทย เพราะระบอบทักษิณมองขาดว่า หากจะมาหาประโยชน์จากอ่าวไทย จากที่จะไปยึดบริษัทหรือเข้าไปมีหุ้นในบริษัทเกี่ยวกับพลังงาน แล้วไปรับสัมปทานในประเทศไทย มันต้องผ่านขั้นตอนกระบวนการหลายอย่างถึงจะได้สัมปทาน แต่ถ้าไปตกลงกับฮุน เซน  มันง่ายเพราะกัมพูชาทุกอย่างอยู่ที่ฮุน เซนหมด อันนี้เขาเชื่ออย่างนั้น มันก็เลยเป็นกระบวนการภายในของเรา ที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าหากทักษิณกลับมามีอำนาจเมื่อใด ปัญหาแบบนี้ (สถานการณ์บริเวณชายแดน) จะเกิดขึ้นทุกครั้ง 

มาครั้งนี้ก็เริ่มตั้งแต่ปลายปี 2567 ที่ส่งทหารเขมร  คนเขมรขึ้นมาร้องเพลงชาติที่ปราสาทตาเมือนธม เพราะต้องการจุดประเด็นที่ปราสาทตาเมือนธมเหมือนกับปี 2554 ที่มีการปะทะกันที่ปราสาทตาควาย จนฮุน เซน เอาเหตุการณ์ดังกล่าวไปขึ้นศาลโลก โดยรัฐบาลอภิสิทธิ์  เวชชาชีวะ ตอนนั้นไม่รู้เท่าทัน หรือจะรู้เท่าทันแต่วางแผนยังไงก็ไม่รู้ ยอมไปขึ้นศาลโลก จนศาลโลกตัดสินในปี 2556 เราก็ต้องเสียพื้นที่อีก 4.6 ตารางกิโลเมตร เหมือนกันเลย ตอนนี้ก็กลับมาจุดไฟสงครามที่ปราสาทตาเมือนธม แต่กระแสสังคมในประเทศไทยไม่ยอม ต่อต้านอย่างแรง เลยเปลี่ยนจุดไปที่ช่องบก บุกเข้ามา 200 เมตร ทหารไทยไม่มีทางเลือกอื่น ก็ต้องยิง มีปะทะกัน แต่ที่ยิง เขายิงก่อน เพราะเราเตือนแล้วให้ออกไป เพราะเขมรต้องการเอาเรื่องไปศาลโลก ฮุน เซน ก็พูดชัดเจนว่าจะเอาปราสาทคืนทั้งหมด 3 แห่งอย่างน้อยและสามเหลี่ยมมรกต  และผมเชื่อว่าอีกไม่นานจะเกิดการปะทะที่ปราสาทตาเมือนธม เพราะตอนนี้มันส่งกำลังมาอัดไว้ที่นั่นเยอะมาก แล้วทหารเขมรก็ไม่ได้ถอนกำลังตรงช่องบก โกหกทั้งนั้น

ทหารยืนยันบอกว่าโกหก ฮุน เซนก็บอกอยู่แล้ว คูเลตตรงนั้นคือเขตอธิปไตยของเขา ไม่ได้ถอน เป็นการปรับกำลังเพื่อเตรียมการรบ ฮุน เซนพูดชัด โพสต์ในเพจของเขา และสอดคล้องกับแถลงการณ์ของกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ที่เผยแพร่ทั้งประเทศและไปทั่วโลก ตรงนี้ผมให้น้ำหนักและเชื่อมากกว่าการแถลงของรัฐบาลไทยที่ว่าเขมรถอนกำลัง ผมไม่เชื่อ เพราะยังไม่มีใครเห็นภาพจริง สื่อมวลชนก็ยังไม่มีใครได้ภาพจริง

 -มาตรการปิดด่านชายแดนเป็นอย่างไร เป็นการใช้มาตรการจากเบาไปหาหนัก?

มันได้ผล มันเป็นมาตรการที่ได้ผล ถูกต้องแล้วที่ใช้วิธีนี้ ถ้าจะไม่รบก็ต้องใช้วิธีบีบแบบนี้ แต่ไม่ใช่รัฐบาลคิด ทหารเขาคิด ทหารเขาบอกมาตรการนี้ แต่ภูมิธรรม เวชยชัย รมว.กลาโหมเบรก บอกห้ามปิด จนกระแสสังคมอัดรัฐบาล ทำให้รัฐบาลไปไม่เป็น จนมีการเรียกประชุม สมช.  รัฐบาลกลัวทหารยึดอำนาจ ภูมิธรรมเลยรีบบอกคืนอำนาจการตัดสินใจให้ทหาร เพราะเขากลัวว่าทหารจะยึดอำนาจ  หากไม่ทำอะไรที่ปกป้องอธิปไตย และทหารก็ต้องพูดตรงๆ  มันก็มีทหารบางคนอยากได้จังหวะตรงนี้ยึดอำนาจ ซึ่งผมไม่สนับสนุนเลย หากทหารจะรักษาอธิปไตยก็แค่ประกาศกฎอัยการศึก รัฐบาลก็อยู่ใต้กฎอัยการศึก ไม่ต้องไปฉีกรัฐธรรมนูญ

กัมพูชาละเมิด MOU 43 400 กว่าครั้ง ไทยต้องยกเลิก เพื่อรักษาอธิปไตยประเทศ

-ที่กลุ่มนายสนธิ ซึ่งมีคุณวีระด้วยไปยื่นหนังสือถึงรัฐบาลเมื่อ 10 มิ.ย. ที่เสนอให้ยกเลิก MOU 2543 และ MOU 2544 ทำไมถึงยื่นข้อเสนอนี้?

 เพราะใน MOU 2543 มีข้อความอยู่ในใบปะหน้า และอยู่ในตัว MOU ที่บอกว่ากัมพูชาขออ้างใช้แผนที่ 1 ต่อ 200,000 ที่ตรงนี้จะเกิดความเสียหาย ความฉิบหายกับผลประโยชน์ของประเทศ เพราะการปักปักเขตแดนระหว่างสยามกับฝรั่งเศส แต่เขมรได้ประโยชน์  ได้ผลพลอยได้จากที่ฝรั่งเศสให้เอกราช ซึ่งหากยกเลิก MOU 2543 ก็จะทำให้กลับไปใช้สนธิสัญญา ก็เป็นการใช้แผนที่ 1 ต่อ 50,000 เราก็ไม่ต้องปักปันเขตแดนใหม่ ที่ทำให้เสียพื้นที่ทั้งทางบกและทางทะเล อันนี้คือประโยชน์ประเทศไทย ทำไมจะยกเลิกไม่ได้ และที่สำคัญ ตั้งแต่ลงนาม MOU 2543 มาจนถึงทุกวันนี้ เขมรมันฉีกแล้วคือมันไม่ปฏิบัติตาม 400 กว่าครั้ง เราก็ประท้วงอย่างเดียวแต่เขมรไม่สนใจ ก็หมายถึงมันฉีกไปแล้ว

ในเมื่อเขมรมันเป็นฝ่ายฉีก MOU เราก็ต้องถือโอกาสว่าในเมื่อมึงฉีก กูก็จะบอกกับมึงว่ากูก็จะไม่รับอีกต่อไปแล้ว จบ เราไม่ได้เป็นฝ่ายฉีกมันเป็นฝ่ายฉีก นี่คือเหตุผล การยกเลิกไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยทั้งสองฝ่าย ก็แจ้งไปเลย ก็เหมือนกับที่มันฉีกเราฝ่ายเดียว มันไม่ทำตาม MOU เหมือนกับมันแจ้งเราแล้วไง กูไม่ปฏิบัติตาม 400 กว่าครั้ง

แล้วล่าสุด ก็วันที่ 28 พ.ค. ที่มันขุดสนามเพลาะจนต้องปะทะกัน เช่นเดียวกับ MOU 2544 ก็ควรยกเลิก จะเก็บไว้ทำไม ส่วนที่ผ่านมาไม่ยอมยกเลิก ก็เพราะเรื่องของผลประโยชน์ของผู้มีอำนาจสองคน ประชาชนชาวไทยกับประชาชนชาวกัมพูชาไม่ได้ประโยชน์อะไรด้วย คนที่ได้ประโยชน์สูงสุดคือผู้มีอำนาจไทยกับเขมร

วันที่เราไปยื่นหนังสือกับรัฐบาล ก็ขอให้ปฏิบัติเพื่อรักษาประโยชน์ประเทศ เพื่อต้องการรักษาอธิปไตยและดินแดนเอาไว้ให้กับลูกหลาน เราจะช่วยรักษาประโยชน์ให้แผ่นดินมันผิดด้วยหรือ พวกนี้กำลังทำให้เราต้องเสียแผ่นดิน เสียดินแดน แต่พวกผมพยายามรักษาอธิปไตยและดินแดนเอาไว้ โดยหากยกเลิก MOU 2543 ก็จะทำให้ คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (Joint Boundary Commission-JBC) สิ้นผลไปด้วย เพราะเจบีซีตั้งขึ้นมาตาม MOU 2543

-หากรัฐบาลไม่ยกเลิก MOU 2543 แล้วจะบริหารเจบีซีให้มีประโยชน์ได้อย่างไรบ้าง?

ก็ต้องเปลี่ยนตัวประธานเจบีซี ประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ประธาน JBC ฝ่ายไทย อดีตทูตไทยประจำกรุงพนมเปญในช่วงเขมรจับตัวผมไป สาเหตุที่นายประศาสน์ ไม่เหมาะสม เพราะไม่ได้ปกป้องแผ่นดินไทย เนื่องจากผมกับคนไทยรวม 7 คนถูกจับที่บริเวณบ้านหนองจาน จ.สระแก้ว เมื่อปี 2553 บ้านหนองจานอยู่ในเขตประเทศไทย แต่ถูกเขมรส่งกำลังมายึดทั้งหมู่บ้านหลัง MOU 43 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ปี 2543 สิบปีต่อมาในปี 2553 ที่ผมเข้าไป แล้วมันจับผมไปติดคุก ดังนั้นมันยังเป็นพื้นที่ของไทยอยู่ เพราะการเจรจาที่อ้างกันมันยังไม่จบ  ยังไม่บอกว่าจะเอายังไง เป็นพื้นที่ซึ่งจะมาจับใครไม่ได้  ดำเนินคดีไม่ได้ แต่นายประศาสน์มาบีบคนไทยทั้ง 7 คนให้ยอมรับผิด แล้วจะมาเอาคนแบบนี้ที่ไม่ได้รู้จริงหรือจะมีเหตุผลอะไร จะเอาคนแบบนี้หรือไปเจรจา แล้วจะรักษาอธิปไตยให้ไทยได้อย่างไร จะให้ผมเชื่อมั่นได้อย่างไร

และตัวเขาเองเป็นเอกอัครราชทูต เวลาเขามายัดข้อหา 7 คนไทย ไม่ได้ปกป้องเรา แต่กลับมาบอกให้เรายอมรับว่าเข้าไปเขตแดนของเขมร ซึ่งเรายอมรับไม่ได้ แล้วเขมรยังมากล่าวหาอีกว่าเราเข้าเขตทหาร ก็ยิ่งยอมรับไม่ได้เพราะมันไม่มีเขตทหาร คนอื่นพอยอมรับสารภาพมันก็ปล่อย แต่ผมไม่ยอมรับสารภาพ เพราะผมยืนยันว่าเป็นพื้นที่แผ่นดินไทย มันยัดข้อหาผมเพิ่มเป็นจารชนสายลับ ประเทศไทยโดยสถานทูตไทยตอนนั้นไม่ได้ปกป้องผมเลย  แทนที่จะบอกว่าวีระไม่ใช่สายลับ เพราะราชการต้องรู้ว่าผมไม่เคยไปทำงานอะไรเกี่ยวกับความมั่นคง ไม่ใช่เจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคง

ส่วนเหตุผลปัจจุบันที่ผมเห็นว่าให้เปลี่ยนตัวประธานเจบีซี เพราะมีข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศร้องเรียนผมว่าไม่เหมาะสม ไปตั้งนายประศาสน์ได้อย่างไร  เพราะที่ผ่านมาประธานคณะกรรมการเจบีซีฝ่ายไทย อย่างต่ำก็คือปลัดกระทรวงการต่างประเทศ

โดยคนก่อนหน้านี้คือ รมช.ต่างประเทศ เป็นประธาน และคนในกระทรวงต่างประเทศยืนยันกับผม ว่านายประศาสน์ไม่เหมาะสมเพราะเป็นคนที่มีอีคิวต่ำ ควบคุมอารมณ์ไม่ได้ และที่ผ่านมามีท่าทีไปเอื้อประโยชน์ให้กับเขมร หลักฐานผมมี เป็นหลักฐานที่นายประศาสน์ไปโพสต์ลงในกลุ่มไลน์อดีตข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศ โดยบอกว่าที่จะไปประชุมเจบีซี เขามีความเห็นว่าไทยยอมรับแผนที่ 1 ต่อ 200,000 เพราะไทยจะได้ประโยชน์ หนึ่งร้อยตารางกิโลเมตร แต่ไม่ได้ระบุว่าอยู่ตรงไหน แต่ผมไม่เชื่อเพราะหากใช้แผนที่ 1 ต่อ 200,000 มันมีแต่ล้ำเข้ามาในประเทศไทย มันไม่ได้ถอยเข้าไปในเขมร แล้วจะได้ประโยชน์หนึ่งร้อยตารางกิโลเมตรได้อย่างไร

ส่วนการประชุมเจบีซีมันจะไปได้น้ำได้เนื้ออะไร ในเมื่อฝ่ายทหารที่ต้องไปเป็นหนึ่งในคณะกรรมการทหาร เขาก็ยืนยันว่าเมื่อไปประชุมทหารต้องยืนยันแผนที่ 1 ต่อ 50,000 เท่านั้น แต่เขมรมันยืนยัน 1 ต่อ 200,000  แล้วจะคุยกันได้ยังไง อีกทั้งฮุน เซน ก็ประกาศมาตลอดว่าเขาไม่คุยเจบีซี เพราะเอาเรื่องไปร้องศาลโลกแล้ว ทั้งปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาเมือนโต๊ด ปราสาทตาควาย พื้นที่สามเหลี่ยมมรกต ไทยไปก็แค่ไปรับฟังเขมร  แล้วจะไปประชุมเจบีซีทำไม ก็มันประกาศไปทั้งโลกแล้ว    

-กัมพูชามีการตั้งกองทุนเพื่อสนับสนุนกองทัพในการปกป้องชายแดนของประเทศ โดยฮุน เซน บริจาคเงิน 300 ล้านเรียล (ราว 2.4 ล้านบาท) ให้กองทุนฯ แสดงว่าเขาหวังชนะในศาลโลก?

เป็นเป้าหมายของเขา โดยทางเราต้องไม่ไปเดินตามเกมเขมร เขมรมันอยากพูดเรื่องอะไรก็เรื่องของมัน หากมันรุกล้ำเข้ามาเราก็ต้องรักษาอธิปไตย และเมื่อบอกว่าปราสาททั้ง 3 เป็นของเขมรแล้วจะเอาคืน ถ้ามันอยากเอาคืน มึงก็ต้องยกกองทัพมา มึงอย่าไปศาลโลก มึงแน่จริง มึงก็ยกกองทัพมา และถ้ายกกองทัพมา ประเทศไทยก็ถือโอกาสเอาคืนทั้งหมดที่เราต้องเสียให้ฝรั่งเศส พระตะบอง, เสียมราฐ, ศรีโสภณ

และผมอยากบอกคนไทยว่า ที่บ้านหนองจานที่ผมถูกจับ มันอยู่บนแผ่นดินไทย เพราะฝั่งตรงข้ามคือจังหวัดบันเตียเมียนเจย ที่ในอดีตก็คือศรีโสภณ ผมจึงกล้าพูดว่าบ้านหนองจานหรืออีกฝั่งหนึ่งตอนนี้ ถ้าเราไม่เสียให้ฝรั่งเศสก็คือแผ่นดินไทย ก็ถือโอกาสเอาคืนให้หมด หากเขมรเกเร ทำตัวเป็นนักเลงโต มึงก็เอาทหารมา ถ้าอยากได้ 3 ปราสาท-สามเหลี่ยมมรกต เพราะมันเป็นสิทธิของเรา เราไม่ได้เสียให้เขมร แต่เราเสียให้ฝรั่งเศส เพราะตอนนั้นเราสู้ฝรั่งเศสไม่ได้ เราก็ยอมเสียบางส่วนเพื่อรักษาพื้นที่ส่วนใหญ่เอาไว้

...ถ้าจำเป็น เราก็ต้องระดมคนเพื่อขับไล่รัฐบาลออกจากตำแหน่ง เพราะเราคงทนไม่ได้ และรอไม่ได้ที่จะให้ชาติบ้านเมืองฉิบหายไปต่อหน้าต่อตา ที่จะเห็นรัฐบาลไม่สามารถรักษาแผ่นดินไว้ได้ เราก็รอดูผลประชุมเจบีซีวันที่ 14 มิ.ย.นี้ก่อนว่าจะเสียอะไรหรือไม่...ถ้าผมรักชาติ รักแผ่นดิน ใครจะด่าว่าผมคลั่งชาติก็ช่างมัน ผมก็ยังดีกว่าพวกโกงชาติ ขายชาติ ระหว่างคนรักชาติที่ถูกกล่าวหาว่าคลั่งชาติ กับไอ้คนโกงชาติ ขายชาติ ใครเลวกว่ากัน ผมไม่มีปัญหาใครจะด่าว่าผมคลั่งชาติ แต่ผมรักษาประโยชน์ให้แผ่นดิน ใครจะด่าก็ด่าไป

ถ้ารัฐบาลทำให้เสี่ยงเสียแผ่นดิน ก็ต้องไล่มันออกไป!

-ช่วงเหตุการณ์ที่ผ่านมาดูเหมือนคนชื่นชมทหารไม่น้อย โดยเฉพาะกองทัพภาคที่สอง แต่ในซีกของรัฐบาลที่คนมองว่าเชื่องช้าและประเด็นไม่ได้ คิดว่าการเมืองเรื่องความมั่นคงต้องปรับปรุงอย่างไร?

ก็ต้องไล่มันออกไปรัฐบาลชุดนี้ ผมพูดตรงๆ เลย ถ้ายังเป็นอยู่แบบนี้ต่อไปก็ออกไป หาคนใหม่เข้ามาทำแทน  แต่ไม่ใช่การยึดอำนาจ ขอให้เป็นไปตามวิถีประชาธิปไตย  คือประชาชนต้องไล่ออกไป หากยังเอาใจเขมร ปกป้องเขมรแบบนี้ ทหารเสนอวิธีปิดด่านปิดชายแดนมา รัฐบาลกลับไปห้ามเขา ทหารเขาอยากใช้วิธีซึ่งทั่วโลกเขาใช้คือ เมื่อกองทัพต่างชาติเข้าไปในดินแดนใครแล้วถืออาวุธสงครามเข้ามา เขาก็ยิงก่อน

 ดูอย่างประเทศลาว เขาก็ยิงเลย ไม่ต้องยกหูโทรศัพท์ไปถามแม่ทัพ แล้วแม่ทัพต้องยกหูไปถาม รมว.กลาโหม ประเทศไทยต้องทำแบบนี้ ไม่อย่างนั้นเขมรมันได้ใจ แล้วรัฐบาลยังจะบอกว่าทหารอย่าใช้ความรุนแรง อย่าไปยิงเขา มันมีที่ไหนในโลก รมว.กลาโหมประเทศไทยสั่งกองทัพว่าถึงมันล้ำเข้ามา ก็มาบอกว่ารอก่อน เดี๋ยวเจรจาเอง ทหารอยู่เฉยๆ ภูมิธรรมถือว่าความผิดสำเร็จแล้ว เพราะทำให้อธิปไตยของชาติเสียไปแล้ว ตั้งแต่วันที่เขมรเข้ามาเมื่อเดือน พ.ค.จนถึงปัจจุบัน

-ที่บอกเรื่องการไล่รัฐบาล รอบนี้มองถึงขั้นลงถนนหรือไม่?

ถ้าจำเป็น เราก็ต้องระดมคนเพื่อขับไล่รัฐบาลออกจากตำแหน่ง เพราะเราคงทนไม่ได้ และรอไม่ได้ที่จะให้ชาติบ้านเมืองฉิบหายไปต่อหน้าต่อตา ที่จะเห็นรัฐบาลไม่สามารถรักษาแผ่นดินไว้ได้ เราก็รอดูผลประชุมเจบีซีวันที่ 14 มิ.ย.นี้ก่อนว่าจะเสียอะไรหรือไม่ เท่าที่เราคุยกันไว้ ทั้งหมด ฮุน เซนคิดได้ แต่ไทยก็ไม่ยอมให้ทำ แต่อย่าหวัง ถ้าผมไม่ตายก่อน ก็ใช้ทุกวิถีทางของผม

 ผมก็เสรีภาพในการรักษาแผ่นดินเอาไว้ให้ลูกหลาน ผมก็จะทำทุกวิถีทางแล้วกัน ถ้าผมรักชาติ รักแผ่นดิน ใครจะด่าว่าผมคลั่งชาติก็ช่างมัน ผมก็ยังดีกว่าพวกโกงชาติ ขายชาติ ระหว่างคนรักชาติที่ถูกกล่าวหาว่าคลั่งชาติ กับไอ้คนโกงชาติ ขายชาติ ใครเลวกว่ากัน ผมไม่มีปัญหาใครจะด่าว่าผมคลั่งชาติ แต่ผมรักษาประโยชน์ให้แผ่นดิน ใครจะด่าก็ด่าไป ผมมั่นใจว่าผมดีกว่าพวกโกงชาติ ขายชาติแน่นอน.