ถอดบทเรียนและสดุดี การต่อสู้ของ “เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.)” เพื่อปฏิรูปประเทศไทยสู่ประชาธิปไตยของประชาชนอย่างแท้จริง
🔹 พลังศรัทธาแห่งอุดมการณ์: จุดเริ่มต้นของการต่อสู้
“การเมืองไทย” มักเดินอยู่ระหว่างเส้นบาง ๆ ของ “อำนาจ” และ “ความชอบธรรม” ในห้วงเวลาที่ผู้มีอำนาจต่าง ช่วงชิงพื้นที่กันอย่างดุเดือด สิ่งที่ยืนหยัดอยู่เหนือการแย่งชิงเหล่านั้น คือ พลังศรัทธาของภาคประชาชน คือพลังที่ไม่ต้องการอำนาจ แต่ต้องการความถูกต้อง
การเคลื่อนไหวของ เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) คืออีกบทสำคัญในประวัติศาสตร์ การต่อสู้ของภาคประชาชนไทย ที่สะท้อนถึงพลังของคนหนุ่มสาวและประชาชนผู้ไม่ยอมจำนนต่อความไม่ยุติธรรม
ท่ามกลางกระแสความเปลี่ยนแปลงนั้น ชื่อของเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ยังคงปรากฏอยู่ในหน้าประวัติศาสตร์ร่วมสมัยของไทย ในฐานะขบวนการที่เริ่มต้นจาก “การลุกขึ้นทวงความยุติธรรม” และวันนี้กำลังเปลี่ยนผ่านสู่ “ยุทธศาสตร์แห่งปัญญา”
คปท. ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2556ท่ามกลางวิกฤตทางการเมืองครั้งใหญ่ ภายหลังรัฐบาลในขณะนั้นพยายามผลักดัน ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม “สุดซอย” อันถูกมองว่าเป็นการล้างผิดให้ผู้ทุจริต การตัดสินใจของนักศึกษาและประชาชนที่แยกตัวออกมาปักหลักชุมนุมที่ “แยกอุรุพงษ์” จึงไม่ใช่เพียงการประท้วง แต่คือ การยืนหยัดต่อหลักความถูกต้องและศีลธรรม ✒️ “เมื่ออำนาจไม่ยุติธรรม ประชาชนย่อมมีสิทธิ์ลุกขึ้นเพื่อความยุติธรรม”
🔹 การต่อสู้ท่ามกลางความเสี่ยง: ความกล้าหาญที่จารึก
ในช่วงวิกฤตการณ์ปี 2556–2557 คปท. คือหนึ่งในแนวหน้าของการเคลื่อนไหวภาคประชาชน โดยมีเป้าหมายชัดเจนคือ “ขจัดระบอบทักษิณ และปฏิรูปประเทศผ่านพลังอำนาจของประชาชน”
แม้ต้องเผชิญแรงกดดันจากรัฐ ความรุนแรง และความสูญเสีย แต่มวลชนของ คปท. ยังคงยึดมั่นในอุดมการณ์แห่งความถูกต้อง การปักหลักชุมนุมที่สะพานชมัยมรุเชษฐ์ กลายเป็น สัญลักษณ์ของความกล้าหาญและความเสียสละ เพื่อประชาธิปไตยที่แท้จริง
✊ “คปท. ไม่ได้ต่อสู้เพื่ออำนาจของใคร แต่ต่อสู้เพื่อศักดิ์ศรีของประชาชนไทยทุกคน”
🔹 จากถนนสู่เวทีปฏิรูป: การขับเคลื่อนที่เติบโตด้วยปัญญา
เมื่อสถานการณ์ทางการเมืองที่ผู้มีอำนาจ ไม่ยอมรับฟังเสียงของประชาชน การเกิดขึ้นของ กลุ่มรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย ที่ประกอบด้วยนักธุรกิจ นักวิชาการ และพี่น้องประชาชนที่รักชาติรักประชาธิปไตย ปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นผลสะเทือน จากเคลื่อนไหวของ คปท. ในฐานะที่เป็นกองหน้า ขององค์กรภาคประชาชน
ในสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป คปท. ได้แสดงให้เห็นถึงความเข้าใจในธรรมชาติของการเมืองและพลังของเวลา ด้วยการปรับบทบาทจาก “ขบวนการต่อสู้บนถนน” สู่ “ขบวนการตรวจสอบและขับเคลื่อนเชิงระบบ”บทบาทของ คปท. ในช่วงหลังสะท้อนถึงพลังแห่งการเรียนรู้และความต่อเนื่อง เช่น
การขับเคลื่อนเหล่านี้พิสูจน์ว่า คปท. ยังคงรักษาหลักการแห่ง “ประชาชนเป็นเจ้าของประเทศ” และใช้ปัญญาเป็นเครื่องมือในการต่อสู้เพื่อความถูกต้อง
🔹 การตัดสินใจครั้งสำคัญ: “ยุติการชุมนุม” กับ“ภารกิจที่ต้องก้าวต่อไป”
การประกาศ ยุติการชุมนุมภาคสนามเฉพาะหน้าไม่เพียงสะท้อนการคำนึงบริบทของเวลาและสถานการณ์แวดล้อมที่มีการเปลี่ยนแปลง ยังได้สะท้อนขั้นตอนจังหวะก้าวหนึ่งเพื่อก้าวไปสู่อีกจังหวะก้าวหนึ่งของการปรับเปลี่ยนรูปแบบการต่อสู้ให้หลากหลายยิ่งขึ้น ถือเป็น การตัดสินใจเชิงยุทธศาสตร์ที่มีนัยสำคัญ คปท. ตระหนักว่า การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยของประชาชนไม่จำเป็นต้องอยู่บนถนนเสมอไป แต่สามารถ แปรพลังการชุมนุมให้เป็นพลังทางปัญญา ที่สานต่อในทุกเวที ตั้งแต่การตรวจสอบเชิงนโยบาย ไปจนถึงการขยายแนวร่วมกับภาคส่วนต่าง ๆ ของสังคม
💬 “เมื่อการต่อสู้บนถนนสิ้นสุดลง การต่อสู้ในใจของผู้คนเพิ่งเริ่มต้น”
🔹 จาก “ค่ายนักสู้” สู่ “เครือข่ายแห่งปัญญาเพื่อประชาธิปไตยและสังคมที่ดีกว่า”
การปรับเปลี่ยนการเคลื่อนไหวของ คปท. จึงไม่ใช่การถอย แต่คือ การก้าวไปข้างหน้าด้วยสติและปัญญาไม่จำกัดตกเองเพียงการชุมนุมบนถนน สู่การต่อสู้เชิงนโยบาย จากพลังแห่งอารมณ์ สู่พลังแห่งเหตุผลและความร่วมมือ
นี่คือภาพสะท้อนของ “ขบวนการภาคประชาชน”ขบวนหนึ่ง ที่ไม่ยอมจำนนต่อระบบอำนาจที่ฉ้อฉลใดๆ แต่เลือกยืนหยัดด้วยสัจจะความจริง ความยุติธรรม และความรักชาติ
🕊️ “ประชาธิปไตยที่แท้จริง ไม่ได้เกิดจากเสียงโห่ร้องของคนบนเวที
แต่เกิดจากหัวใจของประชาชนที่ไม่ยอมแพ้ต่อความไม่ยุติธรรม”
“ทีมงานการเมืองทางใหม่ เพื่อสังคมที่ดีงาม” หวังเห็น “คปท. จะยังคงเดินหน้าด้วยอุดมการณ์แห่งความถูกต้อง เพื่อการปฏิรูปใหญ่ประเทศไทยทุกมิติให้สังคมไทยหลุดพ้นวงจรอุบาทว์จาการเมืองสีเทาเศรษฐกิจสีเทา หรือนโยบายที่เอื้อประโชน์แก่คนหยิบมือเดียว รวมทั้งการผลักดันความมีนิติรัฐนิติธรรมให้เกิดขึ้นในสังคม ประชาชนส่วนใหญ่พ้นจากภาวะความเหลื่อมล้ำยากจนปากกัดตีนทีบ ด้วยพลังแห่งความรู้ ความร่วมมือ และความศรัทธา ความเชื่อมั่นในพลังของประชาชน”
การต่อสู้เพื่อ “ประชาธิปไตยของประชาชน เพื่อสังคมที่ดีงามที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง” ไม่จำต้องจบลงที่การปักหลักชุมนุมเสมอไป หากแต่คือวิถีแห่งกระบวนการดำเนินภารกิจให้ต่อเนื่องกระบวนการหนึ่งด้วยการหล่อหลอมตนเองให้มีจิตสาธารณะเสียสละ ผ่านการเก็บรับททเรียน สู่ความเฉียบคมในการบูรณาการรูปแบบการทำงานการเมืองภาคประชาชนให้มีคุณภาพสูงยิ่งขึ้น รักษาความต่อเนื่องอย่างสร้างสรรค์บนการยืนหยัดเพื่อความถูกต้องในทุกมิติต่อไป.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'อภิสิทธิ์' ลั่นต่อสู้ให้การเมืองกลับมาเป็นเรื่องความนิยมอุดมการณ์-นโยบายตัวบุคคล
หัวหน้าปชป. ไม่หวั่น อดีต สส. แห่ย้ายพรรค พร้อมส่ง สส.ชน ย้ำไม่มีใครผูกขาดคะแนนเสียง บอกหากวันเลือกตั้งต้องขยับ เนื่องจากเหตุสุดวิสัยเป็นเรื่องเข้าใจได้
ภูมิใจไทยปลุกพลังผู้สมัครสส. ชูสโลแกน 'พูดแล้วทำพลัส' ตั้งเป้าเกิน 200 ที่นั่ง!
แกนนำภูมิใจไทยกำชับว่าที่ผู้สมัคร สส.เดินเกมเลือกตั้งตามกติกา กกต. ชูผลงานรัฐบาลเป็นจุดขาย พร้อมปลุกใจหากทุ่มเทเต็มที่ มีลุ้นกวาดเกิน 200 ที่นั่ง มองสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชามีแนวโน้มคลี่คลายก่อนปีใหม่
เพื่อไทย ชูเครือญาติ 'ชินวัตร' นั่งแคนดิเดตนายกฯ อันดับ 1
"เพื่อไทย ชู "ยศชนัน" นั่งแคนดิเดตนายกฯ เบอร์ 1 ชี้ไม่เป็นปัญหาถูกมองหนีไม่พ้นตระกูลชินวัตร ลั่นเป็นโอกาส-จุดเด่น รับเป็นหน้าใหม่การเมือง เชื่อเวลา 2 เดือน ชนะใจปชช.ได้ พร้อมยัน ไม่ถูกครอบงำจาก “เยาวภา” ด้าน “สุริยะ” ยังมั่นใจ ถึงเป้า 200 ที่นั่ง ขณะที่ “จุลพันธ์” ประกาศพร้อมฝ่าด่านอำนาจรัฐ กระสุน กระแสชาตินิยม สู่ชัยชนะด้วยนโยบาย
ปชป. ชู 3 แกนหลัก การเมืองสุจริต ความเป็นมืออาชีพ ไว้วางใจได้ไม่มีดีลลับ
ปชป. ประกาศเดินหน้าเปลี่ยนผ่านสู่ยุคใหม่ ชู 3 แกนหลัก สุจริต-มืออาชีพ-ไว้วางใจ พร้อมสะท้อนปัญหาหาดใหญ่ถึงรัฐบาล
🛑LIVE ดับฝัน..วันไร้นาย สังเวียนนี้ไม่มี..แลนด์สไลด์ | ห้องข่าวไทยโพสต์
ห้องข่าวไทยโพสต์ : วันอังคารที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2568
เอาแล้ว! นักวิชาการหนุนพรรคประชาชน ยก 2 เหตุผล จี้ ‘เท้ง’ ไขก๊อกพ้นหัวหน้าพรรค
“ไชยันต์ รัชชกูล” อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยา ซึ่งแสดงตัวเป็นผู้สนับสนุนพรรค

